สรุปงบล่าสุด TKN

บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
## สรุปผลประกอบการ หุ้น TKN (เถ้าแก่น้อย) ปี 2567: เติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วยกลยุทธ์ 360 องศา
บทความนี้สรุปผลประกอบการของ บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN ในปี 2567 โดยพิจารณาจากข้อมูลที่เปิดเผยล่าสุด พร้อมวิเคราะห์ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัท โดยเน้นย้ำถึงการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพและการวางแผนเชิงกลยุทธ์ที่แข็งแกร่ง
**1. สรุปรายได้รวม:**
ในปี 2567 บริษัท เถ้าแก่น้อยฯ มีรายได้จากการขายรวมทั้งสิ้น 5,712.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.3% เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่มีรายได้ 5,323.4 ล้านบาท กำไรส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่อยู่ที่ 836.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.5% จาก 743.0 ล้านบาทในปีก่อนหน้า แม้ว่าบริษัทฯ จะเผชิญกับความท้าทายจากต้นทุนวัตถุดิบสาหร่ายที่สูงขึ้นอย่างมาก แต่ก็ยังสามารถสร้างสถิติยอดขายและกำไรสูงสุดในรอบ 20 ปีได้
**2. สถานการณ์เศรษฐกิจ:**
[ไม่มีข้อมูลสถานการณ์เศรษฐกิจ]
**3. การเปลี่ยนแปลงในรายได้และกำไร:**
* **รายได้:** รายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 7.3% เป็นผลมาจากการเติบโตของทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ
* **ต้นทุนขาย:** ต้นทุนขายเพิ่มขึ้น 8.6% สาเหตุหลักมาจากต้นทุนสาหร่ายที่ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 50%
* **กำไรขั้นต้น:** กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 4.8% แม้ต้นทุนสาหร่ายจะสูงขึ้น แต่บริษัทฯ สามารถบริหารจัดการต้นทุนด้านแรงงานและต้นทุนคงที่ต่อหน่วยได้ดี รวมถึงการปรับราคาสินค้าและกลยุทธ์การขาย
* **ต้นทุนในการจัดจำหน่าย:** ลดลง 0.9% โดยอยู่ที่ 627.3 ล้านบาท คิดเป็น 11.0% ของรายได้จากการขาย การลดลงนี้ส่วนหนึ่งมาจากค่าใช้จ่ายครั้งเดียวในการปรับปรุงรายการทางบัญชีและค่าใช้จ่ายในการปิดสาขาธุรกิจร้านอาหารในปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม การจัดสรรค่าใช้จ่ายในการจัดจำหน่ายในไตรมาส 4/2567 สอดคล้องกับกิจกรรมส่งเสริมการขายและการตลาดที่มากขึ้น
* **ค่าใช้จ่ายในการบริหาร:** ลดลง 1.5% โดยอยู่ที่ 399.5 ล้านบาท คิดเป็น 7.0% ของรายได้จากการขาย การลดลงนี้มาจากการรับรู้ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในไตรมาส 4/2566 บริษัทมุ่งเน้นการใช้จ่ายในส่วนที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วยกำลังคนที่มีอยู่ และลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง
* **กำไรสุทธิ:** กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 12.5% สะท้อนถึงความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่าย แม้เผชิญกับความท้าทายจากต้นทุนวัตถุดิบ กำไรสุทธิในไตรมาส 4/2567 อยู่ที่ 139.0 ล้านบาท คิดเป็น 9.5% ของรายได้จากการขาย ลดลง 16.8% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า
**4. สินทรัพย์และหนี้สิน:**
[ไม่มีข้อมูลสินทรัพย์และหนี้สิน]
**5. การเปลี่ยนแปลงในกระแสเงินสด:**
[ไม่มีข้อมูลการเปลี่ยนแปลงในกระแสเงินสด]
**6. ปัจจัยความเสี่ยงและโอกาสในการลงทุน:**
* **ความเสี่ยง:**
* ความไม่แน่นอนของราคาวัตถุดิบ โดยเฉพาะสาหร่าย ซึ่งมีความผันผวนสูง
* ภาวะการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดขนมขบเคี้ยว
* สถานการณ์การขายในประเทศจีนยังคงไม่ฟื้นตัว
* **โอกาส:**
* การขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศที่มีศักยภาพ เช่น สหรัฐอเมริกา, อินโดนีเซีย, และมาเลเซีย
* การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย
* การเติบโตของธุรกิจร้านอาหารหมูกระทะ 71
* การร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ (เช่น หมีเนย, แป้ง zbing z.) เพื่อขยายฐานลูกค้าและสร้างความน่าสนใจให้กับแบรนด์
**7. สรุป:**
ในปี 2567 บริษัท เถ้าแก่น้อยฯ สามารถสร้างการเติบโตของรายได้และกำไรได้ แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายจากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น การบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ การปรับกลยุทธ์การขาย และการขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้บริษัทฯ สามารถรักษาความสามารถในการทำกำไรและเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
**กลยุทธ์สำคัญที่ขับเคลื่อนความสำเร็จ:**
บริษัทฯ ใช้กลยุทธ์ 360 องศา ซึ่งประกอบด้วย:
* **Go Firm:** การปรับองค์กรให้กระชับ ลดต้นทุน และควบคุมค่าใช้จ่าย โดยมุ่งเน้นการทำต้นทุนต่อหน่วยให้สามารถแข่งขันได้ผ่านการปรับปรุงกระบวนการผลิต การนำเทคโนโลยีมาใช้ และการพัฒนา Supply Chain
* **Go Board:** การขยายฐานกลุ่มธุรกิจให้กว้างขึ้นทั้งประเภทสินค้าและช่องทางการจัดจำหน่าย รวมถึงการสร้างคุณค่าและยกระดับตราสินค้า โดยการสร้างสรรค์นวัตกรรมสินค้าใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค และขยายช่องทางการขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ
* **Go Global:** การขยายตลาดต่างประเทศให้มีคุณภาพและมีความยั่งยืน โดยสร้างมูลค่าและตราสินค้าเถ้าแก่น้อยให้อยู่ในใจของผู้บริโภค และมุ่งเน้นเรื่องความยั่งยืนในการทำธุรกิจ
**แนวโน้มและทิศทางในปี 2568:**
บริษัทฯ คาดการณ์ว่าปี 2568 จะยังคงมีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในหลายประเทศ แต่ยังคงมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจด้วยนโยบาย 360 องศา และตั้งเป้าที่จะสร้างการเติบโตของยอดขายรวมมากกว่า 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน นอกจากนี้ บริษัทฯ มองเห็นแนวโน้มที่ดีในเรื่องของต้นทุนสาหร่ายปี 2568 ที่มีแนวโน้มลดลงกว่าปี 2567
**ความสัมพันธ์ระหว่างรายได้, กำไร, อัตรากำไรขั้นต้น, อัตรากำไรสุทธิ:**
* รายได้ที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้กำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
* แม้ต้นทุนขายจะสูงขึ้น แต่อัตรากำไรขั้นต้นไม่ได้ลดลงมากนัก เนื่องจากบริษัทฯ สามารถบริหารจัดการต้นทุนด้านอื่น ๆ ได้ดี
* การควบคุมค่าใช้จ่ายในการจัดจำหน่ายและค่าใช้จ่ายในการบริหาร ช่วยเพิ่มอัตรากำไรสุทธิ
**การจัดการความเสี่ยงและโอกาส:**
* บริษัทฯ มุ่งเน้นการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ
* บริษัทฯ พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และปรับกลยุทธ์การขายให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค
* บริษัทฯ ขยายตลาดไปยังประเทศที่มีศักยภาพและสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ
โดยรวมแล้ว ผลประกอบการของ TKN ในปี 2567 แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความสามารถในการปรับตัวของบริษัทฯ ท่ามกลางความท้าทายที่เกิดขึ้น การลงทุนใน TKN จึงมีความน่าสนใจ แต่ผู้ลงทุนควรพิจารณาปัจจัยความเสี่ยงต่างๆ อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความผันผวนของราคาวัตถุดิบและความรุนแรงของการแข่งขันในตลาด
**ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติม:**
* ความสำเร็จของ TKN ในการรักษาอัตรากำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิในปี 2567 เป็นผลมาจากการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ลงทุนควรติดตามอย่างใกล้ชิดในอนาคต
* กลยุทธ์การขยายตลาดและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ของ TKN จะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทฯ ในระยะยาว
* สถานการณ์การแข่งขันในตลาดขนมขบเคี้ยวและสถานการณ์เศรษฐกิจโลก จะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของ TKN ดังนั้นผู้ลงทุนควรติดตามข่าวสารและสถานการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิด
(0.99%)
(9.20%)
(7.63%)
(18.80%)
(6.69%)
(25.63%)
(1.03%)
(16.67%)
(3.36%)
(19.01%)
(84.05%)
(148.88%)