บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
TU กำไร Q1/68 ดิ่ง! โบรกฯ หั่นเป้าเหลือ 11 บาท ชี้ Demand สหรัฐฯ-ยุโรปฉุด
P/E 9.94 YIELD 5.78 ราคา 12.40 (0.00%)
ไฮไลท์สำคัญ: FSSIA ปรับลดประมาณการและราคาเป้าหมาย TU
FSS International Investment Advisory Securities (FSSIA) คาดการณ์กำไร Q1/2568 ของ TU จะลดลงอย่างมาก YoY และ QoQ สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 23 ไตรมาส เนื่องจาก demand ที่ลดลงในสหรัฐฯ และยุโรป นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างประเมินผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ซึ่งรายได้ราว 40% ของ TU มาจากสหรัฐฯ ส่งผลให้ FSSIA ปรับลดคำแนะนำเป็น "ถือ" (HOLD) พร้อมปรับลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 11 บาท (จากเดิม 15 บาท)
รายละเอียดการวิเคราะห์: ผลกระทบต่อผลประกอบการ
FSSIA คาดการณ์กำไรสุทธิ Q1/2568 ของ TU จะอยู่ที่ 642 ล้านบาท (-47% QoQ, -44% YoY) ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 23 ไตรมาส (ไม่รวม Q4/2566 ที่มีการบันทึกผลขาดทุนจากการด้อยค่าของ Red Lobster) ปัจจัยหลักคือ รายได้ที่อ่อนแอ ซึ่งคาดว่าจะลดลง 13% QoQ และ 8% YoY โดยลดลงในทุกกลุ่มธุรกิจ ได้แก่ Ambient, Frozen และ Pet Care สาเหตุหลักมาจาก demand ที่อ่อนแอในสหรัฐฯ และยุโรป นอกจากนี้ ยังคาดว่าต้นทุนการเปลี่ยนแปลง (transformation costs) จะสูงขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่เพิ่มขึ้น และ TU จะเริ่มเผชิญกับภาษีที่สูงขึ้นจาก GMT
ข้อสังเกต: ความหวังการฟื้นตัวและผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้า
ผู้บริหาร TU คาดการณ์ว่า Q1/2568 จะเป็นจุดต่ำสุดของปี และคาดว่าจะมีการฟื้นตัวของคำสั่งซื้อตั้งแต่ Q2/2568 เป็นต้นไป นอกจากนี้ ราคาปลาทูน่า เริ่มปรับตัวสูงขึ้น โดยราคาเฉลี่ยใน Q1/2568 อยู่ที่ 1,600 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน (+4.6% QoQ, +20% YoY) แม้ว่าลูกค้า OEM อาจชะลอการซื้อใน Q1 แต่คาดว่าจะกลับมาซื้อในราคาที่สูงขึ้นใน Q2/2568 TU ยังคงเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปี 2568 ที่ 3-4% YoY, อัตรากำไรขั้นต้น 18.5-19.5% และ SG&A ต่อรายได้ 13-13.5%
TU อยู่ระหว่างประเมินผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ โดยเปิดเผยว่ารายได้ราว 40% มาจากสหรัฐฯ (Ambient 30%, Pet Care 50%, Frozen 50%) โดย 10% มาจากการผลิตในสหรัฐฯ ผ่านบริษัทลูก COSFF FSSIA ประเมินว่ารายได้ 30% อาจมีความเสี่ยงจากมาตรการกีดกันทางการค้า อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมีสินค้าคงคลังสำเร็จรูปในระดับหนึ่ง (ประมาณ 4-6 เดือน) และมีโรงงานผลิตในประเทศอื่น ๆ ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ เช่น กานา อย่างไรก็ตาม FSSIA ยังคงกังวลเกี่ยวกับ demand ที่อ่อนแอ ทำให้ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ลง 26% เหลือ 3.8 พันล้านบาท (-24% YoY)
สรุป: ปรับลดคำแนะนำและราคาเป้าหมาย
FSSIA ปรับลดราคาเป้าหมาย TU ลงเหลือ 11 บาท (จากเดิม 15 บาท) โดยลดเป้า P/E ลงเหลือ 12.5 เท่า ซึ่งสอดคล้องกับค่าเฉลี่ย P/E ในอดีต 5 ปี และปรับลดคำแนะนำเป็น "ถือ" (HOLD) แม้ว่าราคาหุ้นจะปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่ยังคงระมัดระวังเกี่ยวกับแนวโน้มการฟื้นตัวและผลกระทบที่แท้จริงจากมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ เมื่อเร็ว ๆ นี้ TU ได้อนุมัติการเพิ่มวงเงินโครงการซื้อหุ้นคืนเป็น 5 พันล้านบาท โดยมีจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนสูงสุด 445 ล้านหุ้น