สรุปงบล่าสุด TISCO
บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 3 ปี 2567
สรุปสั้น
TISCO กำไรสุทธิ 1,713.43 ล้านบาท ลดลง 8.6% YoY สาเหตุหลักมาจากการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่สูงขึ้น จำนวน 358.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3 ปี 2566 แต่ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า บริษัทได้ตั้งสำรองเพิ่มขึ้นจากปีก่อนตามแผนกลยุทธ์การเพิ่มสำรองเพื่อกลับสู่ระดับปกติในปี 2568 รวมถึงสะท้อนความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงเปราะบาง แม้ว่ารายได้จากการดำเนินงานจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1.0% YoY การเพิ่มขึ้นของ (NPL Coverage Ratio) อยู่ที่ 159.1% และ NIM ที่ 4.88% แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในการบริหารจัดการสินเชื่อ
ในส่วนของรายได้รวมอยู่ที่ 4,787.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.0% YoY แม้ว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิจะชะลอตัวลง 3.0% จากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น สินเชื่อรวมลดลง 1.5% QoQ มาอยู่ที่ 229,947.98 ล้านบาท เนื่องจากการชะลอตัวของสินเชื่อเช่าซื้อรถใหม่และสินเชื่อธุรกิจ
TISCO ยังคงเผชิญกับความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจโลกและดอกเบี้ยที่สูงขึ้น แต่ก็มีโอกาสในการขยายสินเชื่อที่มีผลตอบแทนสูง รวมถึงการเติบโตในธุรกิจตลาดทุน
สรุปด้วย AI(O) BOT
บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TISCO) มีผลประกอบการในไตรมาส 3 ปี 2567 แสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้จะเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ ทั้งในประเทศและระดับโลก กำไรสุทธิของ TISCO ในไตรมาส 3 ปี 2567 อยู่ที่ 1,713.43 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาส 3 ปี 2566 สาเหตุหลักมาจากการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่เพิ่มขึ้นตามแผนการเพิ่มสำรองกลับสู่ระดับปกติ รวมถึงการสะท้อนความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงเปราะบาง อย่างไรก็ดี รายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0 จากการฟื้นตัวของรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจหลัก โดยเฉพาะจากธุรกิจที่เกี่ยวกับตลาดทุน
รายได้รวมของ TISCO ในไตรมาส 3 ปี 2567 อยู่ที่ 4,787.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0 เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2566 รายได้ดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 3,385.40 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 3.0 จากไตรมาส 3 ปี 2566 ส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.2 มาอยู่ที่ 1,402.12 ล้านบาท ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในไตรมาส 3 ปี 2567 อยู่ที่ 358.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3 ปี 2566 แต่ลดลงจากไตรมาส 2 ปี 2567 คิดเป็นอัตราร้อยละ 0.6 ของยอดสินเชื่อเอลิเยน TISCO ตั้งสำรองเพิ่มขึ้นจากปีก่อนตามแผนกลยุทธ์การเพิ่มสำรองเพื่อกลับสู่ระดับปกติในปี 2568 รวมถึงการสะท้อนความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงเปราะบาง
สินเชื่อรวมของ TISCO ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2567 อยู่ที่ 229,947.98 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 1.5 จากไตรมาส 2 ปี 2567 เป็นผลมาจากการชะลอตัวของสินเชื่อเช่าซื้อรถใหม่ สินเชื่อธุรกิจ และสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ส่วนสินเชื่อที่ด้อยค่าด้านเครดิต (NPL) อยู่ที่ 5,617.62 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 1.4 จากไตรมาส 2 ปี 2567 คิดเป็นอัตราส่วนสินเชื่อที่ด้อยค่าด้านเครดิตต่อสินเชื่อรวม (NPL ratio) ที่ร้อยละ 2.44 ของสินเชื่อรวม คงที่จากไตรมาสก่อนหน้า
อัตราผลตอบแทนสุทธิต่อสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ (NIM) ของ TISCO อยู่ที่ร้อยละ 4.88 ลดลงจากไตรมาส 3 ปี 2566 เนื่องจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นตามการปรับเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยเงินฝาก
อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (Cost to Income Ratio) ของ TISCO อยู่ที่ร้อยละ 47.9 แสดงให้เห็นถึงการควบคุมต้นทุนในการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
TISCO มีโอกาสในการเติบโตในอนาคตหลายประการ ดังนี้
* การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยว
* การเติบโตของสินเชื่อที่มีผลตอบแทนสูง
* การขยายธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มือสองและรถจักรยานยนต์
* การขยายสาขา "สมหวังเงินสั่งได้"
* การรับรู้ผลกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่รัดมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน
อย่างไรก็ตาม TISCO ยังมีความเสี่ยงอยู่บ้าง ดังนี้
* ภาวะเศรษฐกิจโลกและในประเทศที่ยังคงมีความไม่แน่นอน
* หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง
* การแข่งขันในอุตสาหกรรมการเงินที่รุนแรง
* การปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย
จากผลประกอบการไตรมาสล่าสุดและอัตราส่วนทางการเงินย้อนหลัง TISCO ถือเป็นโอกาสลงทุนที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหาการลงทุนระยะยาวโดยเฉพาะผู้ที่เน้นรับเงินปันผล เนื่องจากมีอัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น (YIELD) ที่สูงกว่า 8% P/E ที่อยู่ที่ 10.85 และ P/BV ที่ 1.87 ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกัน
ราคาหุ้นของ TISCO ในช่วง 52 สัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 90.77 ถึง 101.65 บาท ราคาล่าสุดอยู่ที่ 94.63 บาท แสดงให้เห็นถึงความผันผวนของราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี TISCO เป็นบริษัทที่มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง มีการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ดี และมีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต การลงทุนใน TISCO จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ในระดับปานกลางและมองหาผลตอบแทนระยะยาว
Coverage Ratio ของ TISCO ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2567 อยู่ที่ 159.1 หมายถึง TISCO มีเงินสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตเพียงพอที่จะรองรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ได้ โดย Coverage Ratio เป็นอัตราส่วนที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถของบริษัทในการรองรับความเสี่ยงจากหนี้เสีย ยิ่ง Coverage Ratio สูง ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความปลอดภัยในการลงทุน
TISCO ยังคงมีระดับเงินสำรองค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตเพียงพอที่จะรองรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
NIM
4.88 %
NPL
2.44 %
COV
159.10 %
CREDIT
229,947.98 ล้านบาท
(3.04%)
(0.40%)
(0.52%)
(0.28%)
(2.60%)
(0.68%)
(2.44%)
(2.71%)
(2.03%)
(8.59%)
(0.00%)
(0.00%)