บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

ไฮไลท์สำคัญ

บริษัท อินสไปร์ ไอวีเอฟ จำกัด (มหาชน) หรือ IVF ผลประกอบการไตรมาส 1/2568 พลิกเป็นขาดทุนสุทธิ 4.01 ล้านบาท จากเดิมที่เคยทำกำไรสุทธิ 4.21 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากรายได้ที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ควบคู่ไปกับต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น

รายได้ลด ต้นทุนเพิ่ม

รายได้รวมของ IVF ในไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ 19.05 ล้านบาท ลดลง 11.55% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 21.26 ล้านบาท โดยเฉพาะรายได้จากการขายและให้บริการที่ลดลงถึง 19.18% เหลือเพียง 16.83 ล้านบาท เนื่องจากการใช้บริการ Anti-Aging และ DFPP ที่ลดลงจากผลกระทบของสภาวะเศรษฐกิจ

ในขณะที่ต้นทุนจากการขายและให้บริการกลับเพิ่มขึ้น 30.26% เป็น 11.20 ล้านบาท จากการเพิ่มขึ้นของค่าตอบแทนบุคลากรและการปรับประมาณการอายุการใช้งานเครื่องมือทางการแพทย์ ส่งผลให้ค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน

• ค่าใช้จ่ายในการขายเพิ่มขึ้น 54.17%
• ค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น 87.30%

จากปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นของ IVF ลดลงจาก 58.71% เหลือเพียง 33.45% ในไตรมาสนี้

สินทรัพย์ลด หนี้สินลด

ในส่วนของงบดุล สินทรัพย์รวมของ IVF ลดลงเล็กน้อยจาก 635.69 ล้านบาท เหลือ 628.22 ล้านบาท เนื่องจากการลดลงของเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดที่ใช้ในการลงทุนในหุ้นกู้ และการคิดค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์ ในขณะที่หนี้สินรวมก็ลดลงจาก 78.11 ล้านบาท เหลือ 74.65 ล้านบาท จากการจ่ายชำระค่าสินค้าและบริการและการชำระหนี้สินตามสัญญาเช่า

ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio) ลดลงจาก 0.14 เท่า เหลือ 0.13 เท่า

สรุป

โดยสรุป IVF เผชิญกับความท้าทายในการทำกำไรในไตรมาส 1/2568 เนื่องจากรายได้ที่ลดลงและต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผลประกอบการพลิกเป็นขาดทุน แม้ว่าอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นจะลดลงเล็กน้อย แต่บริษัทจำเป็นต้องหาแนวทางในการเพิ่มรายได้และควบคุมค่าใช้จ่าย เพื่อฟื้นฟูผลกำไรในอนาคต