บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

ไฮไลท์สำคัญ: PRIME ไตรมาส 1/68 รายได้ลดฮวบ กำไรหดหาย เหตุธุรกิจไฟฟ้าไต้หวันถูกขาย แถม Adder หมดอายุ ฉุดกำไรบริษัทร่วมวูบ

บริษัท ไพร์ม โรด เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ PRIME ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 ไม่สดใส รายได้รวมลดลง 21% เหลือ 295 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากการขายเงินลงทุนในบริษัทย่อยที่ทำธุรกิจไฟฟ้าในไต้หวัน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังขาดทุนสุทธิ 26 ล้านบาท ซึ่งลดลงถึง 148% จากปีก่อนหน้า ปัจจัยสำคัญที่ฉุดรั้งผลกำไรคือ การทยอยหมดอายุของเงินอุดหนุนจากรัฐบาล (Adder) ในโครงการที่ลงทุนในกลุ่ม VENA Energy

สถานการณ์ธุรกิจ: ขยาย Private PPA ในไทย ลุยโรงไฟฟ้าโซลาร์ที่ไต้หวัน

แม้ผลประกอบการโดยรวมจะไม่เป็นที่น่าพอใจ แต่ PRIME ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัท ไพร์ม เอสโค่ จำกัด ได้ส่งมอบโครงการขายไฟฟ้าระหว่างเอกชน (Private PPA) ซึ่งเป็นระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบทุ่นลอยน้ำ ขนาด 1.00 เมกะวัตต์ ให้กับบริษัท ซี.พี.สหอุตสาหกรรม จำกัด นอกจากนี้ บริษัท ไพร์ม โซลาร์รูปท๊อป จำกัด ยังได้รับงานให้บริการอีก 2 โครงการ ขนาดรวม 1.12 เมกะวัตต์ ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินที่ Miaoli Lake West ในไต้หวัน เฟสแรก ขนาดกำลังผลิต 96 เมกะวัตต์ ก็ได้รับใบอนุญาตเรียบร้อยแล้ว

เจาะลึกรายได้และกำไร: รายได้ขายไฟลดฮวบ EPC โตสวนกระแส กำไรบริษัทร่วมวูบ

เมื่อพิจารณาในรายละเอียด พบว่ารายได้จากการขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PPA) ลดลงถึง 25% จากการขายธุรกิจในไต้หวัน ในขณะที่รายได้จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างแบบเบ็ดเสร็จ (EPC) เพิ่มขึ้น 67% จากโครงการใหม่ที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม รายได้จากธุรกิจซื้อขายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน ลดลง 75% จากการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น นอกจากนี้ ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม ลดลงถึง 80% จากการหมดอายุของ Adder และสิทธิประโยชน์ทางภาษี (BOI)

ทรัพย์สินและหนี้สิน: สินทรัพย์รวมลดลงเล็กน้อย ผู้ถือหุ้นกู้ไฟเขียว ปรับเงื่อนไขชำระหนี้

ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2568 PRIME มีสินทรัพย์รวม 7,285 ล้านบาท ลดลง 2% จากปีก่อนหน้า หนี้สินรวมอยู่ที่ 5,247 ล้านบาท ลดลง 3% ส่วนของผู้ถือหุ้นรวมอยู่ที่ 2,038 ล้านบาท ลดลง 2% จากผลขาดทุนสุทธิและผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นกู้ 4 รุ่น ได้อนุมัติการปรับเงื่อนไขการชำระหนี้ เพื่อช่วยให้บริษัทฯ บริหารจัดการสภาพคล่องได้คล่องตัวยิ่งขึ้น โดยมีการขยายระยะเวลาไถ่ถอน แบ่งชำระคืนเงินต้น และเพิ่มอัตราดอกเบี้ย