สรุป OPPDAY หุ้น TURBO
Oppday
สรุป OPPDAY
TURBO เผยแผนโต ปี 2568: ขยายพอร์ตสินเชื่อ, เน้นประกันภัย, และลดต้นทุน
สวัสดีครับ นักลงทุนทุกท่าน วันนี้เป็นการประชุม Oppday ครั้งแรกของบริษัท เงินเทอร์โบ หลังจากการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในช่วงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา วันนี้เราจะมาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับธุรกิจของเรานะครับ
ต้องขอขอบคุณผู้ลงทุนทุกท่านที่ทำ IPO ของเราประสบความสำเร็จด้วยดีนะครับ และก็ขอบคุณสำหรับความมั่นใจและความไว้วางใจที่นักลงทุนทุกท่านมีให้แก่เงินเทอร์โบนะครับ
Section แรกนะครับ เดี๋ยว overview ธุรกิจ เดี๋ยวผมให้คุณธนันนะครับ เล่าให้ฟังว่าจริงๆ ธุรกิจเราหน้าตาเป็นยังไง ธุรกิจเราเป็นอะไรนะครับ
พาร์ทแรกขอ recap ตัว Business ให้ทุกท่านฟังก่อนนะครับ เผื่อนักลงทุนบางท่านยังไม่เคยศึกษาเงินเทอร์โบมานะครับ โดยหลักแล้วครับเงินเทอร์โบก็เป็นสินเชื่อที่เราเรียกว่าเป็น Consumer Finance นะครับ เรามุ่งไปที่ลูกค้ารายย่อยนะครับ หรือในแง่ว่าเป็นกลุ่ม Unbank Underbank ของเรานะครับ ปัจจุบันเนี่ยเรามี Business หลักอยู่ 2 ตัวนะครับ อันแรกนะครับเราเรียกว่า Lending Business ก็คือธุรกิจสินเชื่อ อย่างที่สองก็คือธุรกิจนายหน้าประกันนะครับ
โดยที่ธุรกิจสินเชื่อของเรานะครับ ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อจำนำทะเบียน หรือสินเชื่อนาโนเนี่ย เราก็ดำเนินธุรกิจภายใต้ใบอนุญาตของธนาคารแห่งประเทศไทยนะครับ โดยทั้งนี้นะครับตัว Shareholder Structure ของเรานะครับหลังจากเข้าตลาดแล้วนะครับกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่นะครับก็คือกลุ่มตั้งมิตรประชานะครับ ยังถือหุ้นรวมๆ กันอยู่ 73.9% น่ะนะครับ ขณะที่ KBank อ่ะนะครับ ซึ่งถือหุ้นผ่านบริษัทลูกอีกตัวหนึ่งชื่อ K Vision เนี่ยถือหุ้นในบริษัทเกือบๆ 5% อ่ะนะครับ
แล้วก็นักลงทุนรายอื่นๆ นะครับอยู่ที่ ก็ๆ 21% กว่านะครับ ในขณะที่ภาพรวมของบริษัทนะครับบริษัทเนี่ยเราจัดตั้งมาตั้งแต่ปี 2017 นะช่วงเดือนกันยายนครับ ก็ตอนนี้เราบริษัทเราอายุประมาณ 8 ปีแล้วนะครับ ตั้งแต่เราตั้งธุรกิจมานะครับ เอ่อเรา Operate วันแรก 4 กันยายน 2017 เราก็ มาถึงปัจจุบันนะครับก็เข้า List หลังจากปีที่ 8 ที่เรา Operate มานะครับ แล้วเปิดสาขาปีแรกเนี่ยปี 2018 ก็คือประมาณสัก 6 เดือนหลังจากที่เราเปิดธุรกิจนะครับ แล้วก็หลังจากนั้นเราก็เป็นพาร์ทเนอร์กับ KBank กับเมืองไทย Life นะครับเริ่มขายผลิตภัณฑ์ประกันต่างๆ นะครับ แล้วก็ได้ Credit Rating นะครับ BBB ลบ นะครับในครั้งแรกเมื่อปี 2023 นะครับ
ก็นับว่าเป็นธุรกิจก็ได้ Rating Investment Grade ตั้งแต่สมัยที่ยังเป็น Run Listed นะครับ แล้วณ ตอนนั้นเนี่ยเราเพิ่ง Operate ธุรกิจได้ประมาณ 5 ปี กว่าๆ นะครับก็ถือว่าเป็น Mind Stone ของเรานะครับ แล้วปีนี้ ปี 2025 เนี่ยเราก็ List เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์เรียบร้อยแล้วนะครับ ผลิตภัณฑ์นะครับเรามีผลิตภัณฑ์ Lending นะครับก็คือสินเชื่อนะครับ มีมอเตอร์ไซค์ รถยนต์ ที่ดิน แล้วก็นาโนไฟแนนซ์นะครับ เรามีธุรกิจนายหน้าประกันภัยนะครับ ก็ หลายประเภท แต่ เอ่อ จักรยานยนต์ รถยนต์ นะครับ เรามี ที่เป็น Life Insurance นะครับ แล้วก็มีพวก PA หรือเป็น Accidental Insurance นะครับ
ปัจจุบันนะครับพอร์ตของเรา เอ่อ ง่ายๆ ก็คือ 70% น่ะเป็นประเภทรถยนต์นะครับ เอ่อ ประมาณ 9-10% เป็นที่ดินนะครับ แล้วก็ 19-20% เนี่ยเป็นนาโนไฟแนนซ์นะครับ สาขาเรามีอยู่ 996 สาขานะครับใน 54 จังหวัดนะครับ ก็มีเราสาขาเรามันจะเริ่มจากกรุงเทพนะครับ ค่อยๆ โตออกไปเรื่อยๆ ไปอยู่ภาคกลาง ตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออกนะครับ แล้วก็ไปอยู่ภาคใต้นะครับ
อันนี้ธุรกิจ Overview ของเรานะครับ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง
รายได้ของเรานะครับเราก็เติบโตมาโดยตลอดนะครับ ปี 2022 อยู่ 1,700 ล้านบาททั้งปี 2023 2,400 นะครับ แล้วก็โตขึ้นมาเป็นประมาณ 3,000 ล้านบาทปีที่แล้วนะครับ ปีนี้ครึ่ง 9 เดือนแรกของเรารายได้ก็โตจากปีที่แล้วนะครับ ประมาณ 2% นะครับ กำไรของเราเนี่ยปีนี้ก็ 3 Quarter ของเราก็เป็น 3 Quarter ที่ดีที่สุดของบริษัทนะครับ กำไรเราโตขึ้น 370% year on year เพราะว่าปีที่แล้วอาจจะไม่ได้กำไรมากนะครับ แต่ยังไงก็แล้วแต่ตั้งแต่เราตั้งธุรกิจมากำไรเราก็เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ นะครับ แล้วก็ปีนี้เป็นปีที่กำไรมากที่สุดแล้วก็มีผลประกอบการดีที่สุดนะครับ โดยตลอดที่ผ่านมานะครับ
Portfolio ของเรานะครับ เราโตมาตั้งแต่พอร์ตเรามี 0 บาทนะครับ แต่เราเปิดบริษัทตอนนั้นไม่มีลูกค้านะครับ ค่อยๆ build ธุรกิจ build portfolio ของเราขึ้นมาเรื่อยๆ นะครับ ปี 2022 มี 7,500 2023 มี 10,000 ปี 2024 มี 11,000 นะครับ ช่วงประมาณปีที่ผ่านมาเนี่ยคนอาจจะงงว่าเอ๊ะทำไมเราถึง Portfolio มันถึงอาจจะหดลงไปอะไรอย่างนี้นะครับลูกค้าหายหรือเปล่าอะไรเงี้ยเรียนให้ทราบว่าจริงๆ ถ้าเรา plot จำนวนลูกค้านะครับของเราขึ้นทุกปีนะครับ ปีนี้ลูกค้าเราก็ขึ้นมาเยอะนะครับ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือเราเนี่ย เลือกที่จะปล่อยให้ลูกค้าต่อคนน้อยลงนะครับ อาจจะด้วยสภาวะเศรษฐกิจหรือ Outlook ที่เราเศรษฐกิจที่เรามีกับ กับ กับเศรษฐกิจโดยภาพรวมนะครับ ฉะนั้นเราเนี่ยในฐานะผู้ประกอบธุรกิจนี้เนี่ยเราจะต้องมีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อนะครับ แต่การระมัดระวังของเราเนี่ย เอิ่ม การที่เราลด Size Loan ลงเนี่ย เอิ่ม ผล Short Term ก็คือมันทำให้สินเชื่ออาจจะดูโตช้าหน่อยนะครับ แต่ว่า ตอนเนี้ย ช่วงเดือน 2 เดือนที่ผ่านมาเราเริ่มหยุดการลดวงเงินสินเชื่อลงหมายความว่า เราไม่ได้กลับไปให้วงเงินเท่าเดิมนะครับเพียงแต่เราไม่ทำให้มันเล็กลงเพิ่มเติมนะครับ สิ่งที่เกิดขึ้นคือเราก็จะเริ่มเห็น Portfolio เริ่มกลับมาดีขึ้นนะครับ คราวนี้ Yield ของสินเชื่อเรานะครับเรา เรามียิลด์ที่ขึ้นโดยตลอดนะครับ 2021 เป็น 23 เป็น 24 กว่าๆ นะครับ Nimm ของเราก็ขึ้น ตลอดโดยต่อเนื่องนะครับ ตั้งแต่ปี 2022 17 กว่าๆ ปี 2023 18 กว่าๆ นะครับ ปี 2024 ก็เกือบ 20% นะครับ พอมาปีนี้ก็ขึ้นจากปีที่แล้วอีกนิดหน่อยนะครับ แต่เราไม่ได้คาดว่า Nimm ของเราจะเพิ่มเติมนอีกมากจากนี้นะครับ ผมว่า Long Term ของเราก็อยู่ Level ประมาณนี้นะครับ Cost of Fund ของเราปีนี้ลดลงนะครับจากของปีที่แล้วนะครับ
อันนี้มันเป็น สิ่งที่ค่อนข้างจะน่าสนใจนะครับ ก็คือ Cost to Income นะครับ เราเนี่ยเราถือว่าเป็นเราเป็นบริษัทที่มี Operating Leverage สูงมากนะครับ สาเหตุเพราะว่าเราเราไม่ใช่บริษัทที่ตั้งมา 15 ปี 20 ปีแล้วถึงมาเข้าตลาดนะครับ ตั้งแต่วันที่เรา Operate สาขาแรกจนถึงวันที่เข้าตลาดเนี่ยมันอายุ บริษัทแค่ 7 ปี กว่าๆ นะครับ ฉะนั้นลูกค้าของเรามันยังโตไม่เต็มที่นะครับ หมายความว่าสาขาที่เราเปิดมาเนี่ยมันยังโตไม่เต็มที่ คราวนี้พอสาขาเรามันมันยังโตไม่เต็มที่เนี่ย สิ่งที่เกิดขึ้นคือต้นทุนคงที่ของเราเนี่ยมันก็ยังอยู่ในระดับสูงนะครับ แต่คราวนี้พอเราเริ่มเปิดสาขาช้าๆ ลง เพื่อที่เราจะให้เรามี มีราย มีวงต่อสาขาเพิ่มขึ้นเนี่ย แล้วก็เราก็เริ่มมาดูเรื่องค่าใช้จ่ายว่าเฮ้ยเพราะ 7-8 ปีที่เราเริ่มธุรกิจมาเราเราไม่ได้เป็นโหมดในกลุ่มค่าใช้จ่ายมากมายนะครับ เพราะตอนนั้นเราโฟกัสมากเรื่องของ Growth นะครับ แต่ว่าพอเวลาผ่านไปเนี่ยค่าใช้จ่ายมันเป็นสิ่งสำคัญนะครับ แล้วก็ กลับมานั่งดูค่าใช้จ่ายของเราทำให้ค่าใช้จ่ายของเราเนี่ยปีเนี้ย Cost of Income เราลงมาเยอะมากนะครับ คือจาก 63 เหลือ 54% นี่คือปีเดียวลดประมาณ 10% นะครับ Matrix หนึ่งที่สำคัญของต่อมาของเราคือ Revenue ต่อ Per Staff นะครับ แล้ว Matrix นี้จะเป็น Matrix ที่เราจะสนใจมันไปเรื่อยๆ อีกในช่วง 3-5 ปีข้างหน้านะครับ วิธีการคิดของเราก็คือรายได้ ต่อพนักงานคนหนึ่งมันต้องเพิ่มขึ้นนะครับ ถ้ารายได้ต่อหน้าคนหนึ่งลดลงเนี่ย Long Term ไม่ดี แน่ๆ กับธุรกิจ แน่ๆ นะครับ
ให้ดูอันนี้มันเป็น Credit Cost ของเรานะครับ Credit Cost ปีนี้ของเราลดจาก 6.5 เหลือ 5.3 นะครับ แล้วก็ถ้าดูกราฟขวาอันนี้เป็นกราฟที่สำคัญนะครับ มันคือ Credit Quality คือ Stage 1 กับ Stage 3 ของธุรกิจเรา Stage 1 ก็คือลูกค้าที่ค้างชำระไม่เกิน 1 งวดนะครับ Stage 3 เนี่ยก็คือลูกค้าที่ค้าง 90 วันเป็นต้นไปนะครับก็คือ 4 งวดเป็นต้นไป ปกติธุรกิจนี้เนี่ย Stage 1 จะ Move มันจะเคลื่อนที่เร็วที่สุดนะครับ เราเห็นเลยว่า Trend เนี่ยมันดีขึ้นอย่างชัดเจนนะครับ แล้วมันเป็น Long Term Trend ก็คือตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้วถึงปีนี้จะเห็นเลยว่า Credit Quality ของเรา Stage 1 เนี่ยมันดีขึ้นโดยตลอดนะครับ แล้วอันนี้ที่มันน่าประทับใจมากว่าเดิมก็คือ Loan ของเราเราไม่ได้ Stage 1 ขึ้นเพราะ Loan เราโตเยอะนะครับ เพราะเวลา Loan โตเยอะเนี่ยมันจะมีน้ำใหม่เติมเข้ามา แต่อันนี้ถึงแม้ว่า Portfolio เราจะเท่าเดิมอาจจะมีลดจากเดิมนิดหน่อย แต่ Stage 1 ดีขึ้นมันแปลว่า ของจริงมันดีขึ้นเยอะมากนะครับ Stage 3 เนี่ยมันเป็นสิ่งที่เคลื่อนที่ช้านะครับ เวลามัน Stabilized มันก็จะอยู่สักระยะก่อนที่มันจะปรับตัวลดลงต่อไปนะครับ ฉะนั้น ฉะนั้น อันนี้มันเป็นตัวที่สำคัญมากที่เราใช้ดู Credit Performance ของเรานะครับ
Take Away นะครับ ผมว่าปีนี้ 3 Quarter ที่ผ่านมาก็เป็น 3 Quarter ที่ดีของบริษัทเรานะครับ แล้วเราก็คาดหวังว่าปีนี้ของเราจะเป็นปีที่ดีที่สุดตั้งแต่เราตั้งบริษัทมานะครับ แล้วก็ฐานลูกค้าของเรายังโตอยู่นะครับ ไม่ใช่ฐานลูกค้าหายไปไหนนะครับ ฐานลูกค้ายิ่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนะครับในทุกๆ เดือนนะครับ ไม่มีเดือนไหนที่ลูกค้าเราหายไปนะครับ ทุกเดือนลูกค้าเราเพิ่มขึ้นทุกเดือนนะครับ แล้วก็ Cost of Fund ของเราเนี่ยมันเป็น Float เยอะมากนะครับ เพราะว่ามันเป็น Bank Loan ก้อนช้างใหญ่ นะครับ เรามี Fixed Loan น้อยมากนะครับ แปลว่าเมื่อ Policy Rate ลงเนี่ย Cost of Fund ของเราจะได้รับการ favorable Tailwin เยอะนะครับ คือมีลมส่งท้ายนะครับ แล้วก็ Overall Productivity พูดง่ายๆ ก็คือ Productivity คือ Cost to Income Ratio หรือ Revenue Per Staff เนี่ย เราก็คาดว่าใน Over 12-24 เดือนข้างหน้าก็จะดีขึ้นต่อไปนะครับ Headquarter ของเรายกตัวอย่างสมัยก่อนมีอยู่ประมาณ 400 กว่าคนนะครับ ปัจจุบันเหลือ 300 กว่าคน เราเราสามารถทำงานได้ Deliver ได้มากกว่าเดิมหรือใช้คนน้อยกว่านะครับ Credit Quality นะครับ ผมว่าอันนี้ดูได้จากกราฟเลยคือเรามี Recovery นะครับ แล้วมันเป็น Long Term Trend มันไม่ได้ดีขึ้น 1 Quarter นะครับ อย่าง Stage 1 เนี่ยมันดีขึ้นมา 4-5 Quarter ต่อเนื่องนะครับ แล้วสิ่งที่มันจะเห็นก็คือ Going Forward เนี่ยถ้า Trend นี้มันยัง Continue ให้ดีต่อไปเนี่ยมันก็จะทำให้ Credit Cost เราลงนะครับ
คราวนี้ Outlook ของเรานะครับ Q4 เนี่ยเราคาดว่า Portfolio ของเราจะโตนะครับมันจะไม่หดนะครับ โตแน่ๆ นะครับ ปี 2026 เนี่ยเราเอมพอร์ตเราโตประมาณ 15-25% นะครับ เลขนี้มาจากไหน คือมันเป็นเลขที่มัน Derive มาจาก ลูกค้าฐานลูกค้าที่เราของเราเพิ่มขึ้นในแต่ละปีนะครับ เพราะเราจะไม่ได้โตที่ Get Size Strategy เราจะไม่ได้ว่าเราจะพยายามทำให้ลูกค้าแต่ละคนเนี่ย ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ นะครับเราจะไม่ทำอย่างนั้นนะครับ เราจะเพิ่มจำนวนหัวลูกค้านะครับ Yield ครับ อาจจะเท่าเดิมประมาณ 24% นะครับ คราวนี้ประกัน ประกันเป็นธุรกิจ ที่เราให้ความสำคัญมากๆ นะครับ สมัยก่อนเราไม่ได้โฟกัสกับมันมากแต่มันก็ทำรายได้ให้ปี ให้ของเราปีนึงหลายร้อยล้านบาทนะครับ เราตอนนี้เรากำลังที่จะขยายธุรกิจนายหน้าประกันภัยนะครับอย่างต่อเนื่องแล้วมันจะพลิกโฉมจากสิ่งที่เราเป็นนะครับ สิ่งนี้จะไม่ใช้เวลาในการทำ 2-3 วัน หรือ 5 เดือนอะไรอย่างนี้มันจะเป็น Multiear Strategy นะครับ เราก็จะมั่นใจว่าใน 36 เดือนข้างหน้าเนี่ย รายได้ประกันของเราโตเร็วกว่ารายได้สินเชื่อน่ะครับ แปลว่าสัดส่วนของรายได้ของเราเนี่ย ยังไงก็แล้วแต่มันจะโตมากกว่ารายได้สินเชื่อ ฉะนั้นเปอร์เซ็นต์ของ non-interest income ของเราก็จะเพิ่มมากปัจจุบันที่ประมาณ 10-11% อะไรแถวๆ นี้นะครับ Outlook Credit Cost ของเราเนี่ยเรามี Positive Outlook มากๆ นะครับเราคิดว่า Credit Cost ของเรามันเป็น Long Term Major Decline Trend นะครับแล้วคิดว่ามันจะในช่วง 10 ปีครึ่งข้างหน้าเนี่ย Credit Cost เราน่าจะลดลงอย่างต่อเนื่องนะครับ แต่ Credit Cost เนี่ย Nature ของมันเนี่ยมันจะไม่ได้กระโดด กระโดดคือ เอิ่มอยู่ดีๆ Quarter นึงลดลงมา 1% หรือ 180 บาทมันจะไม่ได้เกิดขึ้นแบบนั้นนะครับ มันจะค่อยๆ ลดๆๆ ลง แต่ว่ามันเชื่อว่ามันจะลดลงต่อเนื่องนะครับ ที่มันลดลงเนี่ยเพราะว่าเรา เรา Under Write ลูกค้า ขึ้นนะครับ แล้วเราก็มีการปรับปรุงคุณภาพในการทวงถามหนี้อย่างดีเยอะมากนะครับ ก็ถ้าเราดู Recovery Income ของเราเนี่ย ก็เพิ่มขึ้นตอนอย่างตลอดนะครับ เทียบกับปีที่แล้ว Recovery Income ของเราเนี่ยเพิ่มขึ้นมาเยอะมากนะครับ แล้วก็ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนะครับ ฉะนั้น อาจจะมีสงสัยว่าเอ๊ะทำไมเราถึงเรา เราถึงมีความจะมั่นใจว่าเอ๊ Credit Quality เราดีนะครับ เหตุผลหลักๆ ก็คือว่าเพราะว่าธุรกิจของเราอ่ะครับ ใน ใน Industry ของเราเนี่ย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ Demand For Loan Outstrip Supply นะครับ แล้วเอิ่ม เมื่อเราจำนำทะเบียนเนี่ย หรือ Segment ที่เราอยู่เนี่ยเป็น เป็นเหมือนกับเป็น Last Resort ก่อนที่คนจะออกจากนอกระบบนะครับ เวลาในสินเชื่อในระบบ Tightening มากๆ เนี่ย เอิ่มลูกค้าก็จะวิ่งมาหาเรา อะไรที่เรารับได้เราก็จะรับนะครับ เพื่อจะไม่ให้ลูกค้ารั่วไหลออกนอกระบบนะครับมันทำ ให้ธุรกิจจำนำทะเบียนยังก็ยังมี มี Credit Cost ที่ดีขึ้นนะครับ Funding นะครับเรา เราคิดว่า Funding Cost ของเรา มีแนวโน้มลดลงนะครับ มันจะ 2-3 เรื่องนะครับ 1 คือเราเชื่อว่าจะ Policy Rate Cut เพิ่มเติมนะครับ 2 คือพอเราเข้าตลาดเรียบร้อยแล้วเนี่ย เอิ่ม Spread ที่เราได้จาก Borrower เอ้ยจากจาก Creditor ของเราเนี่ยก็มีแนวโน้มที่จะแคบขึ้นนะครับ มันก็ทำให้เป็น 2 เหตุผลที่ทำให้ Funding Cost ลงนะครับ Cost to Income นะครับเราก็คาดว่ามันก็จะค่อยๆ ลดลงไปเรื่อยๆ นะครับรวมถึงปีหน้าเนี่ย Cost of Income ของเราก็เรามั่นใจมากกว่าปีนี้นะครับ ก็เราเราปรับเนื่องจากองค์กรเราเป็นองค์กรใหม่นะครับ อายุเฉลี่ยพนักงานทั้งบริษัทเนี่ยต่ำกว่า 30 ปีนะครับ ฉะนั้น Adoption กับเทคโนโลยีกับอะไรของเราเร็วมากนะครับ เราไม่ได้มี Legacy ที่เอิ่ม ทำให้การ Adoption ต่อเทคโนโลยีหรือสิ่งที่มันเปลี่ยนแปลงเนี่ยเอ่อ มัน Adopt ได้ช้านะครับ
เดี๋ยวผมว่า Wrap up ตามนี้นะครับแล้วเดี๋ยวเรามาดูเรื่องของคำถามนะครับว่าเอ๊ะมี อ่าเดี๋ยวครับเดี๋ยวๆ ให้คุณธนัน ครับผมก็มีคำถามถามมาจากทางบ้านนะครับ ไตรมาส 4 บริษัทเริ่มกลับมาขยายพอร์ตสินเชื่อหรือไม่ มองการเติบโตพอร์ตปีนี้ไว้เท่าไหร่ครับ ก็อย่างงี้ครับ ปี ใน ใน Quarter 4 เนี่ยสินเชื่อเรามั่นใจนะครับว่าโตแน่ๆ นะครับ เอิ่ม คนอาจจะเข้าใจว่าเราไม่ขยายพอร์ตนะครับ คือ Size ของพอร์ตเนี่ยมันเป็น 2 ฟังก์ชันนะครับก็คือ จำนวนลูกค้า คูณกับขนาดของลูกค้านะครับ เอิ่ม ตั้งแต่เราตั้งบริษัทมาจนถึงวันนี้นะครับจำนวนลูกค้าของเงินเทอร์โบเพิ่มขึ้นตลอด ตลอดทางนะครับ ลูกค้าเราเพิ่มขึ้น แต่ช่วงที่ผ่านมาอาจจะงงว่าทำไม Portfolio ที่สมัยก่อนเรา เอิ่มเราโตได้ปีละ 20% 30% มาโดยตลอดเราตั้งบริษัทมาทำไมมันช้าลง มันโตช้าลงเพราะว่าเราทำให้ ลูกค้าแต่ละคนเล็กลงนะครับ ฉะนั้นถึงแม้ว่าจำนวนลูกค้ามันเพิ่มขึ้นแต่พอจำนวนสินเชื่อต่อลูกค้ามันเล็กลงเนี่ย มันทำให้พอร์ตมันโตช้าลงหรืออาจจะมีบางช่วงติดลบนะครับแต่เราไม่ใช่ไม่ขยายพอร์ตนะครับ คราวนี้เราหยุดการลดลงของขนาดลูกค้าคือเราไม่ได้กลับไปใหญ่เหมือนเดิมแต่เราเอาลูกค้าขนาดเท่าเนี้ย ฉะนั้นถ้าลูกค้าขนาดเท่าเดิมเนี่ยแล้วลูกค้าเพิ่มขึ้นจากนั้น Q4 คาดว่าตัวเลข Portfolio จะเพิ่มขึ้นนะครับ
คำถามถัดมานะครับ ทำไมบริษัทตั้ง Credit Cost ลดลงทั้งๆ ที่ Stage 3 เพิ่มขึ้น โอเคคืองี้ครับ Credit Cost เนี่ยมัน มันตั้งมาจากทุก Stage นะครับ Credit Cost ก้อนใหญ่เนี่ยมันตั้งมาจาก Stage 1 กับ Stage 2 นะครับ คือ Stage 3 เนี่ยเอ่อเดี๋ยวผมขอเล่าให้ฟังอย่างงี้ครับ เวลาเราบุ๊ค Loan เข้ามาแต่วันแล้วเราต้องตั้งค่าเผื่อหนี้จะสูญก่อนนะครับ คือเราต้องตั้ง ECL Expected Credit Loss ไว้นะครับ ซึ่ง Stage 1 ของเราเนี่ยมันเป็นก้อนใหญ่ เป็นช้างใหญ่มากของเรานะครับ คราวนี้ถ้าๆ เราดูในงบนะครับเราจะเห็นเลยว่า Stage 1 กับ Stage 2 เราดีขึ้นเยอะ นะครับ พอ Stage 1 Stage 2 ดีขึ้นเนี่ย ซึ่ง Stage Stage 1 Stage 2 เนี่ยมันคือ 90 8 90 95% กว่าๆ ของพอร์ต ก้อนนี้มันดีขึ้น พอ ก้อนนี้มันดีขึ้นเนี่ย Credit Cost ที่ตั้งจากก้อนนี้มันลดลงเยอะ นะครับ แล้วก็ไอ้ตัว อย่าลืมว่า Stage 3 เนี่ยมันๆๆ คือ4% ของพอร์ตนะครับฉะนั้นอยากให้ Movement เนี่ย เอิ่ม สิ่งที่มันเกิดขึ้นคือมัน Movement 4.1 เป็น 4.18 นะครับ คือมันมัน Move แบบเท่า เหมือนเหมือนเส้นผม คือ คือมัน เราดู พอเราไป โฟกัส กับ 4.1 กับ 4.18 เนี่ย เราจะดูเลยว่าเฮ้ยมันๆๆ มันเพิ่มขึ้นจัง 0.08 นะ แต่ Stage 1 เนี่ยของเราดีขึ้นแบบ เปอร์เซ็นต์ กว่าๆ นะครับ Stage อื่นเราก็ดีขึ้นนะครับ ฉะนั้นเวลา Stage มันดีขึ้นมันทำให้ Credit Cost มันลดอัตโนมัตินะครับ
คำถามถัดไปนะครับ เงินลงทุนในการสร้าง 1 สาขาอยู่เท่าไหร่และตัดค่าเสื่อมกี่ปีครับ สาขาประมาณสัก 400,000 นะครับ บวก ลบ นะครับแล้วก็ค่าเสื่อมตัด 6 ปี นะครับโดยเฉลี่ย ครับ
คำถามถัดไปนะครับ บริษัทมองกลยุทธ์การเติบโตประกันอย่างไร คือประกันมันเอาง่ายๆ เลยนะครับประกันจะโตได้นะครับมันต้องซื้อง่ายนะครับ กลยุทธ์ของเรา เงินเทอร์โบชอบทำอะไรง่ายๆ นะครับเราจะทำให้การซื้อประกันง่ายนะครับ ราคา สมเหตุสมผล แข่งขันได้ นะครับ เราโฟกัสอยู่แค่นี้เองแล้วก็มีของ ให้ขาย ตามที่ลูกค้าต้องการนะครับ Strategy เรามีเท่าเนี้ยครับ คือความยากคือทำให้มันง่ายนะครับ เพราะคือผมเองเนี่ย ที่เราคิดว่าเราจะทำได้ดี เพราะผมตั้งแต่ก่อนที่ผมมาทำธุรกิจเนี่ยผมรู้สึกว่าการซื้อประกันมันมันค่อนข้างจะยากนะครับ ต้องติดต่อโบรกเกอร์ต้องส่ง Quotation กว่าจะจ่ายมาต้อง Compare เปรียบเทียบราคาเจ้านี้ก็ไม่มีสินค้านั้นเจ้านี้ไม่มีสินค้านี้ นะครับเราจะทำให้ Pain Point พวกนี้หมดไปทำให้การซื้อประกันง่ายนะครับ
ข้อถัดไปนะครับ สัดส่วน Vehicle Title Loan ประกอบด้วยหลักประกันอะไรบ้างโดยหลักๆ อ่ะนะครับ เราไม่มีรถบรรทุกนะครับ เรามีรถเอ่อ รถรับแบบเป็น 2 ล้อกับ 4 ล้อ นะครับ ก็นี่ ใน ใน 4 ล้อเนี่ยมันก็ สักเรา Roughly เราครึ่งๆ ระหว่างกระบะกับรถเก๋งนะครับ เอิ่ม 2 ล้อเนี่ยโดยจำนวนคันเยอะกว่า 4 ล้อนะครับ แต่ถ้าเกิดเทียบ Loan Loan เนี่ยผมว่า Loan ในๆ ในประเภทรถทั้งหมดเนี่ยมอเตอร์ไซค์อาจจะสัก 30% เอ่อรถยนต์ 70% รถยนต์ก็หมายถึงรถ 4 ล้อและกระบะนะครับ แต่เราไม่มีรถบรรทุกนะครับ
ข้อถัดไปนะครับ ทำไม Coverage Ratio ถึงลดลงจาก Q2 เพราะสาเหตุใดถึงต่ำกว่า 100% โอเค คืองี้ครับอาจจะหลายคนอาจจะไม่ค่อยเข้าใจ นี่ผมขอเรียนให้ทราบอย่างงี้นะครับ ไอ้ Coverage Ratio อะครับมัน มันเป็น Matrix ที่มันใช้มาสมัยก่อนนะครับตั้งแต่เมื่อเป็นสัก 10-20 ปีที่แล้วนะครับ สมัยที่เรายังตั้ง Credit Cost ด้วยโอเค Stage 1 ตั้ง 1% Stage 2 ตั้ง 2% Stage 3 ตั้งกี่เปอร์เซ็นต์ก็ว่าไปนะครับ พวกเนี้ยมัน มันเป็นมาตรฐานเดิมนะครับ คราวนี้เอิ่มเวลาเราตั้ง Coverage Ratio อะครับ เอ่อสมัยปัจจุบันเนี่ยมันอยู่มาตรฐานบัญชีก็คือ TFRS9 นะครับ มันขึ้นอยู่กับคุณภาพสินเชื่อที่เกิดขึ้นนะครับ ขึ้นอยู่กับ เอ่อ พารามิเตอร์ต่างๆ นะครับ คราวนี้สังเกตได้ว่า Credit Quality เราดีขึ้นใช่ไหม Stage 1 เราดีขึ้นมา 4 Quarter ติด นะครับ แล้ว เวลาพารามิเตอร์พวกนี้มันเปลี่ยนนะครับมันทำให้เอิ่ม Loan Loss Coverage มันลดลงนะครับ คราวนี้ผมๆ ยกตัวอย่างให้แบบเห็นภาพชัดๆ เลยนะครับ สมมุติถ้าวันเนี้ยเงินเทอร์โบเปลี่ยนนโยบายในการ Right Off สินเชื่อสมมุติเราเรา เราเปลี่ยนจาก Right Off จาก 360 วันมาเป็น 180 วันหรือ 270 วันหรือกี่วันก็แล้วแต่เนี่ย Loss Coverage จะเปลี่ยนทันทีนะครับ สมมุติเรา เราเปลี่ยนเอิ่ม Right Off ไปเป็น 180 วัน Loss ก็เลยจะพุ่งเป็น 100% 100 200% มันจะขึ้นทันทีเพราะว่า คือ ECL เนี่ยมันตั้งเยอะสำหรับ Stage 1 กับ Stage 2 นึกออกไหมครับ แต่พอ Stage 3 มันหดแต่ตัวหารคือ Stage 3 เพราะ Stage 3 หายไปเยอะเนี่ย เอิ่ม Ratio มันจะขึ้นอัตโนมัตินะครับ
สินเชื่อเฉลี่ยต่อสาขาอยู่ที่เท่าไหร่และตั้งเป้าเติบโตที่เท่าไหร่ โอเึ ครับ ปัจจุบันเอ่อ Loan Per Bas นะครับ หรือ ประมาณสัก 11 ล้านนะครับ 11 ล้านเนี่ย สาเหตุหลักๆ ก็คือสาขาเราส่วนใหญ่อายุ น้อยมากนะครับและอายุน้อย คือสาขาอายุ 2-3-4 ปีเยอะๆ นะครับ อ่าคราวเนี้ยพอสาขาอายุ น้อยเนี่ยมันทำให้เอ่อ Load Per Bas มันๆๆ ยังน้อยนะครับ แต่พอสาขาที่เราอายุเยอะๆ เนี่ย ช่วงที่สาขาที่เราอยู่มา 6-7 ปีเนี่ยเอิ่ม Loan Per Bas เราเยอะมากนะครับก็แบบ 10-20-30 ล้านอะไรอย่างเงี้ยนะครับ คราวนี้เป้าของเราเนี่ยในแต่ละปีเนี่ย เราอยากจะให้ Loan Per Bas ของเราขึ้น 10-15% นะครับ จาก 11 มาเป็น 12 12 13 13 14 นะครับ พวก Loan Per Bas ที่เพิ่มขึ้นเนี่ยจาก 11 เป็น 12 12 13 13 14 เนี่ยมันส่งผลมหาศาลกับกำไรและผลประกอบของบริษัทนะครับ เพราะว่าช่วงแรกสัก 4-5-6 ล้านบาทแรกเนี่ยคือมันคือต้นทุน Fix นะครับ ส่วนที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมามันคือกำไร ฉะนั้นเวลาที่ Loan Per Bas ของเราเพิ่มเนี่ยมันจะ Unlock Value ได้ค่อนข้างจะเยอะนะครับ
คำถามถัดไปนะครับ ปัจจุบันเหตุการณ์น้ำท่วมในปัจจุบันจะกระทบผลการดำเนินงานใน Q4 อย่างไรบ้าง เอ่อผมๆ เรียนอย่างงี้นะครับ คือเงินเทอร์โบเนี่ยค่อนข้างจะ Diversify มากในการตั้งสาขานะครับ สาขาที่เราอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมจริงๆ มันมีน้อยมากนะครับ แต่ต้องยอมรับก่อนว่าถ้าเกิดน้ำท่วมขึ้นเนี่ยแล้วลูกค้าได้ความ ความเดือดร้อนเนี่ยเราก็ต้องช่วยเหลือลูกค้านะครับ เราอาจจะไม่สามารถพายเรือไป เอ่อ ถ่วงหนี้ได้หรือไปขอรับชำระหนี้ได้เพราะลูกค้าก็ยังลำบากอยู่นะครับ เราอาจจะต้องมี โครงการช่วยเหลือลูกค้าหรือต้องกับลูกค้ากลุ่มนี้นะครับ แต่จริงๆ น้อยมากนะครับผมเดาและคิดคร่าวๆ ว่าลูกค้ากลุ่มนี้ไม่น่าถึง 1% ของ Card นะครับ แต่เอิ่ม อย่างไรก็ตามนะครับน้ำท่วมมันไม่ได้มีปีนี้ปีแรกนะครับมันมีเกือบทุกปีนะครับ เพียงแต่ว่าปีนี้อาจจะท่วมมากหน่อยแล้วก็เป็นข่าวนะครับ ที่อาจจะเป็นข่าวเยอะเพราะช่วงนี้ปีนี้มันมาท่วมแถวเอ่อ ปทุมธานี ส่วนใกล้กรุงเทพเยอะนะครับ แต่สมัยก่อนถ้าทุกๆ ปีลองไปไล่ดูพื้นที่น้ำท่วมเช่นอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ไล่ขึ้นไปจนถึงแบบ เอ่อ พิษณุโลก เนี่ยเราจะเห็นเลยว่า เอ่อมันมันก็มาโดยตลอดนะครับ
การเติบโตของพอร์ตสินเชื่อในปีหน้ามาจากการขยายสาขาหรือการเพิ่มยอดสินเชื่อต่อสาขาเดิม เอ่อ 95% นะครับ 98% เลยก็ได้ มาจากสาขาเดิมครับ Same Store Groth นะครับ คือเงินเทอร์โบเนี่ยเวลาเราเปิดสาขาช่วงแรกๆ นะครับลูกค้าเราไม่เยอะนะครับ แต่ลูกค้าของเงินเทอร์โบเนี่ยเรามีความพิเศษอย่างนึงคือพอเราเปิดสาขายาวขึ้นเรื่อยๆ เนี่ยลูกค้าอยู่มายานลูกค้าเรายิ่งเยอะมันจะมีการบอกปากต่อปากเยอะขึ้นเรื่อยๆ นะครับ ฉะนั้นเอิ่มช่วงที่เราเราเปิดสาขาเนี่ยช่วงแรกลูกค้าจะไม่เยอะนะครับ เอ่อ สาขาเกิด Loan Group เนี่ยมันมาจากสาขาเดิมครับไม่ได้มาจากสาขาใหม่นะครับ
คิดเห็นอย่างไรกับโครงการ Your Data ของแบงก์ชาติ ครับ เอ่ออย่างงี้ครับผมว่า ถ้าพูดถึงภาพรวมของประเทศนะครับ การเข้าถึง แหล่งเงินทุนเป็นสิ่งสำคัญนะครับยังไงผมก็คิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญมาก แล้วถ้า ผู้ปล่อยสินเชื่อไม่เห็นข้อมูลอะไรของใครเลยเนี่ย วิธีการก็คือมันก็ต้องเหมา รวมก็คือเราต้องตีความเสี่ยงที่คลุมไปต้นทุนก็จะแพง การเข้าถึงสินเชื่อก็จะยากนะครับ ผมเชื่อว่าการที่ทำให้ ข้อมูลของลูกค้าแต่ละคนเนี่ย ผู้ผู้ประกอบธุรกิจเข้าถึงได้ง่ายนะครับถ้าลูกค้าให้ Consent เนี่ย มันจะช่วยทำให้การเข้าถึงสินเชื่อทำได้ง่ายทำให้เรา เรา Evaluate ความเสี่ยงได้ดีขึ้นนะครับ แล้วอาจจะทำให้เราสามารถขยายไปยังตลาดที่เราไม่เคย Tap ได้มากขึ้นนะครับจริงๆ เห็นด้วยมากๆ กับโครงการนี้นะครับ มันควรจะเกิดขึ้นนานแล้วนะครับ
ข้อต่อไปนะครับ คิดว่าการแข่งขันในอุตสาหกรรมเป็นอย่างไรในอนาคต เทอร์โบมีจุดแข็งหรือจุดอ่อนอย่างไรกับผู้เล่นอื่น ครับก็เอ่อ ง่ายๆ นะครับผมว่า ตลาด สินเชื่อของเมืองไทยใหญ่มากนะครับแล้วก็สินเชื่อของธุรกิจของเราเนี่ย เอ่อ เกือบทั้งหมดเนี่ย ส่วนมากมันจะเป็นสินเชื่อเพื่อประกอบอาชีพแล้วก็เป็นสินเชื่อเพื่อเอิ่มใช้ในฉุกเฉินนะครับ มันจะๆๆ มันจะไม่ใช่ Consumtion Loan นะครับ คราวนี้เอิ่ม ผมว่าเมืองไทยเรามีหนี้นอกระบบก้อนใหญ่นะครับ แล้วแต่ผมเชื่อว่าทุกคนก็รู้ อยู่แล้ว เขาไม่อยากไปหนี้นอกระบบแล้วเขาเลือกได้ ฉะนั้นเอิ่ม ธุรกิจของเราที่ ที่แต่ละคนยังเติบโตอย่างต่อเนื่องรวมถึงเราด้วยเนี่ยเป็นเพราะว่าลูกค้าพยายามที่จะหนีออกมาจากนอกระบบนะครับ เข้ามาคู้สินเชื่อในระบบ ฉะนั้นตลาดนี้ผมเชื่อว่าใหญ่นะครับ คราวนี้เงินเทอร์โบเนี่ยเราจะแข่งอย่างไรนะครับ เอิ่ม เงินเทอร์โบเนี่ยเรา เราวัดความ Healthy ของธุรกิจเราด้วย ด้วยอัตราการบอกต่อ นะครับคือถ้าลูกค้าบอกต่อลูกค้าใหม่มาจากการบอกต่อเยอะแปลว่าสิ่งที่เราทำถูกต้องแล้วนะครับ ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นนะครับคุณลูกค้าเราก็มาจากการบอกต่อเยอะนะครับ เราเนี่ย เอ่อ แก้ Point ของลูกค้าคือ มาสินเชื่อต้องง่าย ต้องเร็วมาได้ทุกวัน นะครับเราเปิดธุรกิจ 7 วัน เรา เรา Provide Service ที่ Convinent นะครับ ฉะนั้นเวลาเราดูดูง่ายๆ นะครับ เอิ่ม ผมเชื่อว่านักลงทุนส่วนใหญ่ถ้าเยอะ ร้อนเวลาเมื่อ 3-4-5-6-7-8 ปีที่แล้วไม่รู้จักเงินเทอร์โบนะครับ แต่เราก็มีลูกค้าเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ในทุกๆ ปีนะครับ ทั้งๆ ที่เราไม่ได้โฆษณาอะไรมากมายสังเกตได้เราไม่ค่อยมีโฆษณาตามทีวีจริงแทบจะไม่มีเลย หรือผมจำผิดเราไม่เคยลงทีวีเลยนะครับเราเราเราโฆษณาน้อย แล้วเราก็ไม่ได้เอิ่ม ใช้ซื้อตลาดด้วยการ Refinance เงินเทอร์โบไม่เคย Refinance ลูกค้าไม่แต่รายเดียวนะครับ แล้วก็เราเอ่อถ้าพูดง่ายๆ ก็คือ เรา เราโต Organic มากๆ นะครับ สังเกตได้ว่าเรา เราเราไม่ เราเป็นบริษัทที่ไม่มี Pricing Pressure มากนะครับ หมายความว่าเราไม่ต้องลดราคาตลอดเวลาเพื่อที่จะให้ลูกค้ามาหาเรานะครับ ฉะนั้นการที่เราโฟกัสบนตัวลูก ค้าสิ่งที่เราลูกค้าสะดวกสบายลูกค้าที่เป็นลูกค้่าเงินเทอร์โบทราบอยู่แล้วว่าเงินเทอร์โบนี่คือเร็วมากๆ เร็วที่สุดในตลาด นะครับ แล้วก็เรา Service ดี มันก็เลยกลายเป็นว่านี่คือจุดแข็งมากๆ ของธุรกิจของเรานะครับทำให้เราโตมาได้ เราอาจจะไม่ได้ใหญ่เหมือนพี่ๆ คนอื่น นะครับเพราะเราเป็นธุรกิจเพิ่งตั้งใหม่แล้วเพิ่งอยู่มาได้ 7-8 ปีเองนะครับ ก็แต่เราก็เชื่อว่า ธุรกิจ เอ่อ ของเราที่เพิ่งตั้งมาเนี่ยยัง มีอนาคตและยังโตได้อีกไกลนะครับ
เป้าหมายการขยายสาขาในอีก 1-2 ปีข้างหน้าเป็นอย่างไรครับ เราคาดว่านะครับเอิ่มเป้าในการขายสาขาของเราแต่ละปีเนี่ย ในช่วง 5 ปีข้างหน้าเลยก็ได้อย่าถามปี 2 ปีเลย เราจะเรากะว่าเราจะขยายธุรกิจเนี่ยประมาณสัก 10-15% ของเบสสาขาเดิม นะครับ ช่วงไหนเศรษฐกิจดูดีขึ้นเราอาจจะอาจจะเป็น 15-20 ช่วงไหนเศรษฐกิจเอ่อดูไม่ดีอาจจะเป็น 5-10-15 อะไรอย่างเงี้ยครับมันก็จะเปลี่ยนแปลงไปแต่ว่าเป้าของเราอยู่ประมาณนี้ครับ 10 20% 5 10 20 25 15 20% ของของเบสสาขานะครับ แต่เราไม่ได้จะเป็นโมเดลที่ว่าเราจะเปิดสาขา เยอะมากเหมือน ร้านสะดวกซื้ออะไรอย่างนั้นคงไม่ทำอะไรแบบนั้นนะครับ ผมว่าสาขาของเราเต็มที่ก็ไม่ถึง 2,000 นะครับเราคิดว่าเท่านี้เพียงพอแล้วนะครับ
แนวโน้ม NPL เป็นอย่างไรนะครับ แล้วก็เรามีตัวเลขในใจไหมว่าใน Long Term Stable NPL เป็นเท่าไหร่ ครับก็อย่างงี้ผมๆ เรียนอย่างงี้นะครับก็ว่า Long Term ของเราก็สมมุติ จากวันนี้จนถึงภายใน 5 ปีข้างหน้าระยะเวลานี้นะครับผมว่า NPL ที่เรา Affordable คือประมาณสัก 3 ต้นจนถึง 4 ต้นนะครับ NPL ก็สมมุติ 3 3.2-4.2 ผม bracket ปกติประมาณเปอร์เซ็นต์นึงนะครับมันขึ้นอยู่สภาวะเศรษฐกิจนะครับ เอิ่ม Credit Cost แล้วก็ใกล้เคียงกันประมาณนี้นะครับต่อปี ครับ
คำถามน่าจะหมดแล้วครับ ครับประมาณนี้นะครับก็เอิ่ม เอ่อลงไปอ่าน MDNA ของเราดูได้นะครับแล้วก็เอ่อ เดี๋ยว สุดท้ายคือขอขอบคุณทุกท่านมากๆ นะครับที่เข้า รับฟังใน Update ของเราครั้งแรกของบริษัทเรานะครับในปีนี้ก็แล้วก็ขอขอบคุณนะครับทุกคนที่ ร่วมลงทุนไปกับเงินเทอร์โบ นะครับ
วันนี้มีอะไรไหมครับ ครับสวัสดีครับ สวัสดีครับ
สรุป: โดยรวมแล้ว TURBO มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในอนาคต โดยมีแผนที่จะขยายพอร์ตสินเชื่ออย่างระมัดระวัง เน้นการเติบโตของธุรกิจประกันภัย ลดต้นทุน และปรับปรุงคุณภาพสินเชื่อ นอกจากนี้ TURBO ยังให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ และมุ่งเน้นการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า
*** ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): เริ่มต้นในนาทีที่ 36:48 * Q: ไตรมาส 4 บริษัทเริ่มกลับมาขยายพอร์ตสินเชื่อหรือไม่ มองการเติบโตพอร์ตปีนี้ไว้เท่าไหร่ * A: มั่นใจว่าสินเชื่อจะโตเเน่นอน เเละจะทำให้ลูกค้าเเต่ละคนมีขนาดเล็กลง * Q: ทำไมบริษัทตั้ง Credit Cost ลดลงทั้งๆ ที่ Stage 3 เพิ่มขึ้น * A: Credit Cost ก้อนใหญ่มาจาก Stage 1 เเละ 2 ซึ่งสัดส่วน 90% ของพอร์ต เเละสเตจที่ดีขึ้น ทำให้ Credit Cost ลดลง * Q: เงินลงทุนในการสร้าง 1 สาขาอยู่เท่าไหร่และตัดค่าเสื่อมกี่ปี * A: 4 เเสนบาทเเละตัดค่าเสื่อม 6 ปี * Q: บริษัทมองกลยุทธ์การเติบโตประกันอย่างไร * A: ทำให้ประกันซื้อขายง่ายเเละมีราคาที่เเข่งขันได้ * Q: สัดส่วน Vehicle Title Loan ประกอบด้วยหลักประกันอะไรบ้าง * A: ไม่มีรถบรรทุก มีเเค่ 2 ล้อเเละ 4 ล้อ กระบะเเละรถเก๋ง * Q: ทำไม Coverage Ratio ถึงลดลงจาก Q2 * A: เพราะ Stage1 ดีขึ้น * Q: สินเชื่อเฉลี่ยต่อสาขาอยู่ที่เท่าไหร่และตั้งเป้าเติบโตที่เท่าไหร่ * A: 11 ล้านบาท เเละตั้งเป้าโต 10-15% * Q: ปัจจุบันเหตุการณ์น้ำท่วมในปัจจุบันจะกระทบผลการดำเนินงานใน Q4 อย่างไรบ้าง * A: ผลกระทบน้อยเพราะสาขาส่วนใหญ่ไม่ได้ตั้งอยู่ในที่น้ำท่วม เเละอาจมีโครงการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม * Q: การเติบโตของพอร์ตสินเชื่อในปีหน้ามาจากการขยายสาขาหรือการเพิ่มยอดสินเชื่อต่อสาขาเดิม * A: 95-98% มาจากสาขาเดิม * Q: คิดเห็นอย่างไรกับโครงการ Your Data ของแบงก์ชาติ * A: เห็นด้วยอย่างยิ่ง โครงการนี้จะช่วยให้การเข้าถึงสินเชื่อทำได้ง่ายขึ้น * Q: คิดว่าการแข่งขันในอุตสาหกรรมเป็นอย่างไร และ TURBO มีจุดแข็งหรือจุดอ่อนอย่างไร * A: ตลาดสินเชื่อในประเทศไทยยังมีขนาดใหญ่อีกมาก เเละ TURBO มีจุดเเข็งในด้านความรวดเร็วเเละการบริการที่ดี * Q: เป้าหมายการขยายสาขาในอีก 1-2 ปีข้างหน้าเป็นอย่างไร * A: ขยายสาขา 10-15% ของสาขาเดิม เเต่ไม่ใช่เเบบร้านสะดวกซื้อ * Q: แนวโน้ม NPL เป็นอย่างไร และเรามีตัวเลขในใจไหมว่าใน Long Term Stable NPL เป็นเท่าไหร่ * A: คาดว่า NPL จะอยู่ที่ 3-4%