บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LHS) วิเคราะห์หุ้น EGCO โดยคงคำแนะนำ "ซื้อเมื่ออ่อนตัว" และให้ราคาเป้าหมายที่ 130 บาท อิงจาก Valuation 0.6x 26F BV แม้กำไรปกติ 3Q68 จะอ่อนแอกว่าที่คาดไว้มาก

ไฮไลท์สำคัญ: กำไรปกติ 3Q68 อ่อนแอ แต่ 4Q68F คาดว่าจะฟื้นตัว

EGCO รายงานกำไรปกติ 3Q68 ที่ 844 ล้านบาท ลดลง 55% QoQ และ 77% YoY ต่ำกว่าที่ LHS คาดการณ์ไว้ที่ 1.2 พันล้านบาท สาเหตุหลักมาจากผลขาดทุนของโรงไฟฟ้าเคซอน (Quezon) เนื่องจากการหยุดเดินเครื่องเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสัญญาใหม่ อย่างไรก็ตาม LHS คาดว่ากำไร 4Q68F จะกลับมาเพิ่มขึ้น QoQ จากการกลับมาเดินเครื่องของเคซอน รวมถึงปัจจัยฤดูกาลของโรงไฟฟ้าพาจู (Paju) และหยุนหลิน (Yunlin) แต่คาดว่าจะลดลง YoY จากฐานที่สูง

ผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ: เคซอนฉุดกำไร, ไฮโดรช่วยหนุน

กำไรที่ต่ำกว่าคาดเป็นผลมาจากหลายปัจจัย ได้แก่ ผลขาดทุนจากเคซอน จำนวน 687 ล้านบาท (จากกำไร 681 ล้านบาทใน 2Q68) เนื่องจากมีการหยุดเดินเครื่องและค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุง นอกจากนี้ กำไรยังลดลงจากหยุนหลินตามฤดูกาล, ขนอมตามค่าเงินบาทแข็งค่าและการหยุดเดินเครื่องจาก กฟผ., CDI จาก Mark-to-market เครื่องมือทางการเงิน และ Apex จากการขายโครงการที่ลดลง ในขณะที่กำไรจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำในลาวเพิ่มขึ้นตามปริมาณน้ำ, ก๊าซในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล, SPP ในไทยตามต้นทุนก๊าซที่ลดลง และ Wind ในไทยตามความเร็วลมที่เพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะชดเชยผลกระทบจากปัจจัยลบดังกล่าว

ข้อสังเกต: กำไร 9M68 ต่ำกว่าเป้า, อัพเดทโครงการใหม่

กำไรปกติ 9M68 อยู่ที่ 4.3 พันล้านบาท ลดลง 38% YoY คิดเป็น 52% ของประมาณการทั้งปี ทำให้มีความเสี่ยงด้าน Downside จากผลขาดทุนของเคซอนและการดำเนินงานที่ต่ำกว่าคาดของพาจู นอกจากนี้ LHS ได้อัพเดทโครงการใหม่ ได้แก่ การซื้อ Pinnacle II เสร็จสมบูรณ์, การซื้อหุ้นเพิ่มในลินเดน ทอปโก้ (Linden Topco) และ Apex มีโครงการระหว่างก่อสร้าง 4 โครงการ รวม 628 MW

สรุป: คงคำแนะนำ "ซื้อเมื่ออ่อนตัว" มองเป็นโอกาสลงทุนระยะยาว

LHS คงคำแนะนำ "ซื้อเมื่ออ่อนตัว" โดยมองว่ากำไรปกติ 3Q68 ที่อ่อนแอจะเป็น Sentiment เชิงลบต่อหุ้น แต่หากราคาปรับตัวลงแรง จะเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนระยะยาว เนื่องจาก EGCO มีจุดเด่นในการจ่ายเงินปันผลที่ 6.5 บาท/หุ้นอย่างต่อเนื่อง คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ที่ 5.5% ทั้งนี้ นักลงทุนควรพิจารณาถึงความเสี่ยงจากความล่าช้าของโครงการลงทุน และการหยุดซ่อมนอกแผนที่อาจเกิดขึ้น