บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
TU โชว์ผลงาน Q1/2568 ท่ามกลางความผันผวนเศรษฐกิจโลก พร้อมอัปเดตกลยุทธ์รับมือและแนวโน้มอนาคต
P/E 10.26 YIELD 5.60 ราคา 12.80 (0.00%)
TU โชว์ผลงาน Q1/2568 ท่ามกลางความผันผวนเศรษฐกิจโลก พร้อมอัปเดตกลยุทธ์รับมือและแนวโน้มอนาคต
สวัสดีครับ ขอต้อนรับเข้าสู่กิจกรรมบริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุนของบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) สำหรับผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 2568
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)
ในช่วงไตรมาสที่ 1 ที่ผ่านมา ธุรกิจทั่วโลกเผชิญกับสถานการณ์ความผันผวนทางเศรษฐกิจ การเมืองระหว่างประเทศ เงินเฟ้อ และสภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ รวมถึงนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ในด้านของไทยยูเนี่ยน มีความยืดหยุ่นและพร้อมปรับตัวกับสถานการณ์ โดยใช้จุดแข็งขององค์กรที่มี Global Footprint ที่แข็งแกร่ง
บริษัทให้ความสำคัญกับการทำ Transformation อย่างมาก และสามารถทำการปรับโครงสร้างองค์กรในหลายส่วน เพื่อปรับปรุงให้บริษัทมีการทำงานที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
Q1 ถือว่าเป็นไตรมาสที่ Soft ลง มี Performance ที่ Soft ลงช่วงเดือนกุมภาพันธ์ โดยมีรายได้อยู่ที่ 29,789 ล้านบาท ลดลง 4.3% year-on-year ซึ่งแบ่งออกเป็นการลดลงของ Organic Sales Growth ลดลง 6.9% year-on-year ในขณะที่ตัว FX Impact มี Negative FX Impact อยู่ที่ 2.4% เนื่องมาจากค่าเงินบาทต่อ USD ต่อ EUR และต่อ GDP แข็งค่าขึ้น
Gross Profit Margin อยู่ที่ 18.2% ถือเป็นระดับสูงสุดใน Quarter ที่ 1 โดยปกติ Quarter ที่ 1 จะเป็น Quarter ที่มี Gross Profit Margin ที่ต่ำในทุกๆ ปี แต่ Quarter นี้ถือว่ามี Gross Profit Margin อยู่ในระดับที่สูงที่สุดเท่าที่เคยบริหารมา ส่วนหนึ่งเป็นผลใจมาจากตัว Ambient หรือธุรกิจอาหารแช่แข็งรูปที่ดีขึ้น รวมไปถึงตัว Feed Business ที่ทาง TFM เป็นผู้บริหาร
Adjusted Operating Profit อยู่ที่ราวๆ 1.2 พันล้านบาท ลดลงราวๆ 25% หลักๆ ก็เป็นผลมาจากตัว SG&A ที่เพิ่มขึ้น ซึ่ง SG&A ที่เพิ่มขึ้นมาจาก 2 ปัจจัยด้วยกัน ปัจจัยแรกคือ Transformation Cost ที่ได้เคยให้ข้อมูลไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว ใน Quarter นี้ก็มี Transformation Cost ที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน ข้อที่สองคือ Marketing Expense ที่มีการใช้ Marketing ค่อนข้างเยอะ ซึ่งโดยปกติใน Quarter ที่ 1 จะไม่มีการใช้ตัว Marketing มากมายนัก แต่ต้องทำแคมเปญที่เพิ่งเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ฝั่งยุโรป อเมริกา ชื่อตัว John West Eco Twist
Adjusted Net Profit อยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นราวๆ 9% year-on-year มาจากการที่มี Performance ที่ Below OP ที่ดีขึ้น เช่น ตัว Share of Profit ที่ได้รับมาจากกลุ่มตะวันติก ซึ่งเป็นบริษัทที่ Manage ในประเทศอินโดนีเซียดีขึ้น และมีการรับรู้ตัว One-Time Tax ที่อยู่ทีกรีก
Transformation Cost ในไตรมาสที่ผ่านมาอยู่ที่ 200 ล้านบาท ในตัวของ Transformation ปี 2568 Project โซน่า Cost ที่ตัวนี้ก็จะหมดแล้ว แต่ว่า Project Transformation Cost ใน Tail Wind ยังมีต่อเนื่องไปจนถึงปี 2569
เวลาที่ทำ Transformation ก็ไม่อยากให้มองในมุมของต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายอย่างเดียว สิ่งที่มันจะมาจากตัว Transformation คือตัว Saving ในมุมของโซน่าบน TU Level ส่วน Tail Wind จะมาในมุมของ OP of Lift ที่ ITC Level
ปี 2568 ตั้งเป้าไว้ว่าเป็น in year Saving อยู่ที่ราวๆ 15 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 1 ก็มีการรับรู้ตัว Saving ตัวนี้แล้วที่ 1.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในมุมของ Project Tail Wind ไตรมาสที่ 1 ก็มีการรับรู้ตัว OP of Lift ตัวนี้ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 35 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)
- บริษัทตั้งเป้าที่จะมีสัดส่วนในกลุ่ม PetCare และ Value-Added ที่ระดับ 25-30% ในปี 2030
- ธุรกิจ Frozen มีอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 12.4% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ 10-12% ที่ตั้งไว้ ส่วนใหญ่เป็นผลจากความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้นในกลุ่มของ Feed และ Shield Business
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)
ยอดขายโดยรวมปรับตัวลดลงราว 10.3% year-on-year ส่วนหนึ่งมาจากการแข็งค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่น
- ธุรกิจ Ambient: ยอดขายลดลง 14% year-on-year จากฐานที่สูงในไตรมาส 1 ปีที่แล้ว และผลกระทบจากราคาปลาทูน่าที่สูงขึ้น ทำให้กลุ่มลูกค้ารับจ้างผลิตมีการ Wait and See
- ธุรกิจ Frozen: ยอดขายลดลง 12.2% year-on-year สาเหตุหลักมาจากยอดขายในกลุ่ม Private Label ที่ลดลง เนื่องจากราคา กุ้งใน US ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 20.7% year-on-year
- ธุรกิจ PetCare: การเติบโตของยอดขายโดยรวมถูกชดเชยบางส่วนด้วยราคาขายเฉลี่ยที่ลดลง และมี Negative Impact จาก FX
- ธุรกิจ Value Added: ยอดขายลดลง 3.1% year-on-year ส่วนใหญ่มาจากราคาขายที่ลดลงในทุกกลุ่มธุรกิจ
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)
- ธุรกิจ Ambient: ชดเชยยอดขายที่ลดลงในบางตลาดด้วยการทำการตลาดอย่างต่อเนื่องในตลาดอื่นๆ ภายใต้แบรนด์ของบริษัท
- ธุรกิจ Frozen: ชดเชยการลดลงด้วยการเติบโตของธุรกิจอาหารสัตว์ที่บริหารโดย Thai Union Feed Mill
- บริษัทมีการปรับปรุงประสิทธิภาพของการบริหารต้นทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาระดับ Gross Profit Margin
- การใช้ Global Footprint เพื่อโยกย้ายฐานการผลิตไปยังภูมิภาคต่างๆ ที่มีความเหมาะสมด้านต้นทุนและภาษี
- การ Stock สินค้า Finished Goods เพื่อรองรับผลกระทบจากการขึ้นภาษีในอนาคต
- การพูดคุยกับลูกค้าในกลุ่ม US เพื่อทำความเข้าใจผลกระทบและหาแนวทางแก้ไขร่วมกัน
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)
- บริษัทคาดการณ์ว่าราคา กุ้งจะปรับตัวลดลง ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่ม Frozen ในไตรมาสถัดไป
- ธุรกิจ PetCare ยังคงขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะในตลาด US
- บริษัทให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่าย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำกำไร
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) เริ่มต้น นาทีที่ 59:07
คำถามเกี่ยวกับรายได้รวมปี 2568 และงบลงทุน:
บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมปี 2568 โดยคาดว่าจะเติบโต 1-3% year-on-year และมี Gross Profit Margin อยู่ที่ 18-19%
SG&A to Sales ของเราจะอยู่ที่ 13.5-14% และในมุมของ Capex ปรับลดลงมาอยู่ที่ 3-3.5 พันล้านบาท
คำถามเกี่ยวกับทิศทางใน Quarter ที่ 2:
บริษัทได้เร่งส่งออกสินค้าที่อาจได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีใน US ทำให้คาดว่ายอดขายใน Quarter ที่ 2 จะเพิ่มขึ้นจากส่วนนี้
คำถามเกี่ยวกับกำลังการผลิตในอเมริกาและโปแลนด์:
บริษัทมีความสามารถในการโยกย้ายการผลิตไปยังที่ต่างๆ ได้ เนื่องจากมี Global Footprint
บริษัทสามารถบริหารจัดการการผลิตได้ แต่ Demand ก็ขึ้นอยู่กับ US ถ้า Demand ยังมากก็อาจจะยังคงผลิตที่ไทยบ้าง
เวลาที่โยกกำลังการผลิตไป ไม่ได้หมายความว่าย้ายฐานการผลิต ยังมีการผลิตอยู่ที่ไทยบ้าง มีการ Balancing การผลิต
คำถามเกี่ยวกับ Reciprocal Tariff:
คำถามเกี่ยวกับ Global Minimum Tax:
Global Minimum Tax คือการคิด Tax ของกลุ่ม Operation ที่อยู่ในประเทศไทย
หากบริษัทไหนมี Tax ที่น้อยกว่า 15% จะต้องทำการปรับเพื่อให้จ่ายให้เต็ม 15%
ใน Quarter ที่ 1 ยังไม่มีการรับรู้ในมุมของ Tax ที่เพิ่มขึ้น เพราะ Operating Company แต่ละ Company ในประเทศไทยมีการทำมาหาได้ที่ดี เสียภาษีที่มากกว่า 15%
ตลอดทั้งปี ผลจาก Minimum Tax ยังอยู่ใน Range เดิมที่ราวๆ 0.4-4% ถือว่าเป็น Tax ที่ Additional เข้ามา
ชื่อหัวข้อที่ถามและคำตอบที่ผู้บริหารตอบในคลิป
- Q1 Performance และภาพรวมธุรกิจ
- กลยุทธ์การเติบโตในตลาดโลก
- ผลกระทบจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ
- การบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่าย
- แนวโน้มและเป้าหมายในอนาคต
- การลงทุนและนโยบายการจ่ายปันผล
โดยสรุป ไทยยูเนี่ยนยังคงมุ่งมั่นที่จะปรับตัวและเติบโตอย่างยั่งยืน ท่ามกลางความท้าทายต่างๆ ในตลาดโลก โดยใช้จุดแข็งด้าน Global Footprint และความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุน เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น