TPIPL
บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน)

Oppday

ไตรมาสที่ 3 ปี 2568

สรุป OPPDAY

TPIPL สรุปผลประกอบการ Q3/2568: ESG หนุนกำไรโต, มองอนาคตปิโตรเคมีฟื้นตัว

  1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):

ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2568 ของ TPIPL ได้รับผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบ โดยภาพรวมยอดขายลดลงเล็กน้อย 2% เนื่องจากการลดลงของรายได้จากธุรกิจพลังงาน และความอ่อนแอตามฤดูกาลของวัสดุก่อสร้าง อย่างไรก็ตาม กำไรจากการดำเนินงานปกติ (Normal Operating Profit) เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากการปรับปรุงอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ในส่วนของธุรกิจวัสดุก่อสร้าง

EBITDA เพิ่มขึ้นในระดับ Single Digit แต่หากไม่รวม FX และรายการพิเศษอื่นๆ จะเพิ่มขึ้นในระดับ Double Digit การลดลงของรายได้จากธุรกิจพลังงานมีสาเหตุมาจากการหมดอายุสัญญา adder ในเดือนเมษายน แต่ปริมาณการผลิตโดยรวมกลับเพิ่มขึ้น ยอดขายและ EBITDA ได้รับแรงหนุนจากธุรกิจวัสดุก่อสร้าง

ความต้องการผลิตภัณฑ์ปูนซีเมนต์ (Clinker) โดยรวมปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อันเป็นผลมาจากการกลับมาของการใช้จ่ายด้านการลงทุน (CAPEX) ของภาครัฐ อย่างไรก็ตาม ในแง่ของไตรมาสต่อไตรมาส ธุรกิจได้รับผลกระทบจากฤดูกาลที่อ่อนแอเนื่องจากปรากฏการณ์ลานีญา (La Niña) ซึ่งทำให้ฝนตกหนักขึ้น

การส่งออกปูนซีเมนต์ (Clinker) กลับมาดำเนินการอีกครั้งในเดือนมีนาคม แต่ชะลอตัวลงในไตรมาส 3 เนื่องจากราคาที่ไม่เอื้ออำนวย โดยคู่แข่งหลักคือเวียดนาม ซึ่งค่าเงินดองอ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินบาทที่แข็งค่า ทำให้ความสามารถในการแข่งขันของไทยลดลง

โดยสรุป แม้ว่ายอดขายจะลดลงเล็กน้อย แต่ต้นทุนที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญส่งผลให้กำไรขั้นต้น (Gross Profit) เพิ่มขึ้น 20% และ Gross Profit Margin เพิ่มขึ้นจาก 22% ในปีที่แล้ว เป็น 27% ในปีนี้ กำไร (Profit) เพิ่มขึ้น 58% และ EBITDA Margin เพิ่มขึ้นจาก 24% เป็น 26%

  1. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):

บริษัทกำลังผลักดันการขายผลิตภัณฑ์ปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Cement and Green Building Products) มากขึ้น รวมถึงนำเสนอผลิตภัณฑ์ Specialty Polymers ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ๆ นอกจากนี้ ยังคงผลักดันผลิตภัณฑ์ Bio-Organic สำหรับการเกษตร และขยายการลงทุนในด้านพลังงานสีเขียว (Green Energy) และเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุน (Cost Efficiency) ผ่านโครงการปรับปรุงโรงงาน (Plant Retrofitting) โดยโครงการ Cost Efficiency นี้เป็นโครงการระยะกลางที่มุ่งเน้นการดำเนินงานตามวาระ ESG ซึ่งใกล้จะแล้วเสร็จในเฟสแรก

บริษัทกำลังผลักดันผลิตภัณฑ์ Wood Substitute เข้าสู่ตลาด และได้รับการจดสิทธิบัตรผลิตภัณฑ์นี้จากสหรัฐอเมริกา (US) โดยได้เริ่มทำการทดสอบผลิตภัณฑ์ในตลาด US แล้ว นอกจากนี้ ยังได้รับการรับรอง Industry Green Label ซึ่งแสดงให้เห็นว่าวัฒนธรรม ESG ได้ถูกนำมาใช้ในกระบวนการและปฏิบัติการของบริษัท ทำให้บริษัทมีคุณสมบัติในการเข้าร่วมโครงการของภาครัฐทุกประเภท

โรงงาน TPIPL ทุกแห่งมีการติดตั้ง Solar Roof และได้ดำเนินการ Solar Farm ในเฟสแรกเสร็จสิ้นแล้ว บริษัทยังมีโอกาสในการเพิ่มกำลังการผลิต Solar Farm ขึ้นอยู่กับสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA)

  1. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):

ความเสี่ยงที่บริษัทกำลังเผชิญอยู่ ได้แก่ ความอ่อนแอตามฤดูกาล (Seasonality) ซึ่งถูกทำให้รุนแรงขึ้นจากปรากฏการณ์ La Niña และการแข่งขันด้านราคาในตลาดส่งออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากเวียดนามที่มีค่าเงินดองอ่อนค่า

  1. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):

บริษัทกำลังดำเนินการเพื่อลดผลกระทบจากความเสี่ยงต่างๆ โดยการปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ไปยังผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงขึ้น การเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุน และการขยายตลาดไปยังตลาดใหม่ๆ เช่น สหรัฐอเมริกา

  1. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):

แนวโน้มในอนาคตของธุรกิจวัสดุก่อสร้างยังคงเป็นบวก โดยได้รับแรงหนุนจากการกลับมาของการใช้จ่ายด้านการลงทุน (CAPEX) ของภาครัฐ แม้ว่ากิจกรรมการผลิต (Manufacturing Activity) โดยรวมจะยังคงซบเซา แต่ภูมิภาคอาเซียน (ASEAN) ยังคงมีแนวโน้มที่ดีกว่า โดยประเทศไทยมีดัชนี PMI สูงกว่าค่าเฉลี่ย ซึ่งบ่งชี้ถึงโอกาสในการเติบโตของธุรกิจปิโตรเคมีในภูมิภาค

บริษัทคาดว่าธุรกิจปิโตรเคมีจะมีผลประกอบการที่ดีขึ้นเล็กน้อยในไตรมาส 4 ปี 2568 เนื่องจากมีคำสั่งซื้อในมือแล้ว และกำลังการผลิตใหม่ที่คาดว่าจะเข้ามาในตลาดนั้นล่าช้าออกไป อย่างไรก็ตาม บริษัทจะทำการทบทวนสถานการณ์อีกครั้งหลังเดือนมกราคม 2569

TPIPL ยังคงมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2543 โดยการนำเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้ และเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์สีเขียวในพอร์ตโฟลิโอ

  1. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [นาทีที่ 52.50]
  • ปูนซีเมนต์ในประเทศ Q3/2568:
    • ปริมาณขาย: 6.7-6.8 ล้านตัน
    • รวมส่งออก: 7 ล้านตันต้นๆ (7.1-7.2 ล้านตัน)
    • ราคาขายเฉลี่ย: ดีขึ้นทั้ง Year-on-Year และ Quarter-on-Quarter (YoY ดีขึ้นมาก)
  • ค่าใช้จ่ายถมดินและฟื้นฟูสภาพ (คดี):
    • ตั้งสำรอง 479 ล้านบาท (สำหรับทุกคดี)
    • คาดว่าเพียงพอต่อการถมดิน (ตามประเมินของโรงงาน)
    • ความคืบหน้า: SWU1, SWU2 นำดินไปถมแล้ว, ส่วนอื่นอยู่ระหว่างดำเนินการและรอตรวจรับ
  • การตั้งสำรองคดี:
    • ตั้งสำรองครบทุกคดี (479 ล้านบาท)
  • เหตุใดดอกเบี้ย Q3 สูงกว่า Q2 (68):
    • มีโครงการลงทุนปิด (ดอกเบี้ยจากเดิม capitalizes เป็น asset --> เข้า PL บางส่วน)
    • Q3/2568 ดอกเบี้ยจึงสูงกว่า Q2, ดอกเบี้ยที่เดิม Cap ได้ --> เป็น Exp. แต่เมื่อ COD (Commercial Operation Date) จะมี Saving/กำไรตามมา
  • ปัจจุบันใช้เตาเผาปูน (MW) กี่ % Q4 ปิดซ่อมบำรุงหรือไม่:
    • ใช้ rate ของ Clinker ประมาณ 88-90%
    • ไม่น่ามีปิดซ่อมใหญ่อีก (ถ้าปิด = annual repair maintenance)
  • มองธุรกิจ Specialty Chemical ใน Q4 อย่างไร (เทียบ Q3):
    • บริษัทมองว่าปิโตรเคมี Bottom ไปแล้ว --> Recovery ขึ้น (ยังไม่มาก) --> น่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
  • Spread outlook (Q4):
    • ดีกว่า Q3 (มี Order เกือบหมดแล้วสำหรับ Volume Q4 ไปถึง Jan)
    • Spread outlook --> ทบทวนหลัง ม.ค. 2569
  • 400 กว่าล้านรวมทุกคดีหรือยัง:
    • รวมแล้ว (สำรองค่าใช้จ่ายในการถม)
  • ตลาดตราสารหนี้ไม่ปกติ --> มีแผนเพิ่มวงเงินจากธนาคารหรือไม่:
    • ตลาดได้รับผลกระทบ (บางบริษัทชำระหนี้/ดอกเบี้ยไม่ได้)
    • Polene ไม่ได้รับผลกระทบ (หลังมีคดี Power & Polene ขายหุ้นกู้ fully subscribe ภายในวัน/ก่อนหน้า --> Demand เยอะ --> ขายหมดเร็ว)
    • มีคุยกับธนาคาร (ทางเลือกสำรอง --> แบงค์) --> กู้เงินจากธนาคาร (ลงทุนโรงไฟฟ้า หรือ Polene เอง)
  • Unused Credit Line สิ้น Q3 จำนวนเท่าใด:
    • เงินสดในมือ: 7,800 ล้านบาท (รวมดอลลาร์)
    • วงเงินสินเชื่อหมุนเวียนที่ยังไม่เบิกใช้: 1,000 ล้านบาทต้นๆ (1,100-1,200 ล้านบาท)
    • Available Line (โดยรวม): 8,900 ล้านบาท
  • CAPEX ปีนี้เป็นอย่างไร:
    • เหลือที่ยังไม่จ่าย (Polene & Power) ประมาณ 1,000 ล้านบาท++ (ส่วนที่เหลือของปี)
    • ปีหน้า --> Polene แทบไม่มีอะไรแล้ว (ถ้าไม่มี Project ใหม่ๆ)
    • Power --> เหลือน้อยมาก
    • CAPEX ใหญ่ๆ ของทั้ง 2 บริษัท --> ไม่ค่อยมีอะไรแล้ว
    • ถ้าไม่มีลงทุนใหญ่ --> ปีหน้าทยอยลดหนี้ลงได้
  • ครั้งหน้าขอ Presentation ภาษาไทยได้ไหม:
    • มีนักลงทุน (กองทุนต่างชาติ) ที่ดูแลหุ้น TPIPL --> เข้าใจภาษาอังกฤษอยู่แล้ว
  • Analyst ก็เข้าใจด้วย

โดยสรุป TPIPL ยังคงรักษาผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง โดยมุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนและการจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทกำลังลงทุนในเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตในอนาคต และยังคงให้ความสำคัญกับการรักษาสภาพคล่องทางการเงินที่แข็งแกร่ง