สรุปงบล่าสุด TKN
บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 3 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) (TKN) มีผลประกอบการไตรมาส 3/2567 โดยมีรายได้รวม 1,459.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 3.1% จากไตรมาสก่อน ยอดขายในประเทศเพิ่มขึ้น 11.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ยอดขายต่างประเทศลดลง 3.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักของการลดลงมาจากยอดขายในประเทศจีนที่ลดลง 15.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัทฯ ระบุว่ายอดขายในประเทศจีนได้รับผลกระทบจากการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงขึ้น รวมถึงการหดตัวของช่องทางการขายจากปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมีการเติบโตของยอดขายในบางประเทศอย่างต่อเนื่อง เช่น ประเทศอินโดนีเซีย ฮ่องกง และประเทศทางแถบยุโรป เช่น เนเธอร์แลนด์ กําไรสุทธิไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 134.5 ล้านบาท ลดลง 37.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักของการลดลงมาจากการลดลงของกําไรขั้นต้นต่อยอดขายที่ 3.2% เนื่องจากการรับรู้ต้นทุนสาหร่ายใหม่ในปี 2567 และการรับรู้การขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ 38.7 ล้านบาท เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว
บริษัทฯ มีแผนธุรกิจและกลยุทธ์ในอนาคตโดยจะมุ่งเน้นการสร้างการเติบโตของยอดขายในไตรมาส 4 ปีนี้ ทั้งในประเทศไทย และในช่องทางต่างประเทศ รวมถึงในประเทศใหม่ ๆ เพื่อช่วยลดผลกระทบของภาวะการขายที่ชะลอตัวลงในประเทศจีน บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ในปี 2567 ที่ระดับ 5,354.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 โดยแบ่งเป็นเป้าหมายที่ท้าทายในอัตราร้อยละ 8-10 ส่วนเป้าหมายจากสถานการณ์ปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 6-7 เมื่อเทียบกับปี 2566 เนื่องด้วยสถานการณ์ในหลายๆประเทศที่ไม่เป็นไปตามความคาดหวังจากปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าดำเนินธุรกิจด้วยนโยบาย 3 หลัก คือ "คุณภาพ ความปลอดภัย และนวัตกรรม" เพื่อมุ่งเน้นการสร้างพื้นฐานการดำเนินงานต่างๆ ที่ดีต่อไป และด้วยบุคคลากรที่มีความสามารถของบริษัท และการสร้างความสามารถในการแข่งขันในตลาดซึ่งจะส่งผลในระยะยาวให้กับบริษัทเมื่อสถานการณ์กลับมาเป็นปกติด้วยการเติบโตและการทำกำไรที่ดียังยืน
จากผลประกอบการไตรมาสล่าสุดและอัตราส่วนทางการเงินย้อนหลังของ TKN จะเห็นได้ว่าบริษัทฯ มี P/E ล่าสุด 15.19 P/BV ล่าสุด 5.73 และ YIELD ล่าสุด 4.42 ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาหุ้นเฉลี่ยย้อนหลังแสดงให้เห็นว่าราคาหุ้นปัจจุบันยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ย โดยมี D/E อยู่ที่ 0.53 หมายถึง ภาระหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นต่ำกว่า 1 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง บริษัทฯ สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม อัตรากําไรสุทธิลดลงเนื่องจากการรับรู้ต้นทุนสาหร่ายใหม่ในปี 2567 และการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน วงจรเงินสด 55.04 หมายถึง บริษัทฯ สามารถเรียกเก็บเงินสดจากลูกหนี้การค้าได้อย่างรวดเร็ว เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน 769.81 ล้านบาท และเงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุน -112.60 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าบริษัทฯ มีการลงทุนต่อยอดธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
โอกาสการลงทุนใน TKN มีหลายประการ ได้แก่
1. **ธุรกิจมีแนวโน้มเติบโตสูง**: ตลาดขนมขบเคี้ยวในประเทศไทยและต่างประเทศยังคงมีแนวโน้มเติบโตสูง TKN เป็นผู้นำตลาดสาหร่ายในประเทศไทยและมีการขยายตลาดไปต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
2. **ฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง**: บริษัทฯ มี D/E ต่ำกว่า 1 หมายถึง ภาระหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นต่ำ ซึ่งเป็นจุดแข็งสำคัญ
3. **การจ่ายเงินปันผล**: บริษัทฯ มีการจ่ายเงินปันผลเป็นประจำ และ YIELD อยู่ที่ 4.42% น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรับเงินปันผล
4. **บริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ**: บริษัทฯ สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการทำกำไรที่สูง
5. **การลงทุนต่อยอดธุรกิจ**: บริษัทฯ มีการลงทุนต่อยอดธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายตลาดและเพิ่มรายได้
ความเสี่ยงในการลงทุนใน TKN ได้แก่
1. **การแข่งขันที่รุนแรง**: ตลาดขนมขบเคี้ยวมีการแข่งขันที่รุนแรง โดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศ
2. **ความผันผวนของราคาสาหร่าย**: ราคาสาหร่ายมีความผันผวนสูง อาจส่งผลกระทบต่ออัตรากําไรขั้นต้น
3. **ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน**: ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน อาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการ
4. **ปัญหาทางเศรษฐกิจโลก**: ปัญหาทางเศรษฐกิจโลก อาจส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค
TKN เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะยาว เพื่อรับผลตอบแทนจากการเติบโตของธุรกิจ และการจ่ายเงินปันผล ควรติดตามผลประกอบการของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง และวิเคราะห์ความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
(1.80%)
(0.63%)
(14.54%)
(8.10%)
(16.07%)
(8.69%)
(0.22%)
(1.25%)
(49.84%)
(37.40%)
(430.58%)
(18.84%)