บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
GULF เล็งปี 68 โตกระโดด! Phillip Securities ชี้ หลังควบรวม INTUCH ธุรกิจชัดเจนขึ้น
P/E 7.39 YIELD 0.00 ราคา 40.50 (0.00%)
Phillip Securities (ประเทศไทย) หรือ PST มอง GULF หลังควบรวม INTUCH จะมีโครงสร้างรายได้และกำไรที่แข็งแกร่งขึ้น พร้อมประเมินราคาเป้าหมาย 60 บาท
GULF เปลี่ยนผ่านสู่ Holding Company
PST วิเคราะห์ว่า GULF ได้เปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญจากการควบรวมกับ INTUCH ทำให้โครงสร้างรายได้และกำไรของบริษัทแข็งแกร่งและหลากหลายมากขึ้น จากเดิมที่เน้นธุรกิจผลิตไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว สู่การเป็น Holding Company ที่ครอบคลุมทั้งพลังงาน โครงสร้างพื้นฐาน และธุรกิจดิจิทัล โดยในปี 2025 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 20–25% จากการที่มีกำลังผลิตใหม่เริ่มรับรู้รายได้เต็มปี รวมถึงการเปิดตัว Data Center เฟสแรกสู่การให้บริการเชิงพาณิชย์
Core Business Outlook 2025 หลังควบรวม
ในปี 2025 ธุรกิจหลักของ GULF จะยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยในส่วนของธุรกิจพลังงานจะมีการเริ่มเดินเครื่องโครงการใหม่คิดเป็นกำลังการผลิตรวมประมาณ 1,500 เมกะวัตต์ เช่น GPD Unit 2 และโครงการโซลาร์ ทำให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้เต็มปีจาก GPD ครบทั้ง 4 ยูนิตรวม 2,650 เมกะวัตต์ ส่งผลให้กำลังการผลิตรวมทั้งหมดเพิ่มขึ้นเป็น 16,577 เมกะวัตต์ สำหรับธุรกิจ LNG บริษัทมีแผนนำเข้า LNG จำนวน 70 ลำ หรือประมาณ 4–5 ล้านตันต่อปี ซึ่งจะสร้างรายได้จากค่าบริการเพิ่มขึ้นราว 500 ล้านบาท
ในด้านธุรกิจดิจิทัล GULF มีแผนเปิดให้บริการ Data Center เฟสแรกขนาด 25 เมกะวัตต์ ในเดือนเมษายน 2025 หรือภายใน 1H25 โดยคาดมีลูกค้ารองรับแล้วเกือบทั้งหมด และมีแผนขยายเฟสสองอีกไม่ต่ำกว่า 50 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ยังร่วมมือกับ Google Cloud เพื่อเปิดให้บริการ Air Gap Cloud สำหรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการความปลอดภัยของข้อมูลสูง
กลยุทธ์การเติบโตระยะยาว
GULF ใช้กลยุทธ์การเติบโตแบบ Multi-Core ซึ่งประกอบด้วย 3 แกนหลัก ได้แก่ ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจดิจิทัล และธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน โดยในด้านพลังงานบริษัทมุ่งเน้นการพัฒนาพลังงานสะอาด เช่น Solar, Wind และ Hydro โดยมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนให้มากกว่า 40% ภายในปี 2035 และบรรลุ Carbon Neutral ภายในปี 2050 ในด้าน Digital Infrastructure บริษัทมุ่งเน้นการลงทุนใน Data Center, Cloud, AI และ Cybersecurity
ประมาณการกำไรและราคาเป้าหมาย
PST คาดการณ์กำไรปี 2025 ที่ 24,430 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และปรับมูลค่าพื้นฐานปี 2568 มาที่ 60.00 บาท (DCF, WACC = 6.84%, TG = 3%) พร้อมคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยมีปัจจัยหนุนจากฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นหลังการควบรวม และศักยภาพการเติบโตในระยะยาวจากธุรกิจไฟฟ้าและดิจิทัล