เจาะลึกผลประกอบการ FTI ปี 2568 ไตรมาส 3: กำไรโตต่อเนื่อง กลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจ และแผนอนาคต

P/E 17.28 YIELD 3.72 ราคา 1.88 (0.00%)

เจาะลึกผลประกอบการ FTI ปี 2568 ไตรมาส 3: กำไรโตต่อเนื่อง กลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจ และแผนอนาคต

สวัสดีครับ ผู้ถือหุ้นและผู้มีอุปการคุณทุกท่าน วันนี้เป็นโอกาสดีที่ FTI จะได้มานำเสนอผลงานที่ผ่านมา รวมถึงแผนงานที่จะเกิดขึ้นในปีหน้านะครับ โดยมีการนำเสนอทั้งหมด 3 ท่าน ได้แก่ ดร.วิกร อู่ทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, คุณกวีวัฒน์ ศิริวงศ์มงคล ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน และคุณธนทัต อู่ทรัพย์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหารครับ

สำหรับ FTI หลายท่านก็อาจจะทราบแล้ว ก็อาจจะมาทบทวนสักนิดนึงก็คือ บริษัทเราเป็นบริษัทนำเข้า ตัวแทนจำหน่าย ผลิตสินค้าเกี่ยวกับเครื่องกรองน้ำ และก็อุปกรณ์ระบบน้ำ ปัจจุบันนี้เรามีสินค้าที่อยู่ในคลังสินค้ามากกว่า 3.5 ล้านชิ้น มีพื้นที่ใช้สอยในส่วนที่นี่ 11,500 ตารางเมตร มี 19 คลังสินค้า และมีสินค้าที่ครบวงจรที่เกี่ยวกับเรื่องระบบน้ำทุกชนิดเลยครับ

สำหรับพาร์ทเนอร์ที่ผ่านมาของเรา เราเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับระบบน้ำมากกว่า 20 บริษัทชั้นนำ รวมถึงการเป็นตัวแทนจำหน่ายให้กับ 4 โรงงานชั้นนำในประเทศจีน ได้แก่ บริษัท CMP ซึ่งเป็นบริษัทที่ขายจำหน่ายเกี่ยวกับเรื่องปั๊มน้ำ ทั้งในงานอุตสาหกรรม งานอาคารสูง รวมถึงงานสินค้าเกี่ยวกับงานบำบัดน้ำเสีย เปิดมาดำเนินการมา 33 ปี เรามีการร่วมมือกันในการทำธุรกิจในประเทศไทยมากกว่า 15 ปี บริษัทนี้มีสาขาอยู่ทั่วโลกประมาณ 21 แห่ง มีตัวแทนจำหน่ายมากกว่า 90 ที่

บริษัทที่สองคือ บริษัท Wanton เปิดดำเนินการมากว่า 26 ปี เราก็มีการร่วมมือกันมากกว่า 25 ปี ซึ่งบริษัทนี้อยู่ในกลุ่มของ CRRC ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตรถไฟฟ้า และก็วางเครือข่ายรถไฟความเร็วสูงในประเทศจีน ความน่าสนใจของบริษัทนี้ก็คือเป็นบริษัทของรัฐบาล มีการจำหน่ายไปมากกว่า 130 ประเทศทั่วโลก

บริษัทที่สามคือ บริษัท Lansim Product บริษัทนี้ก่อตั้งมามากกว่า 25 ปี แล้วก็มีตัวแทนจำหน่าย 161 ประเทศ รวมถึงการผลิตสินค้าให้ส่งเป็น OEM ให้กับทางยุโรปด้วยครับ

บริษัทที่สี่ คือ บริษัท Furniture เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของจีน ร่วมมือกับเรามามากกว่า 15 ปีเช่นกัน เป็นบริษัทที่แข็งแกร่งอีกบริษัทหนึ่ง มีตัวแทนจำหน่ายอยู่ทั่วโลกเช่นกัน นอกจากเป็นตัวแทนจำหน่ายของจีนแล้ว FTI เรายังเป็นตัวแทนจำหน่ายของสินค้านำเข้าจากสหรัฐอเมริกาและทางยุโรปด้วยเช่นกันครับ

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):

ผลการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้ บริษัทก็ยังคงมีกำไรเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ในไตรมาสที่ 3 ประจำปี 2568 บริษัทมีกำไร 12,540,000 บาท กำไรสูงสุดเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 และไตรมาสที่ 2 โดยไตรมาสที่ 3 เติบโตขึ้นจากไตรมาสที่ 2 6.90% และไตรมาสที่ 2 เติบโตขึ้นจากไตรมาสที่ 1 45.35% ทำให้กำไรรวม 9 เดือน บริษัทมีกำไรเท่ากับ 32.35 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนในงวดเดียวกันถึง 61.99%

บริษัทสามารถทำกำไรได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากการบริหารจัดการ Supply chain, SG&A และต้นทุนทางการเงิน โดยได้รับการควบคุมต้นทุนที่ดีจากศักยภาพและความร่วมมือจากพาร์ทเนอร์ที่ CEO ได้กล่าวข้างต้นแล้ว ทำให้ต้นทุนสินค้าของบริษัทสามารถแข่งขันในตลาดในประเทศได้เป็นอย่างดี SG&A ของบริษัทในปีนี้ก็ยังลดลงต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพ โดย SG&A ไตรมาสที่ 3 ลดลงจากไตรมาสที่ 2 4.79% และไตรมาสที่ 2 ก็ลดลงจากไตรมาสที่ 1 1.97% ทำให้ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารของบริษัท 9 เดือนที่ผ่านมาเท่ากับ 124.81 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนในงวดเดียวกัน 9.02 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6.74%

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):

การที่ SG&A ของบริษัทลดลง ก็เกิดจากการบริหารการจัดเก็บสินค้า ทำให้ต้นทุนในการจัดเก็บสินค้าลดลง การนำ ESG เข้ามาใช้ร่วมกับการทำงาน โดยนำพลังงานทดแทนมาช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทำให้ค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภคและค่าใช้จ่ายด้านพลังงานลดลง โดยใช้ Solar Roof พลังงานแสงอาทิตย์ เข้ามาช่ วยในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงการนำรถไฟฟ้าที่นำมาใช้ยกสินค้ารถโฟล์คลิฟท์ เข้ามาทดแทนพลังงานน้ำมัน การคัดแยกขยะ เราก็ลดปริมาณของเสียในการผลิต เพื่อลดปริมาณขยะ

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):

ต้นทุนทางการเงินก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงกระแสเงินสดคงเหลือของบริษัท โดยต้นทุนทางการเงิน 9 เดือนที่ผ่านมา เท่ากับ 2.31 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนในงวดเดียวกัน 3.6 ล้านบาท ลดลงคิดเป็นร้อยละ 60.91% ต้นทุนทางการเงินที่ลดลงเกิดจากการบริหารสินค้าให้สอดคล้องกับแผนขาย ทำให้ภาระหนี้ค่าสินค้าจากสถาบันการเงินลดลง จาก 134 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 67 ลดลงเหลือ 77.22 ล้านบาทในไตรมาสนี้

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):

จากกำไรที่เติบโตขึ้นต่อเนื่องในปีนี้ ทำให้อัตราส่วนทางการเงิน เช่น วงจรเงินสด Cash Cycle เท่ากับ 206 วัน บริษัทได้รับเงินค่าขายสินค้ารวดเร็วขึ้นจากปีก่อนที่มี Cash Cycle อยู่ที่ 268 วัน อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน Debt Ratio เท่ากับ 0.24 เท่า ทำให้บริษัทใช้เงินทุนหมุนเวียนจากการดำเนินงานเป็นหลัก ทำให้หนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นไม่เกิน 2 เท่าตามข้อกำหนดการให้สินเชื่อของสถาบันการเงิน ซึ่ง ณ ปัจจุบันนี้ บริษัทยังมีวงเงินสินเชื่อคงเหลือจากสถาบันการเงิน เพื่อนำไปลงทุนและขยายกิจการเพียงพอที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และภาระหนี้ของบริษัท ณ ปัจจุบัน เกิดจากการกู้ยืมเงินระยะสั้นของสถาบันการเงิน เพื่อมาซื้อสินค้าหมุนเวียนในการขายสินค้า ไม่มีภาระหนี้หุ้นกู้ หรือแผนเพิ่มทุนแต่ อย่างใด

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):

ภาพรวมทั้งหมดของการดำเนินงานในปีนี้ ณ ประจำไตรมาส 3 ถึงแม้ว่าปีที่ผ่านมาภาพรวมของเศรษฐกิจก็ยังชะลอตัว ปัญหาหนี้ครัวเรือนและหนี้ธุรกิจที่ยังสูงอยู่ การลงทุนภาคเอกชนที่ยังชะลอตัว รวมถึงปัญหาอุทกภัยต่างๆ ที่เกิดขึ้น ก็มีผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท แต่บริษัทก็ได้บริหารจัดการต้นทุนสินค้า ค่าใช้จ่าย และการบริหารกระแสเงินสดให้เพียงพอ ทำให้บริษัท ยังสามารถทำกำไรต่อเนื่องเหมือนทุกๆ ปีที่ผ่านมา และกำไรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ปีนี้บริษัทก็มีการจ่ายเงินปันผลต่อเนื่อง ตั้งแต่เริ่มแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน ตั้งแต่ปี 2565 ถึง 2567 บริษัทจ่ายปันผล 0.06, 0.07, 0.07 ตามลำดับ และในปี 2568 บริษัทจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.04 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้น 0.01 บาทต่อหุ้นจากปีที่ผ่านมา

และการบริหารงานที่เข้มแข็งที่กล่าวมาทั้งหมด ก็ทำให้แนวโน้มในไตรมาสที่ 4 บริษัทยังสามารถทำกำไรให้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องได้ดี

ปัจจุบันเรามีทั้งหมด 29 สาขา ประกอบด้วย Water Store 20 สาขา และ Aquatech 9 สาขา เราคาดการณ์ว่าภายในไม่เกินไตรมาส 2 ปีหน้า เราจะมีการเปิดสาขาเพิ่มอีกอย่างน้อย 3 สาขา รวมแล้วทั้งสิ้นจะเป็นอีก 32 สาขา ปีนี้เป็นปีของการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของบริษัทเรา ทั้งในเรื่องภาพลักษณ์และการสนับสนุนที่มากขึ้นกว่าเดิม เนื่อง จากเราเป็นธุรกิจขายส่ง เราจึงให้ความสำคัญกับดีลเลอร์หรือตัวแทนของเรา ในปีนี้เราจะผลักดันและมุ่งเน้นทั้งหมด 8 หัวข้อดังกล่าวครับ

  • ปรับปรุงสาขา Aquatech ให้สวยงามและทันสมัยมากขึ้น โดยคำนึงถึงการใช้พื้นที่ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการที่สาขาของเรา
  • เพิ่มกำลังการผลิตสินค้า House Brand และปรับปรุงให้มีคุณภาพสูงขึ้น
  • ขยายฐานลูกค้า OEM โดยมุ่งเน้นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า และนำเสนอสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแต่ละราย
  • จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายและส่งเสริมการตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นยอดขายและสร้างการรับรู้แบรนด์
  • พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์
  • เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ Supply Chain เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มความรวดเร็วในการจัดส่งสินค้า
  • พัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถและทักษะที่จำเป็นต่อการทำงาน
  • สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง โดยมุ่งเน้นการทำงานเป็นทีมและการมีส่วนร่วมของพนักงานทุกคน

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [เริ่ม Q&A นาทีที่ 15:00]

**คำถาม-คำตอบ** **Q:** อยากทราบว่า FTI มีนโยบายการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างไรบ้าง? **A:** เราให้ความสำคัญกับการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ตัวอย่างเช่น เรากำลังลงทุนในระบบ AI เพื่อช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูล และการตัดสินใจทางการตลาด **Q:** FTI มีแผนการขยายตลาดไปยังต่างประเทศอย่างไรบ้าง? **A:** เรามีแผนการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตะวันออกกลาง เราจะใช้กลยุทธ์การเป็นพันธมิตรกับบริษัทท้องถิ่น และการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล **Q:** FTI มีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันอย่างไรบ้าง? **A:** เรามีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน แต่เราเชื่อมั่นว่าเราสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงได้ โดยการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และการปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์

โดยรวมแล้ว FTI ยังคงมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง และมีแผนการเติบโตที่ชัดเจน ผู้บริหารมีความมั่นใจว่าบริษัทจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้ในระยะยาว

โพสต์ล่าสุด