ถอดรหัส Oppday DCC: เจาะลึกผลประกอบการ Q2/2568 และทิศทางอนาคต

P/E 11.72 YIELD 6.43 ราคา 1.25 (0.00%)

ถอดรหัส Oppday DCC: เจาะลึกผลประกอบการ Q2/2568 และทิศทางอนาคต

สวัสดีนักลงทุนและผู้สนใจทุกท่าน ชนินทร์ สุภาพิณโญพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีและการเงิน ขอแนะนำผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ของบริษัท ไดนาสตี้เซรามิค จำกัด (มหาชน) ปี 2568

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):

  • รายได้จากการขายไตรมาส 2 ปี 2568 อยู่ที่ 1,574 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากการขายในประเทศ (96%)

  • รายได้จากการขายในประเทศมาจากสาขา/Outlet ทั่วประเทศ (กว่า 200 แห่ง), Modern Trade, Local Modern Trade, Traditional Trade, ช่างผู้รับเหมา และโครงการต่างๆ

  • การขายต่างประเทศ (4%) ส่วนใหญ่อยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่า, ลาว, ฟิลิปปินส์, มัลดีฟส์

  • รายได้รวมลดลง 15% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2568 (ตาม seasonality)

  • รายได้รวมลดลง 11% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2567 (เคยทำได้ 1,765 ล้านบาท)

  • รายได้รวม 6 เดือนแรกของปี 2568 อยู่ที่ 3,424 ล้านบาท ลดลง 9% เมื่อเทียบกับ 6 เดือนแรกของปี 2567 (เคยทำได้ 3,783 ล้านบาท) เป็นไปตามสภาพเศรษฐกิจ

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):

  • บริษัทเน้นสินค้ากลุ่ม Medium to High (กระเบื้องเซรามิกขนาดใหญ่, Big Slab, กระเบื้อง Porcelain ทุกขนาด) ที่ทำราคาได้ดีและมีอัตรากำไรขั้นต้นสูง

  • กระเบื้องบุผนังขนาดใหญ่ (30x50 ซม.) ได้รับความนิยมสูงในพื้นที่ห้องน้ำ/ห้องครัว

  • บริษัทมีพื้นที่ให้เช่าสำหรับพันธมิตรคู่ค้าและผู้สนใจในสาขาที่กําลังก่อสร้างใหม่ (โชว์รูม, คลังสินค้า)

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):

  • ปริมาณการขายในไตรมาส 2 อยู่ที่ 9 ล้าน ตร.ม. ลดลง 17% จากไตรมาสก่อนหน้า และ 13% จากไตรมาส 2/2567

  • สัดส่วน Mass to Medium (กระเบื้องเซรามิกขนาดเล็ก) อยู่ที่ 71% คงที่เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2568

  • EBITDA ในไตรมาส 2/2568 อยู่ที่ 483 ล้านบาท ลดลง 14% จากไตรมาส 1/2568 และ 11% จากไตรมาส 2/2567

  • กำไรสุทธิในไตรมาส 2/2568 อยู่ที่ 230 ล้านบาท ลดลง 19% จากไตรมาสก่อนหน้า และ 15% จากไตรมาส 1/2567

  • Net Profit Margin ปรับตัวลดลงเล็กน้อย อยู่ที่ 14.6%

  • กำไรต่อหุ้นในไตรมาส 2 อยู่ที่ 0.025 บาทต่อหุ้น

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):

  • ปรับราคาขายและจัดโปรโมชั่นให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย

  • เน้นการขายสินค้ากลุ่ม Premium (กระเบื้องไซส์ใหญ่, กระเบื้อง Porcelain)

  • ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตที่โรงงาน (เครื่องจักร, ลดของเสีย, พลังงานทดแทน, Recycle)

  • ลงทุนเกี่ยวกับพลังงานจากแสงอาทิตย์ (Solar Rooftop) ตามสาขา

  • คํานึงถึงความคุ้มค่าในการลงทุนเป็นหลัก (ผลตอบแทนจากเงินลงทุนและเวลาที่ใช้)

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):

  • บริษัทมีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้ว 2 ครั้ง (ไตรมาส 1: 0.03 บาท/หุ้น, ไตรมาส 2: 0.025 บาท/หุ้น)

  • อัตราการจ่ายเงินปันผล (Payout Ratio) เกือบ 100%

  • สัดส่วนการขายเชิงปริมาณในประเทศ: ภาคเหนือ/ตะวันออกเฉียงเหนือ (51%), ภาคกลาง (20%), กรุงเทพฯ/ปริมณฑล (14%), ภาคใต้ (15%)

  • รายได้ค่าเช่าของบริษัทมีแนวโน้มที่ดีขึ้น (ไตรมาส 2/2568: 11.6 ล้านบาท, 6 เดือนแรก: 23.3 ล้านบาท)

  • งบลงทุนปี 2568: 760.5 ล้านบาท (จัดหาที่ดิน, ก่อสร้าง/ปรับปรุงสาขา, ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต)

  • ค่าใช้จ่ายทางการเงิน 6 เดือนแรกของปี 2568: 14 ล้านบาท (ดอกเบี้ยจ่ายจากเงินกู้ระยะสั้น)

  • Net Debt ในไตรมาส 2/2568: 1,352 ล้านบาท (ส่วนใหญ่เป็นเงินกู้ระยะสั้น)

  • อัตราหนี้สินต่อทุน (Debt on Equity) อยู่ในระดับที่ต่ำมาก (0.43 เท่า)

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [เริ่ม Q&A นาทีที่ 40:55]

  1. การขายไปกัมพูชา:

    • คำถาม: DCC มีการขายไปกัมพูชามากหรือไม่?
    • คำตอบ: การขายไปต่างประเทศส่วนใหญ่อยู่ที่พม่าและลาวเป็นหลัก กัมพูชาน้อยมาก ไม่ถึง 1%
  2. ราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น:

    • คำถาม: ภาวะตลาดไม่ดี ทำให้ DCC มีปริมาณขายลดลงใน 2Q68 อีกทั้งสัดส่วนสินค้า Medium-High ใน 2Q68 ก็ไม่ต่างจาก 1Q68 เหตุใด DCC จึงสามารถเพิ่มราคาขายในงวด 2Q68 ได้เป็น 160 บาท จาก 157 บาทในงวด 1Q68?
    • คำตอบ: DCC มีจุดแข็งคือการขายส่วนใหญ่มาจากช่องทางขายปลีกผ่านสาขาของบริษัท ดังนั้นการปรับราคาของเราก็จะมีผลทันที ไม่ได้มีการต้องรอเวลาในการปรับราคาจากทางคู่ค้า หรือขออนุมัติราคาใดๆ การคล่องตัวในความคล่องตัวเช่นนี้ ทำให้บริษัทมีสามารถปรับคาได้ทันทีเพื่อสอดคล้องต่อสถานการณ์การตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงนะครับ ก็เลยจะทำให้ราคาขายที่มีการปรับ สูงขึ้นนี้ นะครับ มีผล ได้ชัดเจน นะครับ รวมไปถึงตัวสัดส่วนที่ท่านได้แจ้งมานะครับ ก็คือสินค้า Medium to High ของบริษัทก็มีการปรับตัว เพิ่มขึ้นด้วย ทั้งสองปัจจัยก็เลยส่งผลให้ราคาขายเฉลี่ยนะครับ ก็คือถือว่าดีขึ้นประมาณ 2% มาอยู่ที่ 160 บาทต่อ ตารางเมตร นะครับ
  3. นโยบายการลงทุนและการจ่ายปันผล:

    • คำถาม: DCC กลับมาจ่ายเงินปันผล Pay out ratio 100% จะมีการลงทุนชะลอซื้อที่ดินเพื่อเปิดสาขาใหม่หรือไม่?
    • คำตอบ: ในการลงทุนของบริษัทนะครับ ยังคงคํานึงถึงหลักการ ความคุ้มค่าในการลงทุนเป็นหลักนะครับ เพื่อการสร้างผลตอบแทนแล้วก็ กำไร อย่างยั่งยืนนะครับ ทําบริษัทก็คิดเรื่องนี้เสมอ นะครับ ในการลงทุน ในทุกจุด ก็คือจะพยายามทําให้ มีความคุ้มค่าทั้งการลงทุนแล้วก็ มีการตอบแทนต่อทางผู้ถือหุ้นทุกท่านนะครับ อย่างเหมาะสม นะครับ

สรุป

โดยรวมแล้ว DCC เผชิญกับความท้าทายจากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แต่ยังคงรักษาความสามารถในการทำกำไรและจ่ายปันผลในระดับสูง บริษัทมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน, การปรับกลยุทธ์การขาย, และการลงทุนอย่างระมัดระวังเพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว

โพสต์ล่าสุด