บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
SCL Oppday Q2/2568 : เจาะลึกกลยุทธ์ผู้นำตลาดอะไหล่ยานยนต์ พร้อมโอกาสเติบโตในยุค EV
P/E 6.57 YIELD 6.11 ราคา 1.31 (0.00%)
SCL Oppday Q2/2568 : เจาะลึกกลยุทธ์ผู้นำตลาดอะไหล่ยานยนต์ พร้อมโอกาสเติบโตในยุค EV
สวัสดีท่านผู้ถือหุ้น นักลงทุน และผู้สนใจทุกท่าน วันนี้เป็นการประชุม Oppday ประจำไตรมาส 2 ปี 2568 โดยมีหัวข้อนำเสนอเกี่ยวกับลักษณะการประกอบธุรกิจโดยย่อ, ผลประกอบการไตรมาส 2/2568, และแผนงานประจำครึ่งปีหลัง
คุณสกล ตั้งก่อสกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. SCL มอเตอร์พาร์ท กล่าวว่า SCL เป็นธุรกิจจัดจำหน่ายอะไหล่รถยนต์รายแรกที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ทั้ง SET และ mai โดยจะมาอธิบายภาพรวมของตลาดอะไหล่รถยนต์ก่อน ในอุตสาหกรรมนี้ หากเป็นภาษาอังกฤษจะเรียกว่า REM หรือ Replacement Equipment Manufacturing
ในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้มีตัวเลขออกมาว่าตลาดอะไหล่รถยนต์ในไทยปีนี้น่าจะตกประมาณ 121,000 ล้านบาท เติบโตจากปีที่แล้วประมาณ 3% อุตสาหกรรมอะไหล่รถยนต์จะอิงโดยตรงกับประชากรรถยนต์สะสมที่วิ่งอยู่ในประเทศไทย ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 21.3 ล้านคัน ซึ่งกว่า 70% เป็นรถที่อายุมากกว่า 7 ปี รถอายุยิ่งมาก ความต้องการใช้อะไหล่ก็จะสูงขึ้น
SCL ก่อตั้งในปี 2507 ในนามห้างหุ้นส่วนจำกัด เส้ง เชียงหลง และได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายอะไหล่แท้อีซูซุจาก Isuzu ที่ญี่ปุ่น ในปี 2524 ได้เปลี่ยนมาเป็นชื่อบริษัท SCL Motorparts และโอนสิทธิ์ในการจำหน่ายอะไหล่แท้มาอยู่ที่ SCL อีก 10 ปีต่อมา ในปี 2534 เริ่มทำอะไหล่แท้มิตซูบิชิ โดยเป็นตัวแทนจำหน่ายจาก Mitsubishi Motor ประเทศไทย ในปี 2540 ได้เพิ่มแบรนด์ต่างๆ เข้ามาใน Portfolio เช่น อะไหล่แท้ Ford, Nissan, Mazda รวมถึงโช้คอัพ Kayaba
ในปี 2548 เริ่มนำระบบ ISO 9001 เวอร์ชั่น 2000 เข้ามาใช้ ในช่วงปี 2549 เริ่มมีธุรกิจ Fast Fit ซึ่งเป็น Modern Trade ของการเปลี่ยนยางบำรุงรักษาที่นอก Dealer นอกศูนย์บริการ เช่น B-Quick, ACT, Cockpit, Tire Auto Serve และอื่นๆ ในปี 2551 ได้ก่อตั้งศูนย์กระจายสินค้ากาญจนาภิเษก บนพื้นที่ 9 ไร่ พื้นที่จัดเก็บประมาณ 6,000 ตารางเมตร ในอีก 2 ปีถัดมา เริ่มทำแบรนด์อะไหล่แท้ Toyota และอะไหล่แท้ Fuso
ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา มีการขายออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ มากขึ้น SCL จึงได้ไปจัดจำหน่ายตามช่องทางแพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อให้ถึงมือลูกค้าได้สะดวกมากยิ่งขึ้น และได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566
SCL มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านการจัดจำหน่ายอะไหล่ยานยนต์ที่ได้มาตรฐานอย่างครบวงจร พร้อมสร้างคุณค่าให้แก่สังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน พันธกิจคือการบริการลูกค้าอย่างมืออาชีพด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อความถูกต้องรวดเร็ว ตอบสนองความต้องการและเพิ่ม Customer Satisfaction เป้าหมายคือการสรรหา Product และ Service ที่ทันสมัย เหมาะสมกับอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างต่อเนื่อง โดยใช้สโลแกนว่า "ถูกทุกชิ้น แท้ทุกส่วน"
ค่านิยมองค์กรของ SCL ย่อมาจาก Service Mind, Commitment, และ Learning Organization โดยเน้นการเทรนนิ่งให้ทีมงานมีทัศนคติที่ดีและให้บริการลูกค้าอย่างเต็มที่ รักษาคำมั่นสัญญากับลูกค้าและ Stakeholder ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย และมีการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ โดยเฉพาะในยุคสมัยปัจจุบัน
สัดส่วนการจัดจำหน่ายอะไหล่
- อะไหล่แท้
- อะไหล่ทดแทน
สัดส่วนใกล้เคียงกันระหว่างครึ่งปีแรกของปีที่แล้วกับปีนี้ ปีที่แล้วอะไหล่แท้อยู่ที่ 90.71% และอะไหล่ทดแทน 9.29% ในปีนี้อะไหล่ทดแทนเพิ่มขึ้นเป็น 10.14% และอะไหล่แท้ประมาณ 89.86%
กลุ่มลูกค้าหลัก
- ผู้จำหน่ายอะไหล่รถยนต์
- ศูนย์บริการ
- ประกันภัย
- E-commerce
ปีที่แล้วผู้จำหน่ายอะไหล่อยู่ที่ 91.4%, ศูนย์บริการ 3.19%, ประกันภัย 3.9%, และ E-commerce 1.43% ปีนี้สัดส่วนใกล้เคียงกัน โดยผู้จำหน่ายอะไหล่ลดลงเล็กน้อยเหลือ 90.3%, ศูนย์บริการเพิ่มขึ้นเป็น 4.06%, ประกันภัยเพิ่มขึ้น 4.03%, และ E-commerce ประมาณ 1.6%
ตัวเลขงบกำไรขาดทุน
- รายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในไตรมาส 2 ปรับจาก 447 ล้านเป็น 451 ล้านบาท
- รวมรายได้อื่น ตัวเลขใกล้เคียงกัน 448 ล้านเป็น 452 ล้านบาท
- รายได้รวม 6 เดือน ปีที่แล้ว 916 ล้าน ปีนี้ขยับขึ้นมาเป็น 924 ล้านบาท
รายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์แบ่งเป็นอะไหล่ทดแทนกับอะไหล่ภายใต้ตราสินค้าของค่ายรถยนต์ (อะไหล่แท้) ไตรมาส 2 ปีที่แล้วได้ตัวอะไหล่แท้ 447 ล้าน ปีนี้ขยับขึ้นมาเป็น 451 ล้านบาท ในงวด 6 เดือน ปีที่แล้วยอดขายรวม 915 ล้าน มา 6 เดือนปีนี้ขยับขึ้นมาเป็น 922 ล้านบาท
รายได้จากการขายอะไหล่แท้ ไตรมาส 2 ปีที่แล้ว 401 ล้าน ปีนี้ขยับขึ้นมาเป็น 405 ล้านบาท 6 เดือนจาก 829 ล้าน ลดลงมาเล็กน้อยไม่ถึงครึ่งเปอร์เซ็นต์ รายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์อะไหล่ทดแทน ไตรมาส 2 ปีที่แล้ว 45.5 ล้าน ไตรมาส 2 ปีนี้ 45.9 ล้านบาท รวมตัวเลข 6 เดือนขยับขึ้นจาก 85.4 ล้าน ไปเป็น 94 ล้านบาท
กำไรขั้นต้นในไตรมาส 2 ปีที่แล้วอยู่ที่ 45.8 ล้านบาท ปีนี้ขยับขึ้นมาเป็น 47.4 ล้านบาท อัตรา Margin ขยับจาก 10.24% ไปเป็น 10.15% กำไรขั้นต้น 6 เดือน ปีที่แล้ว 93.2 ล้าน ปีนี้ 94.9 ล้านบาท ขยับขึ้นจาก 10.19% ไปเป็น 10.29%
ค่าใช้จ่ายในการขายและจัดจำหน่าย ไตรมาส 2 ปีที่แล้ว 10.93 ล้าน ปีนี้ปรับลดลงได้นิดหน่อยเหลือ 10.67 ล้านบาท คิดเป็นเปอร์เซ็นต์คือจาก 2.44% ลดลงเหลือ 2.37% ในงวด 6 เดือน อัตราส่วนจาก 2.31 เป็น 2.32 ใกล้เคียงกันมาก ค่าใช้จ่ายในการขายและจัดจำหน่ายจาก 21.18 ไปเป็น 21.42 ปรับขึ้นน้อยมาก
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ในไตรมาส 2 ปีที่แล้วจาก 17.86 ขยับขึ้นมาเป็น 20.13 ล้านบาท ขยับจาก 4.0% เป็น 4.4% ในงวด 6 เดือน จาก 35.36 ไปเป็น 38 ล้านบาท ขยับจาก 3.87 ไปเป็น 4.12% กำไรสุทธิและอัตรากำไรสุทธิ จากไตรมาส 2 ปีที่แล้ว 10.43 ล้าน ไตรมาส 2 ปีนี้ขยับเป็น 11.16 ล้านบาท Net Profit Margin จาก 2.33 ขยับไปเป็น 2.48%
ในงวด 6 เดือน จาก 22.59 ล้าน ปีนี้ได้ขยับขึ้นมาเป็น 24.56 ล้านบาท โดยสามารถอัพ Net Profit Margin จาก 2.47% จะไปเป็นประมาณ 2.66%
แผนงานที่จะทำครึ่งปีหลัง คือในช่วงครึ่งปีแรกยอดขายเติบโตประมาณ 1% สาเหตุหลักๆ คือมีการปรับระบบงานหลังบ้านในเรื่องของ Logistics และ Warehouse มีการทำระบบคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์ WMS เพื่อให้การทำงานของหลังบ้านมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำได้รวดเร็วมากขึ้น ซึ่งเพิ่งจะแล้วเสร็จประมาณช่วงต้นเดือนมิถุนายน ทำให้การทำงานเริ่มรองรับ Order ต่างๆ ที่ลูกค้าเข้ามาอย่างสม่ำเสมอได้เพิ่มขึ้น
ในแง่ของแผนงาน มีการเพิ่มลูกค้า โดยเฉพาะปีนี้เป็นปีที่ตลาดรถยนต์ 6 เดือนแรกยังไม่ค่อยดีเท่าที่ควร ยังติดลบอยู่เล็กน้อย ทำให้ตลาดในเรื่องของ Maintenance ในเรื่องของตลาด Fast Fit ตลาดของอู่มีการขยายตัวอย่างมาก SCL จึงได้เพิ่มลูกค้าในส่วนนี้เข้ามาได้มากพอสมควร
ในเรื่องของ Portfolio ของสินค้า ได้เพิ่มสินค้ามาอีกประมาณ 5,000 SKU ในแง่จำนวน Brand ก็เพิ่มมาอีกประมาณ 5 Brand แต่หลังๆ จะไปเน้นในเรื่องของสินค้าที่มี Margin สูงเพิ่มมากขึ้น ไปเน้นของการเพิ่มตัว Private Brand ที่มีอยู่แล้ว ไปเพิ่มทั้งในแง่ของหมวดหมู่ เพิ่มในแง่ของ SKU เพราะสินค้าพวกนี้มีตัวกำไรขั้นต้นได้ดีกว่า โดยมีแผนงานตรงนี้ออกมาอย่างชัดเจน จะทยอยคลอดออกมาให้เห็นกันในทุกไตรมาส
SCL มองว่าตลาดอะไหล่รถยนต์มีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง อย่าไปเข้าใจผิดว่าพอมีรถไฟฟ้าเข้ามาแล้วจะทำให้ในเรื่องของอัตราการใช้งานของอะไหล่รถยนต์จะน้อยลง รถไฟฟ้าแม้จะไม่มีเครื่องยนต์ แต่ก็ยังมีหลากหลายระบบ เช่น Body Part ระบบช่วงล่าง ระบบเบรก ระบบภายใน Interior ระบบแอร์รถยนต์ ซึ่งยังมีการใช้งานต่อเนื่อง
เทรนด์ตอนนี้ในแง่ของ EV เดี๋ยวนี้จะใช้คำว่าเป็น XEV ซึ่งเป็นการรวมกันระหว่างตัว PHEV (Plug-in Hybrid Electric Vehicle) กับตัว BEV (Battery Electric Vehicle) Plug-in Hybrid เป็นรถยนต์ที่ยังมีเครื่องยนต์สันดาปภายใน ใช้ร่วมกับระบบไฟฟ้าที่ชาร์จได้ ซึ่งระบบเครื่องยนต์จะมีความสลับซับซ้อนมากกว่าระบบเครื่องยนต์ ICE ธรรมดาด้วยซ้ำไป เพราะฉะนั้นในแง่ Wear and Tear ในแง่ของการซ่อมบำรุงยังมียู่มากอยู่ เพราะฉะนั้นอันนี้เป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกที่ว่าตัว Plug-in Hybrid เข้ามา เพราะมันตอบสนองความต้องการของการใช้รถที่ได้ชาร์จ ใช้ไฟฟ้า รักโลก ในขณะเดียวกันก็มีความสะดวกสบายไม่ต้องไปนั่งรอในแง่ของการชาร์จเป็นประจำ
การขยายตัวของ Portfolio ของ SCL ตอนนี้ขยับไปทำในแง่ของอะไหล่มอเตอร์ไซค์เพิ่มมากขึ้น ทำตั้งแต่ 2 ล้อไปยันถึง 16 ล้อ เพราะฉะนั้นตัวสินค้าที่สามารถเพิ่มเข้ามาใน Port สามารถเพิ่มได้ตลอดเวลา
[00:32:33]
ช่วงถาม-ตอบ
- **แนวโน้มงบไตรมาส 3/2568 และกำไรไตรมาสที่ดีที่สุด:**
- **ผลกระทบตลาด Fast Fit ที่โตขึ้นต่อ SCL:**
- **ผลกระทบจากนโยบายภาษีทรัมป์:**
- **แนวโน้มรถยนต์ EV ในตลาด:**
- **ยอดขายอะไหล่รถยนต์ส่วนบุคคล vs. รถกระบะ/บรรทุก:**
- **การสร้างความมั่นใจต่อนักลงทุน:**
- **ผลกระทบจากโรงงานรถยนต์ญี่ปุ่นปิดตัว:**
แนวโน้มงบไตรมาส 3 ปี 2568 จะดีกว่างบไตรมาส 3 ปี 2567 หรือไม่ และคิดว่ากำไรไตรมาสไหนเป็นกำไรที่ดีที่สุด
คำตอบ: ไตรมาส 3 ปีที่แล้ว ยอดขายอาจจะไม่เยอะ แต่กำไรจะกระเด้งขึ้นมาเป็นตัว Net Profit Margin จะกระเด้งขึ้นมา เพราะสามารถสรรหาสินค้าที่ Make Profit ได้ดีกว่า แนวโน้มไตรมาส 3 ปีนี้ก็จะเป็นเหมือนไตรมาส 3 ปีที่แล้ว คือตัวเลขน่าจะได้กลับมาที่เป็นตัวเลขที่น่าจะดีที่สุด Quarter หนึ่ง
หากตลาด Fast Fit หรือพวกอู่ที่โตขึ้น แต่ทำไมรายได้ของ SCL ไม่โตตามตลาดขนาดนั้น
คำตอบ: Fast Fit มีการโตขึ้น เพราะทำตลาด Fast Fit มา 20-30 ปีแล้ว สมัยแต่ก่อนจะมี 2 แบรนด์ที่เป็นเจ้าตลาดคือ B-Quick กับ Cockpit แต่หลังๆ มีแบรนด์ใหม่เข้ามา เช่น Autobacs ในเครือ PT ซึ่งขยายตลาดอย่างรวดเร็ว จนมาป่านนี้ได้ประมาณ 130 สาขา และ Auto1 ในเครือ CRC ก็ขยายตลาดได้อย่างรวดเร็ว ตัวเลขในช่วง 6 เดือนแรก SCL อยู่ในช่วงของการปรับปรุงระบบ Logistics หลังบ้าน จึงไม่สามารถเข้าไปทำตลาดในภาพรวมได้ดีเท่าที่ควร แต่ตอนนี้พยายามปรับตรงนี้ให้มันกลับมา เพราะปรับระบบเสร็จประมาณเดือนมิถุนายน ก็น่าจะกลับมาได้ดีขึ้น
เรื่องภาษีทรัมป์มีผลกระทบอะไรกับ SCL หรือไม่
คำตอบ: ไม่มี เพราะ SCL มีการส่งออกน้อยมาก ไม่ใช่ส่งออกอะไหล่รถยนต์ด้วย เป็นเครื่องมือของตัวรถยนต์บางส่วนไปแถวอาเซียน ไม่มีการส่งออกอะไหล่รถยนต์ไปอเมริกาเลย (0 บาท) เพราะฉะนั้นในแง่ของภาษีทรัมป์ไม่ได้มีผลกระทบ
แนวโน้มรถยนต์ EV ในตลาดมีผลอะไรกับ SCL ในอนาคต 2-3 ปีนี้
คำตอบ: ประชากรรถยนต์สะสมประมาณ 21.3 ล้านคัน ประชากรรถยนต์สะสมของ EV มีประมาณ 160,000 คัน นับเป็นประมาณ 1.5% ของภาพรวม ยังเหมือนกับทุกวันนี้ที่ทำรถยุโรปน้อยมากหรือแทบไม่ได้ทำเลย ประชากรรถยุโรปถ้านับจาก 21.3 ล้านคัน มากกว่า 1.5% อยู่เยอะ ไม่ได้รับผลกระทบจาก EV ในทำนองเดียวกันกลับมองว่า EV เป็น Opportunity เริ่มทำอะไหล่ EV ในหลายๆ แบรนด์ Wear and Tear มันน้อย และรถมันยังใหม่อยู่ รถ EV ในไทยจริงๆ คือประมาณ 2 ปี เพราะฉะนั้นแทบจะยังไม่ได้เข้ามาในตลาดของเรา ซึ่งปกติตลาดเราเริ่มนับตั้งแต่ปีที่ 3 ปีที่ 4 หรือรถที่ออกจากวารันตีแล้วเท่านั้น
ปัจจุบันอะไหล่รถยนต์ส่วนบุคคล รถกระบะ หรือรถบรรทุก ขายดีกว่ากัน หรือประเภทไหนขายดีที่สุด
คำตอบ: รถบรรทุกมีการใช้งานเยอะ mileage รถสูง รถบรรทุกโดยเฉลี่ยใช้งานเยอะมาก รถ Pickup ที่เป็นขนส่ง average ปีนึงวิ่ง 50,000-100,000 กิโลเมตรได้สบาย ในขณะที่รถเก๋งรถยนต์ส่วนบุคคลปีนึงวิ่งประมาณ 10,000 กิโลเมตร เพราะฉะนั้นในแง่ของ Volume การขายอะไหล่ จะเน้นหนักไปที่รถบรรทุก ตั้งแต่ Pickup ไปจนถึงรถบรรทุก 6 ล้อ 10 ล้อ และมากกว่า 10 ล้อขึ้นไป
อยากให้คุณสกลสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน เนื่องจาก SCL เป็นบริษัทขายอะไหล่รถยนต์พร้อมจัดส่งสินค้าถึงผู้บริโภคด้วย
คำตอบ: SCL ทำตลาดอะไหล่รถยนต์มา 60 ปีแล้ว มีลูกค้าที่เป็นผู้จำหน่ายอะไหล่รถยนต์ในทุกจังหวัดทั่วประเทศไทยมาไม่ต่ำกว่า 40 ปี จะได้รับความเชื่อมั่นจากผู้จำหน่ายอะไหล่รถยนต์หรือร้านอะไหล่รถยนต์ทั่วประเทศ Logistics สามารถลูกค้าสั่งสินค้าวันนี้ สามารถส่งถึงทุกที่ในประเทศไทยในวันรุ่งขึ้น ใช้บริษัทขนส่ง/Logistics ที่มีความชำนาญในการที่ลูกค้าเลือกหรือมีความชำนาญในการที่จะส่งให้ได้ในเวลา 24 ชั่วโมง เป็น Key Success Factor อันนึงในการที่สามารถทำตลาดตรงนี้ได้
ในกรณีที่โรงงานรถยนต์ญี่ปุ่นปิดตัวไปบางแห่ง จะมีผลกระทบกับการจัดหาอะไหล่ของ SCL หรือไม่
คำตอบ: ส่วนใหญ่ยังไม่ถึงกับปิดตัว แต่เนื่องจากค่ายรถยนต์/ผู้ผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่ใช้ระบบ Just in Time คือไม่ได้ผลิตออกมาในแง่ของการประกอบรถยนต์เผื่อไว้เยอะ อาจจะทำให้มีสินค้าในบางหมวดหมู่ที่อาจจะมีการจัดส่งได้ช้าไม่ทันท่วงที แต่คอย Monitor อยู่ตลอด และมีสินค้าหลากหลาย Brand ตอนนี้จัดจำหน่ายสินค้ากว่า 55 Brand สามารถหาอะไหล่ที่มันทดแทนเข้าไปนำเสนอแก่ลูกค้าได้ทันท่วงที
โดยสรุป SCL ยังคงมุ่งเน้นการเติบโตในตลาดอะไหล่รถยนต์ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความเชี่ยวชาญในธุรกิจ ความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับคู่ค้า และการปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์ใหม่ๆ เช่น รถยนต์ EV อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายในการบริหารจัดการต้นทุนและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น