บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

ไฮไลท์สำคัญ:

TERA รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/2568 กำไรสุทธิลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีรายได้รวม 102.39 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 0.61 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน รายได้รวมลดลง 11.43% และกำไรสุทธิลดลงถึง 113.33% อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ -0.60% ลดลงจาก 3.96% ในปีก่อนหน้า

รายได้และปัจจัยที่ส่งผลกระทบ:

ในไตรมาส 1/2568 TERA มีรายได้รวมลดลง 11.43% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากการลดลงของรายได้จากการขายถึง 46.77% อย่างไรก็ตาม รายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้น 9.10% และรายได้อื่น ๆ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญที่ 193.87% ซึ่งช่วยลดผลกระทบจากการลดลงของรายได้รวม การเติบโตของรายได้จากการให้บริการเป็นผลมาจากการขยายตัวของบริการ Cloud, Software Skyfrog และบริการ T.Support/T.Support Plus ในขณะที่รายได้จากการขายลดลงเนื่องจากลูกค้าภาคเอกชนเปลี่ยนไปใช้บริการแบบ As a Services ในรูปแบบ Cloud Services มากขึ้น

TERA เริ่มต้นรับรู้รายได้จากโครงการ T.Cloud Gen3 ในไตรมาสนี้ ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่บริษัทฯ ลงทุนไป 46.19 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม รายได้จากโครงการนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ทำให้มีรายได้เพียง 0.24 ล้านบาทในไตรมาสแรก

การลงทุนและสถานการณ์เศรษฐกิจ:

บริษัทฯ ระบุว่าลูกค้าภาคเอกชนมีแนวโน้มเปลี่ยนรูปแบบการซื้อจาก On-premise เป็นการซื้อบริการแบบ As a Services ในรูปแบบของ Cloud Services มากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังกล่าวถึงปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน เช่น การชะลอการลงทุนของภาคเอกชนเนื่องจากกำลังซื้อภาคประชาชน สภาพเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย หนี้ภาคครัวเรือน ภาวะสงครามการค้า และภัยธรรมชาติ TERA ได้เข้าทำสัญญาเช่าพื้นที่เพิ่มเติมในอาคาร CS Tower เพื่อใช้เป็นพื้นที่สำหรับห้องควบคุม (NOC) ของโครงการ T.Cloud Gen3 และพื้นที่ส่วนกลาง ทำให้สินทรัพย์สิทธิการใช้และหนี้สินตามสัญญาเช่าเพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทย่อย (บริษัท สกายฟร็อก จำกัด) ได้นำเงินสดส่วนเกิน 10 ล้านบาทลงทุนในกองทุนรวม

ภาพรวมและทิศทาง:

TERA มีผลการดำเนินงานที่ลดลงในไตรมาส 1/2568 เนื่องจากรายได้จากการขายที่ลดลงและการเริ่มต้นรับรู้ค่าใช้จ่ายจากโครงการ T.Cloud Gen3 อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการเติบโตของบริการ Cloud และโซลูชั่น AI และให้ความสำคัญกับการควบคุมค่าใช้จ่ายและความยั่งยืน