TMILL
บริษัท ที เอส ฟลาวมิลล์ จำกัด (มหาชน)

สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567

สรุป OPPDAY

TMILL: ฝ่าวิกฤตราคาข้าวสาลีผันผวน สู่โอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน ปี 2567

สรุปผลการประชุม Opportunity Day (Oppday) ประจำปี 2567 ของบริษัท ที เอส ฟลาวมิลล์ จำกัด (มหาชน) (TMILL) โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้:

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):

ปี 2567 เป็นปีที่ TMILL ได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง:

  1. ราคาข้าวสาลีผันผวน: ราคาข้าวสาลีในตลาดโลกมีความผันผวนอย่างมากในช่วงต้นปี อันเนื่องมาจากสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตของ TMILL สูงขึ้น
  2. การแข่งขันด้านราคา: การแข่งขันในตลาดแป้งสาลีมีความรุนแรง ทำให้ TMILL ต้องเผชิญกับแรงกดดันด้านราคา
  3. รายได้จากการขายลดลง: รายได้จากการขายแป้งสาลีและรำข้าวสาลีลดลง 8% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยที่ลดลง แม้ว่าปริมาณการขายจะเพิ่มขึ้น
  4. กำไรขั้นต้นลดลง: กำไรขั้นต้นลดลง 26.9% และอัตรากำไรขั้นต้นลดลงจาก 11% เป็น 8.8%
  5. กำไรสุทธิลดลง: กำไรสุทธิลดลง 67.5% เหลือ 19.19 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม TMILL ยังคงสามารถรักษาความสามารถในการทำกำไรไว้ได้ แม้ในสภาวะตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):

TMILL มองเห็นโอกาสทางธุรกิจจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และความต้องการแป้งสาลีที่ยังคงมีอยู่ โดยมีกลยุทธ์ในการคว้าโอกาสดังนี้:

  1. ขยายตลาดต่างจังหวัด: TMILL มีแผนที่จะขยายตลาดไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด
  2. เพิ่มทีมขาย: การเพิ่มจำนวนพนักงานขายและทีมขาย จะช่วยให้ TMILL สามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น
  3. พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่: TMILL ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า

นอกจากนี้ TMILL ยังให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า และการรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):

TMILL ยังคงต้องเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายต่างๆ ดังนี้:

  1. ราคาข้าวสาลีผันผวน: แม้ว่าราคาข้าวสาลีจะปรับตัวลดลงแล้ว แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่ราคาจะกลับมาผันผวนอีกครั้ง
  2. การแข่งขัน: การแข่งขันในตลาดแป้งสาลีที่รุนแรง อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของ TMILL
  3. ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน: ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน อาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนการนำเข้าข้าวสาลี

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):

TMILL มีแผนการรับมือกับความเสี่ยงและความท้าทายต่างๆ ดังนี้:

  1. บริหารจัดการต้นทุน: TMILL จะมุ่งเน้นการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดผลกระทบจากราคาข้าวสาลีที่ผันผวน
  2. บริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน: TMILL จะบริหารความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน โดยการติดตามค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด และทำ Forward เพื่อป้องกันความเสี่ยง
  3. เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน: TMILL จะเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):

TMILL มองว่าแนวโน้มธุรกิจแป้งสาลียังคงมีศักยภาพในการเติบโต โดยมีปัจจัยสนับสนุนดังนี้:

  1. การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ: การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จะส่งผลให้ความต้องการแป้งสาลีเพิ่มขึ้น
  2. การเติบโตของตลาดอาหาร: การเติบโตของตลาดอาหาร จะส่งผลให้ความต้องการแป้งสาลีในอุตสาหกรรมอาหารเพิ่มขึ้น
  3. การขยายตัวของเมือง: การขยายตัวของเมือง จะส่งผลให้ความต้องการแป้งสาลีในเขตเมืองเพิ่มขึ้น

TMILL มีวิสัยทัศน์ที่จะเป็นผู้นำในธุรกิจแป้งสาลี โดยมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [นาทีที่ 58.06]

สถานการณ์ราคาข้าวสาลีตอนนี้ และผลกระทบกับบริษัท

ผู้บริหารตอบว่า ราคาข้าวสาลีตอนนี้ปรับตัวลงมาแล้ว แต่บริษัทก็ยังบริหารจัดการความเสี่ยงด้านราคาอย่างต่อเนื่อง

นโยบายการจ่ายเงินปันผล

ผู้บริหารตอบว่า บริษัทยังคงมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ และจะพิจารณาจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ

แผนการลงทุนในอนาคต

ผู้บริหารตอบว่า บริษัทมีแผนที่จะลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต และลดต้นทุน

เป้าหมายการเติบโตของรายได้

ผู้บริหารตอบว่า บริษัทมีเป้าหมายที่จะเพิ่มรายได้ 10-15% ในปี 2568

ความคืบหน้าในการขยายตลาดต่างประเทศ

ผู้บริหารตอบว่า บริษัทกำลังศึกษาโอกาสในการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม)

Q&A หัวข้อ:

  1. สถานการณ์ราคาข้าวสาลีตอนนี้ และผลกระทบกับบริษัท
  2. นโยบายการจ่ายเงินปันผล
  3. แผนการลงทุนในอนาคต
  4. เป้าหมายการเติบโตของรายได้
  5. ความคืบหน้าในการขยายตลาดต่างประเทศ

โดยสรุป TMILL ต้องเผชิญกับความท้าทายในปี 2567 แต่ยังคงมีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต โดยมีกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการบริหารจัดการความเสี่ยง และคว้าโอกาสทางธุรกิจ