https://aio.panphol.com/assets/images/community/3769_98abdc.png

HPT เผยแผนปี 2568: มุ่งขยายตลาดครัวเรือน, เพิ่มสัดส่วน Stoneware, ตั้งเป้าเติบโต 40-50%

P/E 11.53 YIELD 6.37 ราคา 0.35 (0.00%)

HPT เผยแผนปี 2568: มุ่งขยายตลาดครัวเรือน, เพิ่มสัดส่วน Stoneware, ตั้งเป้าเติบโต 40-50%

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):

HPT ดำเนินธุรกิจหลักเป็นโรงงานผู้ผลิตเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารเซรามิก Fine China โดยมีแบรนด์เป็นของตัวเองภายใต้แบรนด์ Paythai รายได้หลักมาจากการส่งออกไปต่างประเทศ ผลิตภัณฑ์ Fine China มีคุณสมบัติที่แตกต่างจากเซรามิกทั่วไป ตรงที่มีความแวววาวสวยงามและมีความทนทานสูง กลุ่มธุรกิจดั้งเดิมคือการขายไปยังตัวแทนจำหน่ายในแต่ละประเทศ เพื่อกระจายสินค้าต่อไปยังกลุ่มโรงแรมและร้านอาหาร

ปี 2567 บริษัทได้รับการประเมินทางด้านการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนระดับดีเลิศต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 และผลประเมินคุณภาพการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ได้คะแนนร้อยละ 100

  • รายได้หลักของบริษัทมาจากการผลิตเซรามิก 84.15%
  • บริษัทลูก Central Hospitality 15.04%
  • ส่วนที่เหลือเป็นรายได้อื่น ๆ

รายได้หลักมาจากการขายสินค้าที่ผลิตเอง 85.40% สินค้าที่ร่วมกันพัฒนาจากบริษัทพันธมิตร 13.84% อื่น ๆ เป็นรายได้จากคอมมิชชั่น กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือดอกเบี้ยต่าง ๆ

บริษัทมีบริษัทย่อย Central Hospitality ทำธุรกิจจำหน่ายสินค้า โดยกลุ่มลูกค้าหลักจะเน้นภายในประเทศ สินค้าจะเป็นเครื่องครัว เครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร สำหรับกลุ่มลูกค้าที่ทำธุรกิจด้านอาหาร โรงแรม ร้านอาหาร คาเฟ่ บาร์

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):

บริษัทมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในการผลิตเซรามิกให้ครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารที่บ้านหรือที่โรงแรมร้านอาหาร ผ่านเซรามิกที่หลากหลาย Fine China, Fine China ตกแต่งสี, Stoneware, Red Clay, สินค้า Lifestyle ประเภทเซรามิกอื่น ๆ

บริษัทกำลังขยายฐานลูกค้าในกลุ่มครัวเรือนเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเห็นความเสี่ยงจากการพึ่งพิงลูกค้าแค่กลุ่มโรงแรมร้านอาหาร

  • บริษัทได้พัฒนา Stoneware ที่มีความทนทานมากขึ้น
  • เป็นตัวแทนจำหน่าย Brand Corelle Dura Nano ที่จับกลุ่มลูกค้าในครัวเรือน

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):

ถึงแม้บริษัทจะได้รับการประเมินที่ดีในด้านการกำกับดูแลกิจการ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากปัจจัยภายนอก เช่น สงครามการค้า หรือการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก

การแข่งขันจากสินค้าจีนที่มีราคาถูกกว่า เป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงที่บริษัทต้องเผชิญ

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):

บริษัทได้ติดตั้งส่วนต่อขยายเตาเผาบิสกิต ทำให้ปริมาณการเผาชิ้นงานเพิ่มขึ้น ลดต้นทุนในการเผาต่อชิ้นลง

มีการเพิ่มเครื่องล้างจานและอบชิ้นงานบิสกิต และเพิ่มชุดสายพานอบชิ้นงานชุบเคลือบ เพื่อรองรับปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น

บริษัทใช้พลังงานจากการหมุนเวียนที่เป็น Waste จากในระบบการผลิตมาใช้

บริษัทกำลังขยายตลาดในฝั่งอาเซียน โดยได้ไปร่วมงาน Vietfood & Beverage ที่เวียดนาม

บริษัทได้ออกคอลเลคชั่นใหม่สำหรับ Whiteware และงานเพ้นท์สี เพื่อให้เข้ากับตลาดอินเดีย

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):

บริษัทตั้งเป้าการเติบโตในปี 2568 ไว้ที่ 40-50% โดยการเติบโตนี้มาจาก Stoneware Dinner Set ที่จะขายไปอเมริกาและยุโรปมากขึ้น และการเพิ่มปริมาณการผลิต Fine China

  • บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะมีสัดส่วน OBM (Own Brand Manufacturing) มากกว่า 50% ของโครงสร้างรายได้
  • บริษัทจะทำ Trading ควบคู่ไปด้วย เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าและขยาย OBM ไปพร้อม ๆ กัน

Backlog ณ มีนาคม อยู่ที่ 102 ล้านบาท โดยหลัก ๆ มาจากทวีปยุโรป 54% อเมริกา ออสเตรเลีย เอเชีย ตามลำดับ

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [เริ่ม Q&A นาทีที่ 41:35]

  1. คำถาม: ในปี 2568 ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้เติบโตระดับสูง มีความเสี่ยง และความกังวล หรือปัจจัยลบอะไร ที่จะมาทำให้ไม่ได้ตามเป้าหมายหรือไม่ อย่างไร

    คำตอบ: แผนที่บริษัทวางไว้ ไม่ใช่แผนที่เป็นสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน บริษัทเริ่มขายสินค้า Stoneware มา 2-3 ปีแล้ว มีความเข้าใจในกลุ่มลูกค้ามากขึ้น หาลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ มีการส่งตัวอย่างไปให้ลูกค้า เสนอราคากันต่อเนื่อง ในปี 2568 เห็นเทรนด์คำสั่งซื้อของลูกค้าในกลุ่มนี้เพิ่มมากขึ้น เริ่ม Place Order กันมาแล้ว จึงไม่กังวล เพราะเห็นทิศทางและเทรนด์ของ Order เข้ามา มีความจับต้องได้

  2. คำถาม: ในปี 2568 ต้นทุนวัตถุดิบ ต้นทุนพลังงาน มีทิศทางอย่างไร เมื่อเทียบกับปีก่อน คิดว่าตัว GP นี้ จะเพิ่มขึ้นได้อีกหรือไม่

    คำตอบ: บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะหาแหล่งใหม่ ๆ และมีความพยายามในการจะลดต้นทุนค่าพลังงานอยู่ตลอด โดยในปี 2568 ที่ผ่านมา ในช่วงไตรมาสแรก บริษัทยังคงสามารถควบคุมในส่วนของต้นทุนด้านการผลิต ให้ใกล้เคียงกับเดิมอยู่ เป็นไปตามแผนที่ตั้งไว้

  3. คำถาม: แนวโน้มผลประกอบการ Q1 ปี 2568 เป็นอย่างไร ถ้าเทียบกับปีที่แล้ว

    คำตอบ: ถ้าเทียบกันกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีทิศทางที่ดีขึ้น ดีกว่าปีก่อน

  4. คำถาม: สินค้าจากจีนเป็น Threat หรือไม่ HPT มีกลยุทธ์ในการแข่งขันกับสินค้าจีนอย่างไร

    คำตอบ: สินค้าจีนกับสินค้า Home Pottery เป็นสินค้าสำหรับกลุ่มลูกค้าคนละกลุ่มกัน ถ้าเทียบกับตัว Fine China Product ของ HPT เอง จะค่อนข้างเป็นกลุ่มลูกค้านิช คือเป็นกลุ่มลูกค้าเฉพาะ บริษัทมีการ Set Product และกลุ่มตลาดให้มันต่างกันมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว สินค้าของบริษัทจึงไม่ค่อยได้ไปแข่งขันกับสินค้าจีน เพราะไม่ได้เน้นการทำสินค้า Mass และราคาถูก แต่จะไปมุ่งเน้นการทำสินค้าให้เป็นงาน Art งาน Craft เพื่อเพิ่มมูลค่าให้สูงขึ้น มันทำคนละแบบกันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว และยิ่งปัจจุบัน ในการส่งสินค้าไปทางอเมริกา ที่จีนมีปัญหาเรื่องสงครามการค้ากันกับทางอเมริกา มันก็เป็นข้อดีที่ทำให้สินค้าของบริษัท สามารถเพิ่มตลาดในอเมริกาได้มากขึ้นด้วย

  5. คำถาม: แนวโน้มของ Stoneware เป็นอย่างไร ตั้งเป้าการเติบโตเป็นอย่างไร ขายช่องทางใด ตลาดไหน

    คำตอบ: หลัก ๆ ตอนนี้ จะมีกลุ่มลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มลูกค้าโรงแรมร้านอาหาร ที่เป็นกลุ่มลูกค้าดั้งเดิมอยู่แล้ว บริษัทได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ Stoneware ที่มีความทนทานเพิ่มมากขึ้น เพื่อสามารถทนต่อการใช้งานในร้านอาหารได้ ซึ่งตัว Body ตัวนี้เรียกว่า Stoneware Alumina ก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มโรงแรมร้านอาหาร ที่มี Budget Fine China จะราคาสูงกว่า เราก็เลยพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพราะว่า Fine China อยู่ อย่างนี้ Stoneware อยู่ อย่างนี้ ก็ตาม เราทำตัวกึ่งกลางระหว่างมา เราเรียกว่า Stoneware Alumina ซึ่งตัวนี้เป็นตัวที่บริษัทพัฒนา Body ขึ้นมาเพื่อให้ตอบโจทย์กับกลุ่มลูกค้าดั้งเดิม ก็ได้รับการตอบรับที่ดี และนอก จากนี้เราก็ยังสามารถทำ Stoneware แบบปกติได้ด้วย ดังนั้นกลุ่ม Stoneware ปกติ บริษัทก็มีการวิ่งหาลูกค้านะคะ และก็ได้ลูกค้าเพิ่มมา มากขึ้น จะเป็นกลุ่มในครัวเรือน ที่เหมาะกับเซรามิกประเภท Stoneware ก็อันนี้ก็จะไปขายตลาด กลุ่มนี้เพิ่มมากขึ้นด้วย ซึ่งแผนของปีนี้ หลัก ๆ ก็จะเป็นการที่เราเพิ่มกลุ่มตลาดประเภทนี้เข้ามา

  6. คำถาม: การประเมินผลกระทบจาก US Tariff Threat

    คำตอบ: จากการเช็ค ในส่วนของสินค้าประเภทเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารเซรามิก ที่มาจากไทย ปัจจุบันยังไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ และบริษัทก็มีการจำหน่ายสินค้าไปทางอเมริกาเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน

  7. คำถาม: เมลามีนมีข้อดี ข้อเสียต่างจากเซรามิกอย่างไร

    คำตอบ: เมลามีน Material ทำมาจากพลาสติก ตัวเซรามิก ทำมาจากตัวดิน Material มันจะทำมาจาก คนละแบบกัน ดังนั้นเมลามีน ถ้าเรานับ มันก็นับว่าเป็นผลิตภัณฑ์พลาสติก ประเภทหนึ่ง เป็นเนื้อพลาสติกประเภทหนึ่ง ดังนั้น ตั้งแต่วัตถุดิบมาจนถึงกระบวนการการผลิต มันจะมีความแตกต่างกัน และก็ความทนความร้อน เนื่องจากเซรามิก เผาที่อุณหภูมิสูง เป็น 1,000 กว่าองศา ดังนั้นตัวเซรามิกเอง มันจะมีความทนความร้อนได้สูงกว่า ตัวเมลามีน ซึ่งเมลามีน ถ้ามันโดนไฟมันก็จะไหม้ ไหม้แล้วก็ละลายได้ รวมถึงถ้าเราใส่ของร้อนเนี่ย เราไม่สามารถเอาเข้าไมโครเวฟหรือเตาอบได้นะคะ ถ้าเป็นผลิตภัณฑ์ เมลามีน แต่ว่าเซรามิกสามารถ เข้าเครื่อง ล้างจาน ไมโครเวฟ เตาอบได้ทั้งหมดค่ะ โดยที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค

  8. คำถาม: บริษัทมีแผนการลงทุน ใหญ่ ๆ เช่น พวกกลุ่ม ใน ในส่วนของ Capex ยังไงบ้าง เป็นการ Finance หรือจาก Cash Flow อย่างไรบ้าง

    คำตอบ: ในปีนี้นะคะ หลัก ๆ ของเรายังไม่มีแผนการลงทุน ในส่วนใหญ่ ๆ นะคะ หลัก ๆ เนี่ย Cash Flow ทั้งหมดของบริษัทเนี่ย มันจะมุ่งเน้นมาในส่วนของ พัฒนาเรื่องการขายสินค้านะคะ ที่ เป็นกลุ่ม Stoneware แล้วก็พัฒนาในส่วนของการ งาน Trading มากขึ้นนะคะ ซึ่ง มันจะเป็นการใช้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นหลักค่ะ

  9. คำถาม: เรื่องสิทธิ BOI บริษัทได้สิทธิประโยชน์ BOI อะไรบ้าง

    คำตอบ: ตอนนี้ จะมีในส่วนของการลดหย่อนภาษีนะคะ ในอัตราประมาณ 20% ที่เกิดจากการร่วม ทำโครงการ ลดพลังงานนะคะ จากการใช้ โซลาร์ รูฟ นะคะ ก็คาดว่าจะใช้ได้ถึง ปลายปีนี้ ปี 68 นี้ค่ะ

  10. คำถาม: นอกจากการ Product Quality แล้วก็ Cost Leadership แล้ว บริษัททำได้ดีมาก รวมถึงจานที่มีลวดลายสวยงาม ซึ่งทางบริษัท มีโอกาสไหมที่จะพัฒนาดีไซน์ หรือเจาะกลุ่มใหม่ ๆ อย่างเช่นการทำ Pop Mart Character หรือพวกกลุ่ม ลวดลายที่มีลิขสิทธิ์ต่าง ๆ เช่น Snoopy Doraemon เอามาเพิ่ม Value แล้วก็ขยายเข้ากลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ มากขึ้น เพราะว่าเห็นหลายแบรนด์ทำออกมาแล้วสามารถทำให้ลูกค้ามาสนใจแบรนด์ยิ่งขึ้น

    คำตอบ: ปัจจุบันนี้ ต้องเล่าดั้งเดิมของ ฐานลูกค้าเดิมของบริษัทว่าดั้งเดิมเนี่ยกลุ่มลูกค้าหลักของเราคือกลุ่มโรงแรมร้านอาหารนะคะ ซึ่งปัจจุบันเนี่ยบริษัทก็มีการเริ่มพัฒนากลุ่มลูกค้านะคะเพิ่มจำนวนลูกค้าในกลุ่มครัวเรือนเพิ่มมากขึ้น โดยการค่อย ๆ ทำ พัฒนาผลิตภัณฑ์ไป ซึ่งสเตจการใช้ลวดลายที่มีลิขสิทธิ์เหล่าเนี้ย บริษัท ตอนเนี้ยยังอยู่ในช่วงการศึกษาว่ากลุ่มลูกค้าที่ ที่ได้ ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของบริษัทเนี่ยที่แท้จริงแล้วเนี่ยจะเป็นกลุ่มไหนกันแน่หลังจากนั้นบริษัทถึงจะเริ่มพิจารณาว่าเราจะเอาลวดลายใดที่ตรงกลุ่มเป้าหมายของ บริษัทมากที่สุด อันนี้ก็จะเป็นการลดความเสี่ยงไปด้วยนะคะ เพราะว่าส่วนมากตอนนี้สินค้าเราดั้งเดิมเนี่ยมันเริ่มมันเข้า Fit In กับลูกค้าครัวเรือนอยู่แล้ว แต่ อันเนี้ยมันต้องทำรีเสิร์ชต่อไปอีกว่ามันจะต้องเป็นคาแรคเตอร์ตัวไหนที่ Cover กลุ่มลูกค้าที่จะเป็นกลุ่มเป้าหมายของบริษัทมากที่สุด อันนี้ก็ขอเป็นการบ้านนะคะที่ ณ สุดท้ายเนี่ยคิดว่าบริษัทน่าจะได้ทำโปรเจค ลักษณะแบบนี้เช่นเดียวกันค่ะ

  11. คำถาม: บริษัทมีแผนในการเพิ่มสัดส่วนการขายในไทยอย่างไรบ้าง

    คำตอบ: ในการขายในประเทศไทยเนี่ยหลัก ๆ ก็จะทำผ่านบริษัทย่อยนะคะก็คือบริษัท Central Hospitality ซึ่งเดิม Central Hospitality เนี่ยเราจะมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้ากลุ่มเดียวก็คือกลุ่มโรงแรมร้านอาหาร แต่ปัจจุบันเนี่ยก็เริ่มมีการเปลี่ยนกลยุทธ์นะคะมีการเริ่มศึกษาที่จะ ขายสินค้าที่เป็นครัวเรือนมากขึ้นนะคะเราก็ได้มีการแบบเป็นตัวแทนของแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับในสินค้าครัวเรือนนะคะไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ Corelle ซึ่งถ้าทุกท่าน รู้เรื่อง Corelle ก็จะเป็นจานชามโอปอลจากอเมริกาที่เดินเคยเป็นที่นิยมอย่างมากแต่ว่าอันนี้เราได้เป็น Distributor ในไลน์ของกระทะ Dura Nano ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่สำหรับกระทะ Non Stick นะคะ ซึ่งอันนี้ก็เป็น Product ที่ บริษัทได้คัดสรรมาแล้วว่าเป็นสินค้าที่เป็นนวัตกรรมแล้วก็น่าสนใจค่ะ และก็การเข้าถึงลูกค้าเนี่ยปัจจุบัน เราก็มีการเพิ่มช่องทางการ Platform Online ต่าง ๆ ให้เข้าถึงลูกค้าประเภทครัวเรือนมากขึ้นนะคะ

  12. คำถาม: Financial Leverage มีเงินเบิกเกินบัญชี และก็เป็นเงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันเพิ่มขึ้น 19 ล้านบาท ซึ่ง นักลงทุนมีความคิดเห็นว่ามันอยู่ในอัตราที่สูง แล้วก็อยากทราบว่าบริษัทมีความจำเป็นอย่างไรในการใช้เงินเบิกเกินบัญชี นะคะ อยากทราบว่า ในปีนี้จะมีแผนที่จะลดลงในส่วนนี้หรือไม่ นะคะ

    คำตอบ: ในส่วนของการกู้ยืมนี้นะคะ เป็นแผนจากปี 58 นะคะที่บริษัทตั้งเป้าการเติบโตไว้ค่อนข้างสูงนะคะอยู่ที่ 40-50% นะคะซึ่ง แพลน ในการที่จะทำยอดขายที่เพิ่มมากขึ้นเนี่ยมันแปลว่าเงินหมุนเวียนในระบบมันจะต้องเพิ่มมากขึ้นพอดีนะคะเนื่องจาก บริษัทเนี่ยได้รับโอกาสนะคะจากสถาบันการเงินที่เป็นในส่วนของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอะค่ะเป็น เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ นะ คะที่แบบเป็นเงินสำหรับ ช่วยเหลือ SME แล้วก็บริษัทเนี่ยอยู่ใน อยู่ในเงื่อนไขที่เข้ากับการทำกู้ยืมดอกเบี้ยต่ำนี้ได้นะคะบริษัทจึงเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีนะคะที่จะมีการเราแพลนจะขยายยอดขายแล้วก็มีการเตรียมการเรื่อง แคช ให้ ให้ได้ เหมาะสมเพียงพอค่ะ อันนี้ก็ มันเป็นช่วงระยะสั้นนะคะอยู่ในช่วงประมาณ 2 ปีค่ะ ที่ ที่เข้ากับโครงการดอกเบี้ยต่ำนี้นะคะ

  13. คำถาม: ปีนี้คาดว่ายอดขายจะสามารถ เติบโตได้เท่าไหร่นะคะจากการขยายเตาที่ผ่านมา

    คำตอบ: จากการขยายเตาที่ผ่านมานะคะ บริษัทคาดว่าจะสามารถเพิ่มยอดขายนะคะมันจะเป็นการเพิ่มแบบ ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป เพราะว่าอย่างที่พรีเซนต์มาแล้วว่าการเพิ่มเตาเนี่ยเราต้องไปเพิ่มคอขวดในส่วนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นงานเคลือบ งานเผาเคลือบต่าง ๆ แต่มันก็จะเป็นพวกเครื่องจักรเล็กที่ไม่ใช่การลงทุนใหญ่แล้วนะคะอย่างน้อย ๆ ที่เห็นในปีนี้น่าจะเพิ่มขึ้น 10-15% จาก ยอดขายเดิมของผลิตภัณฑ์ Fine China ค่ะ

  14. คำถาม: สงครามการค้า ว่าเราจะโดนขึ้นภาษีจากการส่งออกไปอเมริกาหรือไม่

    คำตอบ: สินค้าในกลุ่มประเภทนี้ ที่เป็นเซรามิกเครื่องใช้บนโต๊ะ อาหารเนี่ยยังไม่ ยังไม่เข้าข่ายนะคะที่มาจากไทย อันนี้เท่าที่ อันนี้ทีมงานได้เช็คดูเรียบร้อยแล้วค่ะ

  15. คำถาม: ในส่วนของ เมลามีนมีข้อดี ข้อเสียต่างจากเซรามิกอย่างไร

    คำตอบ: เมลามีน Material ทำมาจากพลาสติกนะคะ แล้วก็ตัวเซรามิกเนี่ย ทำมาจากตัวดินนะคะต่าง ๆ ดังนั้น Material มันจะทำมาจาก คนละแบบกัน ดังนั้นเมลามีนเนี่ยถ้าเรานับมันก็นับว่าเป็นผลิตภัณฑ์พลาสติก ประเภทหนึ่งนะคะ เป็นเนื้อพลาสติกประเภทหนึ่งดังนั้น ตั้งแต่วัตถุดิบมาจนถึงกระบวนการการผลิตเนี่ยมันจะมีความแตกต่างกันนะคะ แล้วก็ความทนความร้อนนะคะเนื่องจากเซรามิกอ่ะเผาที่อุณหภูมิสูงนะคะ เอ่อเป็น 1,000 กว่าองศาดังนั้นตัวเซรามิกเองอ่ะมันจะมีความทนความร้อนได้สูงกว่าตัวเมลามีนนะคะ ซึ่งเมลามีนอ่ะถ้ามันโดนไฟมันก็จะไหม้ ไหม้แล้วก็ละลายได้รวมถึงถ้าเราใส่ของร้อนเนี่ยเราไม่สามารถเอาเข้าไมโครเวฟหรือเตาอบได้นะคะถ้าเป็นผลิตภัณฑ์เซรามิกเมลามีนแต่ว่าเซรามิกสามารถเข้าเครื่อง เอ่อล้างจานไมโครเวฟเตาอบได้ทั้งหมดค่ะโดยที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค

สรุป

HPT ตั้งเป้าหมายการเติบโตที่ท้าทายในปี 2568 โดยมุ่งเน้นไปที่การขยายตลาดในกลุ่มครัวเรือน การเพิ่มสัดส่วนของ Stoneware และการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง แม้จะมีความเสี่ยงและความท้าทายรออยู่ข้างหน้า แต่ด้วยกลยุทธ์ที่ชัดเจนและการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ HPT ก็พร้อมที่จะก้าวไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

โพสต์ล่าสุด