บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
CPT กำไรโตสวนกระแส! แม้รายได้รวมลด แต่บริหารต้นทุนเยี่ยม ดันกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นใน Q1/68
P/E 11.83 YIELD 2.53 ราคา 0.99 (0.00%)
ไฮไลท์สำคัญ: CPT โชว์ผลงาน Q1/68 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น แม้รายได้รวมลดลง เน้นบริหารต้นทุนและควบคุมความเสี่ยง
บริษัท ซีพีที ไดร์ แอนด์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPT รายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 โดยมีรายได้รวม 170.58 ล้านบาท ซึ่งลดลงจาก 232.00 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจคือ กำไรสุทธิกลับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จาก 15.40 ล้านบาท เป็น 16.28 ล้านบาท ปัจจัยหลักที่สนับสนุนการเติบโตของกำไรสุทธิมาจากการมุ่งเน้นงานที่ให้ผลตอบแทนสูง การควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ดีขึ้น
รายได้ลด แต่กำไรเพิ่ม: เจาะลึกเบื้องหลังผลประกอบการ CPT
รายได้จากการขาย ลดลงจาก 57.54 ล้านบาท เหลือ 51.80 ล้านบาท เนื่องจากการรอส่งมอบสินค้าให้ลูกค้าในไตรมาสถัดไป ขณะที่รายได้จากการให้บริการรับเหมาและติดตั้ง ลดลงจาก 162.89 ล้านบาท เหลือ 103.79 ล้านบาท เนื่องจากการทยอยส่งมอบงานตามแผน อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นจากการให้บริการรับเหมาและติดตั้งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จาก 16.16% เป็น 30.50% สะท้อนถึงความสามารถในการควบคุมต้นทุนและบริหารความเสี่ยงได้ดีเยี่ยม
ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการบริหาร พบว่ามีการเพิ่มขึ้นจาก 15.03 ล้านบาท เป็น 20.77 ล้านบาท เนื่องจากการปรับค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นของลูกหนี้การค้าและสินทรัพย์ที่เกิดจากสัญญา รวมถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างผู้บริหารเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต
สินทรัพย์และหนี้สิน: ส่องงบ CPT แข็งแกร่งขึ้น
สินทรัพย์รวม ของ CPT เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 1,221.25 ล้านบาท เป็น 1,230.19 ล้านบาท เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของสินคงเหลือและสินทรัพย์ทางการเงินหมุนเวียนอื่น ในขณะที่หนี้สินรวม ลดลงจาก 235.32 ล้านบาท เหลือ 227.98 ล้านบาท เนื่องจากการลดลงของเจ้าหนี้การค้า โดยเฉพาะการชำระคืนเงินประกันผลงาน ส่งผลให้ส่วนของผู้ถือหุ้น เพิ่มขึ้นจาก 985.93 ล้านบาท เป็น 1,002.21 ล้านบาท สะท้อนถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น
สรุปและข้อสังเกต: ทิศทาง CPT ในอนาคต
แม้ว่ารายได้รวมของ CPT จะลดลงในไตรมาส 1/68 แต่การที่บริษัทสามารถทำกำไรสุทธิได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุนและควบคุมความเสี่ยงที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม การลดลงของรายได้จากการขายและบริการรับเหมายังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตามในไตรมาสถัดไป การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการบริหารจากการปรับโครงสร้างผู้บริหาร อาจส่งผลดีต่อการเติบโตในระยะยาว การบริหารจัดการความเสี่ยงที่ดีขึ้นเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้บริษัทสามารถทำกำไรได้ แม้ในสภาวะที่รายได้ลดลง