BPP โชว์ผลงาน Q2 ปี 2568 แข็งแกร่ง พร้อมเดินหน้าสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

P/E 20.05 YIELD 4.65 ราคา 12.90 (0.00%)

BPP โชว์ผลงาน Q2 ปี 2568 แข็งแกร่ง พร้อมเดินหน้าสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

1. **ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):**

BPP ยังคงมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่ 2 โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 6.6 พันล้านบาท และมี EBITDA อยู่ที่ 2.75 พันล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท หรือหากไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนจะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 60% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ความแข็งแกร่งนี้สะท้อนถึง Portfolio และแนวทางการบริหารความเสี่ยงอย่างมีวินัยของ BPP อัตราหนี้สินสุทธิต่อทุนยังคงอยู่ที่ 0.48 เท่า ซึ่งเปิดโอกาสให้บริษัทมีความสามารถในการขยายการเติบโตอย่างต่อเนื่องและรักษาสถานะทางการเงินที่มั่นคง

โรงไฟฟ้าหลักของ BPP เช่น HPC และ BLCP ยังคงมีความพร้อมจ่ายในระดับสูง นอกจากนี้ BPP ยังประสบความสำเร็จในการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์สำหรับโครงการกักเก็บพลังงานหรือ BESS แห่งแรกในญี่ปุ่น รวมถึงการเดินหน้าการใช้เชื้อเพลิงร่วมชีวมวลหรือ Biomass Co-Firing ในโรงไฟฟ้าเจิ้งติ้งที่ประเทศจีน และโครงการขยายระบบท่อไอน้ำที่โรงไฟฟ้า CHP โจผิง ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการสนับสนุนเป้าหมายด้านการลดคาร์บอนและการสร้างโอกาสรายได้ใหม่ให้กับบริษัท

2. **โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):**

BPP มองเห็นโอกาสในตลาด ErCOT ในประเทศสหรัฐอเมริกา เนื่องจากความต้องการไฟฟ้ามีแนวโน้มที่สูงกว่าปีที่ผ่านมาและราคาขายไฟฟ้ามีแนวโน้มที่ปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่ราคาแก๊สยังคงทรงตัว ซึ่งเป็นปัจจัยที่เอื้อต่อการทำกำไรของธุรกิจไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกา

BPP ยังบริหารความเสี่ยงด้านราคาด้วยกลยุทธ์ Hedging ที่มีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถรักษากระแสเงินสดได้อย่างมั่นคง โดยในปีนี้รายได้จาก Hedging เพิ่มขึ้นถึง 40% เมื่อเทียบกับปีก่อน

สำหรับปี 2569 อันใกล้นี้ BPP ได้ทำสัญญา Hedging ครอบคลุมกำลังการผลิตไปแล้ว 300 เมกะวัตต์ หรือคิดเป็นรายได้ประมาณ 60 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยตั้งเป้าจะให้ครอบคลุมการผลิตทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 50%

3. **ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):**

BPP เผชิญกับความเสี่ยงจาก Global Trend ที่ส่งผลกระทบต่อภาคพลังงาน ได้แก่ ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ส่งผลต่อการจัดหาพลังงาน, การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดที่เผชิญความกดดันด้านต้นทุนและความไม่แน่นอนด้านนโยบาย, ความต้องการพลังงานที่เกิดจาก Load Demand เช่น AI ที่เป็นความท้าทายต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้า, และการปรับทิศทางด้านพลังงานของสหรัฐอเมริกา

4. **วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):**

BPP พร้อมที่จะรับกับความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ด้วยความคล่องตัวและวิธีการรับมือเชิงกลยุทธ์ที่ชัดเจน โดยมี 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ Balance Portfolio ที่มีความหลากหลายทั้งในมิติของประเทศ แหล่งพลังงาน เทคโนโลยี และช่องทางรายได้, Operation Excellence ในการดำเนินงานที่เป็นเลิศ, และการบริหารความเสี่ยงเชิงรุก เช่น การทำ Hedging เพื่อป้องกันอัตราผลกำไรและรักษาสเถียรภาพของกระแสเงินสด

BPP มีการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า CHP ในประเทศจีน และเสริมด้วยกลยุทธ์ Decarbonization ที่มากขึ้น BPP ยังคงเดินหน้าตามเป้าหมายการลดคาร์บอนผ่านกลไก Carbon Emission Allowance หรือ CEA และสามารถขาย CEA ไปได้ต่อเนื่องกว่า 259,000 ตันในครึ่งปีแรก

5. **แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):**

BPP เน้นการขยายระบบท่อไอน้ำในเมืองโจผิง และเริ่มขยายไปทางทิศเหนือ โดยมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งแหล่งรายได้ประจำใหม่สำหรับบริษัท

BPP มีความคืบหน้าในการสร้างรายได้จากการขายคาร์บอนเครดิต โดยโรงไฟฟ้า CHP ทั้ง 3 โรงสามารถดำเนินการตามข้อกำหนดของการขายขั้นต่ำของ Carbon Emission Allowance ได้ครบถ้วนตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และมีคาร์บอนเครดิตสำรองอยู่ในมืออีก 848,000 ตัน ซึ่งช่วยให้มีความยืดหยุ่นในการเลือกช่วงเวลาที่จะขายที่เหมาะสม

BPP ให้ความสำคัญกับการพัฒนา CCS (Carbon Capture and Storage) และ BESS (Battery Energy Storage) โดยพัฒนาโครงการ CCS แห่งแรกในสหรัฐอเมริการ่วมกับ BKV และมีแผนที่จะเริ่มทำการขุดเจาะหลุมกักเก็บในเดือนกันยายนนี้ และคาดว่าจะสามารถเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงครึ่งปีแรกของปีหน้า BPP ยังได้เริ่มเดินเครื่องโครงการระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่แห่งแรกที่โทโนะ เมืองอิวาเตะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเปิดโอกาสให้บริษัทสามารถสร้างรายได้หลายช่องทาง

6. **ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [เริ่ม Q&A นาทีที่ 43:25]**
  • **การลงทุน BESS Project ใน USA:**
    • **คำถาม:** BPP มีการลงทุน BESS Project ใน USA หรือยัง ถ้ามีโครงการแล้ว เป็นการลงทุนของ BKV หรือ BPP?
    • **คำตอบ:** ตลาด BESS ในสหรัฐอเมริกากำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัฐ Texas และ Arizona ซึ่งเป็น 2 รัฐที่มีอัตราการเติบโตสูงสุด BPP มีหลายโครงการที่อยู่ระหว่างการพิจารณาในการลงทุนและศึกษาความเป็นไปได้
  • **การลงทุนเพิ่มเติมในโครงการ CCS:**
    • **คำถาม:** BPP จะมีการลงทุนเพิ่มเติมในโครงการ CCS นอกเหนือจากโครงการ Cotton Cove หรือไม่? จากข่าวการที่ JV ของ BKV กับ CA เหมือนกับว่าโครงการใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจะอยู่ใน JV ทั้งหมด และจะมีการขายโครงการ Cotton Cove เข้า JV หรือไม่?
    • **คำตอบ:** Cotton Cove เป็นโครงการ CCS แรกของ BPP ที่ Joint กับ BKV และคาดว่าจะ COD ได้ประมาณครึ่งปีแรกของปีหน้า ปัจจุบันยังไม่มีแผนที่จะขายโครงการนี้ในระยะยาว สำหรับการลงทุนในโครงการ CCS และ CCUS อื่น ๆ ของ BPP ยังอยู่ในระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้
  • **โครงการโรงไฟฟ้า SMR:**
    • **คำถาม:** เห็นใน Facebook ของ BPP มีการโปรโมทเรื่องโรงไฟฟ้า SMR บริษัทมีโครงการนี้แล้วหรือยัง และมี Partner ทางเทคโนโลยีร่วมกันกับใครแล้วหรือยัง หรืออยู่แค่การศึกษาข้อมูล?
    • **คำตอบ:** BPP มีความสนใจและอยู่ในระหว่างการติดตามและพิจารณาในเรื่องของเทคโนโลยี SMR รวมถึงการศึกษาความเป็นไปได้ในการนำเทคโนโลยี SMR มาใช้ โดยเน้นการศึกษาข้อมูลจากประเทศที่มีการพัฒนาและการลงทุนอย่างจริงจัง
  • **แผนการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า BLCP หลังหมดสัญญา:**
    • **คำถาม:** โรงไฟฟ้าถ่านหิน BLCP มีแผนอย่างไรต่อเมื่อหมดสัญญา และมีแผนที่จะปรับปรุงระบบหรือเปลี่ยนการใช้เชื้อเพลิงพลังงานอื่นที่ไม่ใช่ถ่านหินหรือไม่?
    • **คำตอบ:** BPP สนใจที่จะดำเนินงาน BLCP ต่อไป เพราะเป็น Asset ที่ดีและมีสภาพเครื่องจักร Condition ที่สามารถดำเนินงานต่อไปได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับระบบระเบียบและนโยบายของภาครัฐด้วย ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา BPP เคยพูดถึงเรื่องการทำ Ammonia Co-firing Study ซึ่งได้ทำเสร็จสมบูรณ์ไปแล้ว และพบว่า BLCP มีความยืดหยุ่นในการที่จะนำแอมโมเนียมาใช้ผสมกับเชื้อเพลิงอื่น
  • **ผลกระทบของราคาแก๊สและค่าไฟฟ้าที่ ErCOT Temple:**
    • **คำถาม:** หากราคาแก๊สมีแนวโน้มลดลงใน Q3 เมื่อเปรียบเทียบกับ Q2 ส่งผลต่อต้นทุนพลังงานลดลงใช่หรือไม่? และอยากทราบว่าบริษัทมีสัญญาซื้อแก๊สกับใคร? ค่าไฟฟ้าที่ขายเพิ่มขึ้นหรือไม่? และสัญญาซื้อขายไฟฟ้าปรับทุก ๆ เมื่อไหร่ และจะส่งผลดีต่อการดำเนินธุรกิจเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2 ใช่หรือไม่?
    • **คำตอบ:** Q3 เป็นฤดูร้อนที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง การที่ราคาแก๊สลดลงจะทำ margin ดีขึ้นเป็นส่วนหนึ่ง แต่ตลาด ErCOT เป็นตลาดเสรีที่ราคาซื้อขายขึ้นอยู่กับ Supply และ Demand เป็นหลัก บอกไม่ได้ว่าราคาจะสูงไปแบบไหน แต่ถ้าเกิดมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงในขณะที่มีความพร้อมจ่ายน้อย ราคาค่าไฟฟ้าก็จะขึ้นสูงไปด้วย การซื้อขายแก๊ส BPP จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ทำสัญญาอนุพันธ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว และส่วนที่ขายในตลาด Real Time ซึ่งจะซื้อแก๊ส ณ ตอนนั้นเช่นกัน และรายได้ที่ได้จากอนุพันธ์จะ Lock อยู่แล้ว โดยในปี 2568 มีสัดส่วนรายได้ที่จะรับเข้ามาจากส่วนนี้ประมาณ 146 ล้านเหรียญ
  • **แนวโน้มผลประกอบการของ SLG:**
    • **คำถาม:** อยากทราบแนวโน้มผลประกอบการของ SLG เป็นอย่างไรบ้าง?
    • **คำตอบ:** แนวโน้มผลประกอบการ SLG จะได้รับการหนุนจากการต้องการไฟฟ้าที่ยังเพิ่มขึ้น และด้วยราคาเชื้อเพลิงที่ลดลงด้วย ปัจจัยท้าทายอย่างเช่นพวกพลังงานหมุนเวียนนั้น โดยธรรมชาติของพลังงานหมุนเวียนก็จะ มีในบางช่วงที่หายไปเลย สำหรับโรงใหญ่ SLG ก็จะเป็นโรงที่ได้รับคำสั่งจากสายส่งให้จ่ายไฟก่อน ถ้าเรามีความพร้อม เราก็จะสามารถจ่ายไฟได้ที่ ราคาที่ดี
  • **เป้าหมายและแผนการนำ BPP Next เข้าตลาดหลักทรัพย์:**
    • **คำถาม:** ผู้บริหารมีเป้าหมายที่จะให้ BPP Next ทำกำไรได้ในปีไหน และมีแผนนำเข้าตลาดหลักทรัพย์หรือไม่?
    • **คำตอบ:** BPP Next ยังคงอยู่ในช่วงการเติบโตและลงทุน ผลการดำเนินงานขึ้นอยู่กับความเร็วในการพัฒนาโครงการและการขยายตลาด คาดว่าจะทยอยดีขึ้นตามการเติบโตของพอร์ตโครงการที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว ปัจจุบันมีความก้าวหน้าที่ชัดเจนทั้งในญี่ปุ่น การขยายสู่ตลาด BESS และความร่วมมือกับพันธมิตรด้านเทคโนโลยีชั้นนำ ส่วนการนำ BPP Next เข้าตลาดหลักทรัพย์นี้ ก็ยังคงติดตามและพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมในอนาคตกันอยู่ภายใน ซึ่งจะขึ้นอยู่กับทั้งสภาวะ ตลาดและความพร้อมของธุรกิจเพื่อให้การตัดสินใจเป็นไปอย่าง รอบคอบและสร้างคุณค่าให้ผู้ถือหุ้นในระยะยาว
  • **โครงสร้างเงินกู้ของ BPP:**
    • **คำถาม:** บริษัทมีโครงสร้างเงินกู้ในประเทศและต่างประเทศแบบไหน? หากดอกเบี้ยปรับลดทั้งในประเทศและ USA หรือต่างประเทศอื่นที่บริษัทไปลงทุน จะส่งผลต่อภาระดอกเบี้ยลดลงอย่างไร?
    • **คำตอบ:** เงินกู้โดยรวมของบริษัทประมาณ 45% เป็นเงินกู้ในสกุลเงินบาท และอีก 55% ที่เหลือเป็นสกุลเงินต่างประเทศ โดยในทั้งหมด 100% มีสัดส่วนที่เป็นดอกเบี้ยคงที่ประมาณ 30% และ 70% ที่เหลือเป็นดอกเบี้ยที่เป็นไปตามราคาตลาด 70% ตรงนี้มีมูลค่าอยู่คร่าว ๆ ประมาณ 27,000 ล้าน เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่มีการปรับดอกเบี้ยลดลงประมาณ 1% ดอกเบี้ยจ่ายของบริษัทก็จะลดลงโดยทันทีประมาณ 270 ล้านบาท

โดยสรุป BPP ยังคงมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในไตรมาส 2 ปี 2568 และพร้อมที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต ด้วยกลยุทธ์ที่หลากหลายและการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ BPP มุ่งมั่นที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นและมีส่วนร่วมในการพัฒนาพลังงานที่ยั่งยืน

โพสต์ล่าสุด