สรุปงบล่าสุด UTP

บริษัท ยูไนเต็ด เปเปอร์ จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุปสั้น
UTP รายได้ปี 67 ลดลง 3.71% แม้ยังทำกำไรสุทธิได้แต่ลดลง 22.13% จากราคาขายเฉลี่ยลดลงและการแข่งขันที่สูงขึ้น รวมถึงต้นทุนสินค้าขายที่เพิ่มขึ้น UTP ยังคงมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งด้วยเงินสด 1,184.35 ล้านบาท และ D/E 0.10 เท่า UTP เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ ลดต้นทุน และลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ
ปัจจัยที่กระทบต่อรายได้และกำไรของ UTP คือ ราคาขายเฉลี่ยลดลงและต้นทุนสินค้าขายที่สูงขึ้นเล็กน้อย UTP คาดการณ์สถานการณ์จะดีขึ้นตามฤดูกาล ราคาขายทรงตัวถึงดีขึ้นเล็กน้อย และราคาวัตถุดิบทรงตัว
IAA คาดการณ์ EPS ปี 68 ที่ 1.16 บาท ราคาเป้าหมาย 10.0 บาท Upside 25.79% ข้อมูลล่าสุด (2025-03-27): P/E 8.34 เท่า, Yield 8.18%
สรุปด้วย AI(O) BOT
## บทสรุปผลประกอบการ บริษัท ยูไนเต็ด เปเปอร์ จำกัด (มหาชน) (UTP) ปี 2567
บริษัท ยูไนเต็ด เปเปอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ UTP ผู้ผลิตและจำหน่ายกระดาษคราฟท์สำหรับอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ เผยผลประกอบการปี 2567 โดยมีรายได้รวม 3,931.92 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 619.69 ล้านบาท ซึ่งลดลงเมื่อเทียบกับปี 2566 ที่มีรายได้รวม 4,083.49 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 876.35 ล้านบาท แม้ว่าปริมาณขายจะเพิ่มขึ้น แต่ราคาขายเฉลี่ยที่ลดลงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อรายได้รวม นอกจากนี้ ต้นทุนสินค้าขายที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยก็มีส่วนกดดันกำไรสุทธิเช่นกัน อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ลงทุนในโครงการ BOI ใหม่ มูลค่า 200 ล้านบาท เพื่อประหยัดพลังงาน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จต้นปี 2568 และช่วยลดต้นทุนพลังงานได้ 7-8%
UTP ยังคงมุ่งเน้นกลยุทธ์ในการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคขั้นสุดท้าย ควบคู่ไปกับการเพิ่มมาตรการลดต้นทุนการผลิตเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับความยั่งยืน โดยลงทุนในโครงการประหยัดพลังงานเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แม้ว่าแนวโน้มสถานการณ์ขายคาดว่าจะดีขึ้นตามฤดูกาล และราคาขายสินค้าทรงตัวถึงดีขึ้นเล็กน้อย แต่บริษัทยังคงต้องเผชิญกับการแข่งขันทางการค้าที่สูงขึ้น
จากข้อมูลผลประกอบการและสถานการณ์ปัจจุบันของ UTP การพิจารณาโอกาสในการลงทุนต้องอาศัยการวิเคราะห์อย่างรอบคอบ แม้ว่าหุ้น UTP จะมี P/E Ratio ที่ 8.04 ซึ่งบ่งบอกถึงการประเมินมูลค่าที่ไม่สูงนักเมื่อเทียบกับกำไร และมี Dividend Yield ที่น่าสนใจถึง 9.94% แต่การที่กำไรสุทธิลดลงในปี 2567 เป็นสิ่งที่นักลงทุนต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ประกอบกับราคาหุ้นเฉลี่ยในไตรมาส 4 ปี 2567 ลดลงมาอยู่ที่ 9.49 บาท สะท้อนถึงความกังวลของตลาดที่มีต่อผลประกอบการ
**โอกาส:**
* ความต้องการบรรจุภัณฑ์ที่เติบโตตามการขยายตัวของธุรกิจอีคอมเมิร์ซและอาหารเดลิเวอรี่
* การลงทุนในเทคโนโลยีและกระบวนการผลิตที่ทันสมัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน
* การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
**ความเสี่ยง:**
* ความผันผวนของราคาวัตถุดิบ (เศษกระดาษ) ซึ่งส่งผลต่อต้นทุนการผลิต
* การแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมกระดาษคราฟท์
* ความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการบรรจุภัณฑ์
**ข้อมูลทางการเงินเพิ่มเติมสำหรับการวิเคราะห์:**
* D/E Ratio ที่ต่ำ (0.1) แสดงถึงความสามารถในการบริหารจัดการหนี้สินที่ดี
* อัตรากำไรสุทธิที่ 15.89% บ่งบอกถึงความสามารถในการทำกำไรที่ดี
* วงจรเงินสดที่ยาวนาน (ประมาณ 110 วัน) อาจบ่งบอกถึงความท้าทายในการบริหารจัดการกระแสเงินสด
การตัดสินใจลงทุนในหุ้น UTP ควรพิจารณาปัจจัยเหล่านี้อย่างรอบด้าน รวมถึงติดตามผลประกอบการของบริษัทในอนาคตอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินศักยภาพในการเติบโตและความสามารถในการทำกำไรอย่างยั่งยืน
(12.37%)
(0.76%)
(24.70%)
(22.72%)
(10.91%)
(23.30%)
(15.71%)
(21.67%)
(20.88%)
(22.81%)
(51.20%)
(50.20%)