บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

ไฮไลท์สำคัญ

เงินติดล้อ (TIDLOR) โชว์ผลงานไตรมาส 3 ปี 2568 กำไรสุทธิ 1,415.0 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดใหม่ เติบโต 43.0% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ปัจจัยหลักมาจากการเติบโตของธุรกิจสินเชื่อและนายหน้าประกันภัย รวมถึงการลดลงของผลขาดทุนด้านเครดิต

ภาพรวมผลประกอบการ

รายได้รวมของกลุ่มบริษัทเพิ่มขึ้น 5.7% เป็น 5,927.7 ล้านบาท โดยมีรายได้ดอกเบี้ยรับเพิ่มขึ้น 3.9% และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้น 8.8% ในขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมลดลง 4.9% จากการลดลงของผลขาดทุนด้านเครดิต ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (Cost-to-Income Ratio) อยู่ที่ 55.4%

พอร์ตสินเชื่อคงค้างรวมอยู่ที่ 107,324.2 ล้านบาท เติบโต 4.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และ 1.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

NIM (Net Interest Margin) อยู่ที่ 16.01%, NPL (อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวม) ลดลงมาอยู่ที่ 1.66% และ Coverage Ratio (อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ) ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 283.9%

ข้อสังเกตและวิเคราะห์

แม้เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ปี 2568 จะฟื้นตัวอย่างชะลอตัว แต่เงินติดล้อก็ยังสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารจัดการความเสี่ยงและการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ

การที่ NPL ลดลงและ Coverage Ratio เพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นถึงการบริหารจัดการคุณภาพสินเชื่อที่ดี นอกจากนี้ การเติบโตของธุรกิจนายหน้าประกันภัยยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยเสริมสร้างรายได้ให้กับบริษัท

สรุป

เงินติดล้อ (TIDLOR) ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยได้รับแรงหนุนจากการขยายฐานลูกค้าอย่างมีคุณภาพ การเติบโตของธุรกิจนายหน้าประกันภัย และการบริหารจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ บริษัทมีความพร้อมที่จะรับมือกับความท้าทายต่างๆ และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น