https://aio.panphol.com/assets/images/community/2271_493987.png

IVF กำไรปี 67 ลดลง 45.96% เหลือ 22.15 ล้านบาท เหตุชะลอการตลาด ตปท. เตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์

P/E -100.00 YIELD 2.89 ราคา 0.83 (0.00%)

ไฮไลท์สำคัญ: รายได้วูบ กำไรทรุด แต่ฐานะการเงินแกร่งขึ้น

บริษัท อินสไปร์ ไอวีเอฟ จำกัด (มหาชน) (IVF) รายงานผลประกอบการปี 2567 มีรายได้รวม 105.70 ล้านบาท ลดลง 13.04% และกำไรสุทธิ 22.15 ล้านบาท ลดลงถึง 45.96% เมื่อเทียบกับปี 2566 สาเหตุหลักมาจากการลดทำการตลาดในต่างประเทศเพื่อเตรียมตัวเข้าตลาดหลักทรัพย์

รายได้ที่ลดลง: ผลกระทบจากการปรับกลยุทธ์

รายได้หลักของ IVF มาจากการให้บริการรักษาผู้มีบุตรยาก เช่น ICSI และ IVF/เด็กหลอดแก้ว โดยรายได้จาก ICSI ลดลง 3.74% และรายได้จาก IVF/เด็กหลอดแก้ว ลดลง 12.54% การลดลงนี้มีสาเหตุหลักมาจากการที่บริษัทให้ความสำคัญกับการเตรียมตัวจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้ลดการทำการตลาดในต่างประเทศ ซึ่งส่งผลให้จำนวนลูกค้าต่างชาติที่เข้ามาใช้บริการลดลง แม้ว่าลูกค้าชาวไทยจะเพิ่มขึ้น แต่ราคาขายเฉลี่ยต่อเคสต่ำกว่าลูกค้าต่างชาติ ทำให้ไม่สามารถชดเชยรายได้ที่หายไปได้

ต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น: ปัจจัยกดดันกำไร

นอกจากรายได้ที่ลดลงแล้ว ต้นทุนและค่าใช้จ่ายของ IVF ยังเพิ่มขึ้นอีกด้วย โดย ต้นทุนจากการขายและให้บริการเพิ่มขึ้น 4.82%, ค่าใช้จ่ายในการขายเพิ่มขึ้น 68.4% และ ค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น 31.02% สาเหตุหลักมาจากค่าเสื่อมราคาเครื่องมือทางการแพทย์ที่เพิ่มขึ้น, การจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาตลาดต่างประเทศ, การสร้างภาพลักษณ์ของบริษัท, การรับบุคลากรเพิ่ม, การปรับขึ้นค่าตอบแทน, การจ่ายโบนัส และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการยื่นคำขอเสนอขายหุ้นสามัญ

ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น: โอกาสในการเติบโตในอนาคต

แม้ว่าผลกำไรจะลดลง แต่ IVF มี สินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นอย่างมาก จาก 259.74 ล้านบาท เป็น 635.69 ล้านบาท เนื่องจากการเพิ่มทุนจดทะเบียนและการเสนอขายหุ้น IPO นอกจากนี้ อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio) ลดลงจาก 0.46 เท่า เป็น 0.14 เท่า แสดงให้เห็นว่าบริษัทมีความเสี่ยงทางการเงินลดลง และมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น การเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์และการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน ทำให้ IVF มีความพร้อมในการเติบโตและแข่งขันในตลาดการรักษาผู้มีบุตรยากในระยะยาว

โพสต์ล่าสุด