สรุปงบล่าสุด TPAC
บริษัท พลาสติค และหีบห่อไทย จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 3 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
## บริษัท พลาสติค และหีบห่อไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TPAC: ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567
บริษัท พลาสติค และหีบห่อไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TPAC เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโซลูชั่นบรรจุภัณฑ์ โดยมุ่งเน้นไปที่การออกแบบและผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกคงรูปด้วยวัตถุดิบจากโมโนเลเยอร์โพลิเมอร์และกระดาษที่รีไซเคิลได้ สำหรับสินค้าในกลุ่มอาหาร ยาและเวชภัณฑ์ TPAC มีโรงงานผลิต 17 แห่งกระจายอยู่ทั่วโลก ในประเทศไทย สหรัฐอเมริกา อินเดีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ โดยให้ความสำคัญกับการกํากับดูแลกิจการอย่างเข้มงวด ซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกค้าในกลุ่มอาหาร ยาและเวชภัณฑ์ ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
ในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 TPAC ประสบกับความท้าทายจากปริมาณยอดขายที่ซบเซา ส่งผลให้รายได้ลดลง 2% จากไตรมาสก่อนหน้า และลดลง 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่า TPAC จะมีการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและการควบคุมต้นทุน ส่งผลให้กำไรสุทธิลดลงเพียง 2% จากไตรมาสก่อนหน้า และลดลง 9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่กำไรสุทธิยังคงเติบโต 69% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
TPAC มีโครงสร้างกลุ่มบริษัทประกอบด้วย บริษัทย่อย 5 แห่ง โดยบริษัทที่อยู่ในประเทศไทย ประเทศอินเดีย และประเทศฟิลิปปินส์ มีสัดส่วนการถือหุ้นของ TPAC อยู่ 100% ส่วนบริษัทที่อยู่ในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และประเทศมาเลเซีย จะมีสัดส่วนการถือหุ้นที่ถือครองโดยพันธมิตรผู้ก่อตั้งบริษัทก่อนหน้าอยู่ด้วย TPAC Packaging India Private Limited มีบริษัทย่อย 2 บริษัทคือ TPAC Skypet Indta และ Pac Custom Solutions โดย TPAC ได้เข้าซื้อกิจการของ TPAC Skypet Indta ตั้งแต่เดือนเมษายน 2565 ปัจจุบัน TPAC เป็นเจ้าของ 80% และผู้ก่อตั้งถืออยู่ 20% ส่วน TPAC Custom Solutions ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีที่แล้ว เพื่อดำเนินธุรกิจในส่วนของ Caps Lay Closure Lay กำลังมีการสำรวจการเข้าสู่กลุ่มรายได้ใหม่
TPAC มีแผนธุรกิจในอนาคตที่จะขยายตลาดไปยังภูมิภาคอื่นๆ เพิ่มเติม โดยมุ่งเน้นการเติบโตในตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพสูง รวมถึงการพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย โดย TPAC ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มยอดขายในต่างประเทศเป็น 80% ภายใน 5 ปี
ในไตรมาส 3 ปี 2567 TPAC ฟิลิปปินส์ได้บรรลุเป้าหมายตําคัญด้วยการผลิตเชิงพาณิชย์เป็นครังแรก บริษัทสามารถจัดการความพร้อมในการดําเนินธุรกิจได้ลําเร็จตามเป้าหมาย ทีมผู้บริหารมันใจว่าในไตรมาสถัดไป ธุรกิจจะดําเนินไปได้อย่างราบรื่นและเงิมสร้างผลลัพธ์ทิดี TPAC ฟิลิปปินส์ได้ยื่น "เอกสารการเริมต้นดําเนินการเชิงพาณิชย์" ต่อคณะกรรมการการลงทุน (BOI) ซึงเป็นขันตอนด้านกฎระเบียบที่ลําคัญ ในไตรมาสนีเตรียมความพร้อมใรการขยายฐานลูกค้า เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ทีมผู้บริหารได้เช่าฟื้นที่ที่อยู่ติดกับโรงงานเพื่อขยายการผลิต ทําให้ธุรกิจพร้อมที่จะเติบโตต่อไป นอกจากนี่ TPAC ฟิลิปปินด์ได้เข้าร่วมงาน **[ชื่องานแสดงสินค้า]** เฟื่อแสดงสินค้า, สร้างเครื่อข่ายกับผู้เชียวชาญในอุตสาหกรรม และดํารวจโอกาสทางการตลาดใหม่ในภาคอาหาร
จากผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของ TPAC แสดงให้เห็นว่าบริษัทมีความสามารถในการควบคุมต้นทุนและสร้างกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ระดับ 16% อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 7.86% และ D/E อยู่ที่ระดับ 1.71 แสดงให้เห็นว่าบริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม การที่ P/E ของ TPAC อยู่ที่ระดับ 7.45 อาจสะท้อนถึงความคาดหวังของนักลงทุนที่อยู่ในระดับต่ำ และ YIELD ที่ 4.09% แสดงให้เห็นว่า TPAC มีศักยภาพในการจ่ายเงินปันผลค่อนข้างสูง จากข้อมูลย้อนหลังของราคาเฉลี่ยของ TPAC ในช่วงแต่ละไตรมาส แสดงให้เห็นว่าราคาหุ้นมีความผันผวนค่อนข้างสูง แต่ราคาหุ้นโดยรวมอยู่ในทิศทางขาขึ้น ซึ่งอาจเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่ต้องการถือยาวรอการเติบโตของบริษัท
การลงทุนใน TPAC เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการถือยาวรอการเติบโตของบริษัท เนื่องจาก TPAC มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีศักยภาพในการจ่ายเงินปันผลที่น่าสนใจ และมีโอกาสเติบโตจากการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ แต่ควรพิจารณาถึงความผันผวนของราคาหุ้น และความเสี่ยงจากการแข่งขันในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์
**โอกาส**
* **การขยายตลาดไปยังต่างประเทศ:** TPAC มีแผนที่จะขยายตลาดไปยังภูมิภาคอื่นๆ เพิ่มเติม โดยมุ่งเน้นการเติบโตในตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพสูง เช่น ตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลาดในยุโรป และตลาดในอเมริกาใต้
* **การพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ:** TPAC มีแผนที่จะพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย เช่น บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม บรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ และบรรจุภัณฑ์ที่ช่วยลดต้นทุนในการขนส่ง
* **การควบคุมต้นทุนและการเพิ่มประสิทธิภาพ:** TPAC มีความสามารถในการควบคุมต้นทุนและการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถสร้างกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
**ความเสี่ยง**
* **การแข่งขันในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์:** อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์เป็นอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันสูง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกำไรของ TPAC
* **ความผันผวนของราคาวัตถุดิบ:** ราคาของวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตบรรจุภัณฑ์อาจมีความผันผวน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกำไรของ TPAC
* **กฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม:** กฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมอาจเข้มงวดมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตของ TPAC
* **ความเสี่ยงด้านการเมือง:** การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจของ TPAC
**ข้อมูลการเงินเพิ่มเติมสำหรับการวิเคราะห์**
* **ลักษณะธุรกิจของบริษัท:** บรรจุภัณฑ์พลาสติก
* **D/E (ปีอดีตถึงปัจจุบัน):** 0 , 0 , 1.37 , 1.23 , 1.87 , 1.87 , 1.71
* **เก็บหนี้เฉลี่ย วัน (ปีอดีตถึงปัจจุบัน):** 0 , 0 , 77.11 , 73.77 , 72.55 , 68.11 , 75.19
* **ขายสินค้าเฉลี่ย วัน (ปีอดีตถึงปัจจุบัน):** 0 , 0 , 34.23 , 42.42 , 43.34 , 34.84 , 38.54
* **วงจรเงินสด (ปีอดีตถึงปัจจุบัน):** 0 , 0 , 76.12 , 76.89 , 73.29 , 64.79 , 73.04
* **เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน ล้านบาท (ปีอดีตถึงปัจจุบัน):** ปี2561=433.657543 , ปี2562=537.325735 , ปี2563=761.981531 , ปี2564=724.146846 , ปี2565=885.98014 , ปี2566=1098.975193
* **เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุน ล้านบาท (ปีอดีตถึงปัจจุบัน):** ปี2561=-2404.476995 , ปี2562=-631.115715 , ปี2563=-241.702462 , ปี2564=-1156.83007 , ปี2565=-875.940075 , ปี2566=-631.627017
ข้อมูลเหล่านี้สามารถช่วยให้ผู้อ่านเห็นภาพและเข้าใจโอกาสการลงทุนใน TPAC ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้อมูลเกี่ยวกับการเติบโตของรายได้ในต่างประเทศ การควบคุมต้นทุน และฐานะทางการเงิน ล้วนเป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้ TPAC เป็นบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต
(1.76%)
(5.93%)
(2.61%)
(4.16%)
(0.82%)
(1.63%)
(4.53%)
(37.86%)
(8.79%)
(30.83%)
(56.11%)
(182.56%)