สรุปงบล่าสุด TSTH

บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
**บทความสรุปผลประกอบการ หุ้น TSTH (บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน))**
**ภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ปีการเงิน 2567 (มกราคม - มีนาคม 2567)**
บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TSTH ได้รายงานผลประกอบการสำหรับไตรมาสที่ 4 ของปีการเงิน 2567 (มกราคม - มีนาคม 2567) โดยมีรายละเอียดดังนี้
**1. สรุปรายได้รวมและกำไร**
ในไตรมาสล่าสุด TSTH มีรายได้จากการขายและบริการที่เกี่ยวข้องอยู่ที่ 6,914 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า สะท้อนถึงปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น โดยมีปริมาณการขายอยู่ที่ 320,000 ตัน ซึ่งสูงกว่าไตรมาสก่อนหน้าเนื่องจากยอดขายเหล็กเส้นให้กับตัวแทนจำหน่ายและโครงการ รวมถึงยอดขายเหล็กลวดในประเทศที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน รายได้จากการขายลดลงร้อยละ 7 เนื่องจากราคาขายที่ลดลงซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของตลาดที่อ่อนแอ
สำหรับกำไรก่อนภาษีเงินได้ในไตรมาสนี้อยู่ที่ 200 ล้านบาท ซึ่งดีขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่ขาดทุน 96 ล้านบาท และสูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 108 ล้านบาท โดยกำไรดังกล่าวรวมกำไรจากการขายสินทรัพย์ที่ไม่ได้ใช้งานที่ถือไว้เพื่อขายจำนวน 220 ล้านบาท ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนให้ผลประกอบการฟื้นตัว
**2. สถานการณ์เศรษฐกิจ**
เศรษฐกิจไทยในปี 2566 ขยายตัวเพียงร้อยละ 1.9 ซึ่งลดลงจากร้อยละ 2.5 ในปี 2565 โดยมีสาเหตุหลักมาจากความล่าช้าของงบประมาณประจำปี 2567 ทำให้รัฐบาลไม่สามารถใช้จ่ายในโครงการใหม่ ๆ ได้ ส่งผลให้รายจ่ายฝ่ายทุนของรัฐบาลลดลงถึงร้อยละ 50 นอกจากนี้ การส่งออกในหลายอุตสาหกรรมยังคงซบเซาภายหลังการฟื้นตัวของอุปสงค์ทั่วโลกที่ลดลง ประกอบกับค่าเงินบาทไทยและสกุลเงินอื่น ๆ ในเอเชียอ่อนค่าลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นผลจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ที่แซงหน้าธนาคารกลางในเอเชีย ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของ TSTH อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของราคาขายและต้นทุนวัตถุดิบ
**3. การเปลี่ยนแปลงในรายได้และกำไร**
ถึงแม้ว่าปริมาณการขายในไตรมาสนี้จะเพิ่มขึ้น แต่รายได้รวมยังคงได้รับผลกระทบจากราคาขายที่ลดลง ซึ่งสะท้อนถึงสภาวะตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย อย่างไรก็ตาม การจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพและการขายสินทรัพย์ที่ไม่ใช้งาน ทำให้บริษัทสามารถพลิกกลับมาทำกำไรได้ในไตรมาสนี้ แม้ว่าจะมีปัจจัยภายนอกที่กดดันอยู่ก็ตาม
**4. สินทรัพย์และหนี้สิน**
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 บริษัทมีสินทรัพย์รวมลดลง 187 ล้านบาท เมื่อเทียบกับวันที่ 31 มีนาคม 2566 โดยมีรายละเอียดดังนี้:
* สินค้าคงเหลือลดลง 833 ล้านบาท
* สินทรัพย์ไม่ใช้งานเพื่อรอการขายลดลง 213 ล้านบาท
* เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเพิ่มขึ้น 774 ล้านบาท
* ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์-สุทธิ เพิ่มขึ้น 62 ล้านบาท
ในส่วนของหนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้นรวมลดลง 187 ล้านบาทเช่นกัน โดยมีสาเหตุหลักมาจากการลดลงของเจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้อื่น ๆ รวมถึงการลดลงของส่วนของผู้ถือหุ้นจากการจ่ายเงินปันผล
จากข้อมูลสินทรัพย์และหนี้สินจะเห็นได้ว่าบริษัทมีการจัดการสินทรัพย์และหนี้สินอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งส่งผลดีต่อความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงินในระยะยาว
**5. การเปลี่ยนแปลงในกระแสเงินสด**
ข้อมูลในส่วนนี้ไม่ได้มีการระบุไว้ในเอกสาร จึงไม่สามารถนำมาวิเคราะห์ได้
**6. ปัจจัยความเสี่ยงและโอกาสในการลงทุน**
* **ปัจจัยความเสี่ยง:**
* ความผันผวนของราคาวัตถุดิบ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิต
* ความไม่แน่นอนของตลาดและภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงเปราะบาง
* การแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมเหล็ก
* **โอกาสในการลงทุน:**
* การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในอนาคตอาจทำให้ความต้องการเหล็กเพิ่มขึ้น
* การบริหารจัดการต้นทุนและทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพ
* การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า
* การขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ
**7. สรุป**
TSTH สามารถทำกำไรได้ในไตรมาสนี้ แม้ว่าจะมีปัจจัยท้าทายทางเศรษฐกิจและตลาดที่กดดันอยู่ โดยได้รับแรงหนุนจากการจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพและการขายสินทรัพย์ที่ไม่ใช้งาน อย่างไรก็ตาม การลดลงของราคาขายยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด ความสัมพันธ์ระหว่างรายได้ กำไร และการจัดการสินทรัพย์และหนี้สินของบริษัทสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการรักษาความสามารถในการทำกำไรและการเติบโตในระยะยาว โดยบริษัทมีการจัดการความเสี่ยงอย่างรอบคอบเพื่อรับมือกับความผันผวนของตลาด และคว้าโอกาสในการลงทุนเพื่อการเติบโตในอนาคต
**หมายเหตุ:** บทความนี้ได้สรุปและวิเคราะห์ผลประกอบการของ TSTH โดยใช้ข้อมูลจากเอกสารที่ให้มา หากมีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระแสเงินสดหรือข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง จะสามารถนำมาวิเคราะห์เพื่อเพิ่มความสมบูรณ์ของบทความนี้ได้
(0.00%)
(18.56%)
(0.00%)
(68.89%)
(0.00%)
(61.87%)
(0.00%)
(1.57%)
(0.00%)
(85.97%)
(0.00%)
(17.72%)