https://aio.panphol.com/assets/images/community/2355_6BFD50.png

KWM กำไรพุ่ง 118% ทะลุ 46 ล้านบาท! รับยอดขายใบเกลียวโตกระฉูด

P/E 10.88 YIELD 7.69 ราคา 0.91 (0.00%)

ไฮไลท์สำคัญ: KWM โชว์ผลงานปี 67 สุดปัง กำไรสุทธิโตกว่า 117% จากปีก่อนหน้า ขับเคลื่อนด้วยยอดขายใบเกลียวที่เติบโตแบบก้าวกระโดด

ปี 2567 ถือเป็นปีทองของ บริษัท เค. ดับบลิว. เม็ททัล เวิร์ค จำกัด (มหาชน) (KWM) โดยบริษัทสามารถสร้างผลกำไรสุทธิได้ถึง 46.89 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดถึง 117.99% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ผลประกอบการเติบโตอย่างแข็งแกร่งคือยอดขายที่เพิ่มขึ้นของสินค้ากลุ่มโครงผาลและใบเกลียว โดยเฉพาะ ใบเกลียว ที่มียอดขายเติบโตถึง 74.64% นอกจากนี้ สินค้ากลุ่มใบมีดตีดินก็ปรับตัวขึ้น 58.76%

รายได้และต้นทุน: ใบเกลียวนำทัพ KWM ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจ

แม้ว่าเศรษฐกิจการเกษตรในปี 2567 จะไม่เอื้ออำนวยนัก แต่ KWM ยังคงสามารถสร้างรายได้จากการขายและการให้บริการรวม 514.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.15% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ความสำเร็จนี้เป็นผลมาจากการออกโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขายรถเกี่ยวนวดข้าวของลูกค้ารายใหญ่ ซึ่งช่วยหนุนยอดขายใบเกลียวให้เติบโตอย่างโดดเด่น นอกจากนี้ การทำตลาดใบผาลผ่านช่องทางออนไลน์ก็ช่วยให้ยอดขายโดยรวมของใบผาลยังเติบโตได้เล็กน้อย แม้ว่าต้นทุนขายจะเพิ่มขึ้น 2.64% แต่ยังต่ำกว่าการเติบโตของรายได้ ทำให้บริษัทมี อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น เป็น 26.77% จาก 19.98% ในปี 2566

สินทรัพย์และหนี้สิน: เงินสดเพิ่ม ลูกหนี้พุ่ง รองรับ High Season

KWM มีสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้น 104.27 ล้านบาท เป็น 733.74 ล้านบาท โดยมี เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเพิ่มขึ้น 40.59% และลูกหนี้การค้าและลูกหนี้อื่นเพิ่มขึ้น 29.98% สอดคล้องกับการเติบโตของรายได้ นอกจากนี้ สินค้าคงเหลือยังเพิ่มขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการผลิตในช่วง High Season ในส่วนของหนี้สินรวมนั้นเพิ่มขึ้นเป็น 196.91 ล้านบาท โดยมี เงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงินเพิ่มขึ้น เพื่อใช้ในการซื้อวัตถุดิบจากต่างประเทศ

สรุป: KWM สร้างผลกำไรแกร่ง บริหารต้นทุนเยี่ยม

KWM ประสบความสำเร็จในการสร้างผลกำไรที่แข็งแกร่งในปี 2567 โดยมีรายได้และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายในการบริหารที่เพิ่มขึ้น แต่บริษัทก็สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทต้องบริหารจัดการหนี้สินที่เพิ่มขึ้นจากการกู้ยืมเพื่อซื้อวัตถุดิบ และเฝ้าระวังสถานการณ์เศรษฐกิจการเกษตรที่ไม่แน่นอน นักลงทุนควรพิจารณาถึงปัจจัยความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในอนาคต รวมถึงการบริหารจัดการหนี้สินของบริษัทอย่างใกล้ชิด

โพสต์ล่าสุด