สรุปงบล่าสุด TISCO

บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 1 ปี 2568
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
สรุปคำอธิบายและการวิเคราะห์ฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัททิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) สำหรับงวดไตรมาส 1 ปี 2568 ตามข้อมูลที่ให้มา มีรายละเอียดดังนี้:
**ภาพรวมผลการดำเนินงาน (เทียบกับไตรมาส 1 ปี 2567 และไตรมาส 4 ปี 2567):**
* **กำไรสุทธิ:** อยู่ที่ 1,643.38 ล้านบาท
* ลดลง 89.64 ล้านบาท (-5.2%) เทียบกับ Q1/2567 สาเหตุหลักมาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ลดลง และสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่เพิ่มขึ้น แต่มีรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นและค่าใช้จ่ายดำเนินงานลดลง.
* ลดลง 58.43 ล้านบาท (-3.4%) เทียบกับ Q4/2567 สาเหตุจากรายได้รวมที่อ่อนตัวลง และค่าใช้จ่ายสำรองเพิ่มขึ้น.
* **กลยุทธ์:** ดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์ความยั่งยืน เน้นความรับผิดชอบ, บริหารความเสี่ยงรอบคอบ, เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน, มุ่งเน้นการสร้างผลตอบแทนที่ปรับด้วยความเสี่ยง (Risk-Adjusted Return) โดยเฉพาะในภาวะเศรษฐกิจไม่แน่นอน
**รายได้ (Revenue):**
1. **รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Income):**
* อยู่ที่ 3,328.45 ล้านบาท
* ลดลง 67.01 ล้านบาท (-2.0%) เทียบกับ Q1/2567 สาเหตุหลักจาก:
* รายได้ดอกเบี้ยลดลง 184.70 ล้านบาท (-3.9%) จากการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลอยตัวตามดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท. และการลดภาระดอกเบี้ยให้ลูกหนี้กลุ่มเปราะบางในโครงการ "คุณสู้ เราช่วย".
* ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลง 117.69 ล้านบาท (-8.5%) ตามต้นทุนเงินฝากที่ชะลอตัวลงในทิศทางดอกเบี้ยขาลง.
* ลดลง 73.09 ล้านบาท (-2.1%) เทียบกับ Q4/2567 สาเหตุจาก:
* รายได้ดอกเบี้ยลดลง 157.14 ล้านบาท (-3.3%) จากการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลอยตัว และการลดภาระดอกเบี้ยในโครงการ "คุณสู้ เราช่วย".
* ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลง 84.05 ล้านบาท (-6.3%) จากต้นทุนทางการเงินที่ทยอยปรับลดลง.
* บริษัทได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภทเพื่อสอดรับกับดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท.
2. **รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย (Non-Interest Income):**
* อยู่ที่ 1,351.60 ล้านบาท
* เพิ่มขึ้น 3.4% เทียบกับ Q1/2567 สาเหตุหลักจาก:
* รายได้จากธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุนเพิ่มขึ้น 10.3% (เป็น 455.50 ล้านบาท) จากการออกกองทุนรวมใหม่.
* รายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 3.3% (เป็น 128.37 ล้านบาท) จากส่วนแบ่งตลาด บล.ทิสโก้ที่ดีขึ้น.
* กำไรจากเครื่องมือทางการเงิน FVTPL เพิ่มขึ้น (เป็น 67.31 ล้านบาท).
* *แต่* รายได้ค่าธรรมเนียมธุรกิจธนาคารพาณิชย์ลดลง 2.4% (เป็น 762.18 ล้านบาท) โดยเฉพาะรายได้ค่านายหน้าประกันภัยลดลง 4.0% จากตลาดรถยนต์ในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัว.
* ลดลง 3.3% เทียบกับ Q4/2567 สาเหตุหลักจาก:
* ค่าธรรมเนียมธุรกิจธนาคารพาณิชย์ลดลง 11.2% จากธุรกิจนายหน้าประกันภัยที่อ่อนตัวลงกว่า 15.5% (ปัจจัยฤดูกาลและตลาดรถยนต์ซบเซา).
* มีการรับรู้ค่าธรรมเนียมตามผลประกอบการธุรกิจจัดการกองทุน (Performance Fee) ไปในไตรมาสก่อนหน้า (Q4/2567 มี Performance Fee สูง).
* *อย่างไรก็ดี* ธุรกิจตลาดทุนดีขึ้น ทั้งค่าธรรมเนียมพื้นฐานธุรกิจจัดการกองทุน (ออกกองทุนใหม่) ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ (ส่วนแบ่งตลาดดีขึ้น) และกำไรจาก FVTPL.
**สินเชื่อ (Loans):**
* **ยอดสินเชื่อรวม:** ณ 31 มี.ค. 2568 อยู่ที่ 231,190.32 ล้านบาท ลดลง 0.4% จากสิ้นปี 2567 สาเหตุหลักจากการชะลอตัวของสินเชื่อรายย่อย และสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม.
* **โครงสร้างสินเชื่อ:**
* **สินเชื่อรายย่อย:** ลดลง 0.7% จากสิ้นปี 2567 (เป็น 156,350.28 ล้านบาท) คิดเป็น 67.6% ของสินเชื่อรวม.
* สินเชื่อเช่าซื้อ (63.4% ของสินเชื่อรายย่อย): ลดลง 0.8% จากสิ้นปี 2567 ส่วนใหญ่เป็นรถใหม่ที่ลดลงตามตลาดรถยนต์ซบเซา (ยอดขายรถใหม่ 2 เดือนแรกปี 68 ลดลง 9.5%) และการเข้มงวดปล่อยสินเชื่อ แต่ Penetration Rate ของบริษัทเพิ่มขึ้น. สินเชื่อเช่าซื้อรถมือสองและมอเตอร์ไซค์เพิ่มขึ้นตามกลยุทธ์ขยายสินเชื่อผลตอบแทนสูง.
* สินเชื่อจำนำทะเบียน ("Auto Cash") (27.4% ของสินเชื่อรายย่อย): ลดลง 0.8% จากสิ้นปี 2567 เนื่องจากบริษัทเพิ่มความระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อใหม่ในภาวะหนี้ครัวเรือนสูงและเศรษฐกิจเปราะบาง ชะลอแผนเปิดสาขา "สมหวัง เงินสั่งได้" แต่สินเชื่อจากช่องทางสาขาเดิมยังขยายตัว.
* สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (4.4% ของสินเชื่อรายย่อย): ลดลง 3.4% จากสิ้นปี 2567 ตามภาวะตลาดแข่งขันสูงและความเสี่ยงเพิ่ม.
* สินเชื่อรายย่อยอื่น (4.7% ของสินเชื่อรายย่อย): เพิ่มขึ้น 4.9% จากสิ้นปี 2567.
* **สินเชื่อธุรกิจ:** เพิ่มขึ้น 1.3% จากสิ้นปี 2567 (เป็น 62,143.33 ล้านบาท) คิดเป็น 26.9% ของสินเชื่อรวม. เติบโตในกลุ่มสาธารณูปโภคและการบริการ.
* **สินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs):** ลดลง 5.4% จากสิ้นปี 2567 (เป็น 12,696.71 ล้านบาท) คิดเป็น 5.5% ของสินเชื่อรวม. ลดลงจากการชำระคืนหนี้ของผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ในภาวะตลาดรถยนต์ซบเซา.
* **โครงการ "คุณสู้ เราช่วย":** ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย/SMEs เฉพาะกลุ่ม ด้วยการปรับโครงสร้างหนี้ (ลดค่างวด/ดอกเบี้ย). ณ 31 มี.ค. 68 มีลูกหนี้ผ่านเกณฑ์ประมาณ 13,700 ล้านบาท (6% ของสินเชื่อรวม), ลงทะเบียนเข้ามาตรการประมาณ 4,300 ล้านบาท, ปรับโครงสร้างสำเร็จ 2,600 ล้านบาท.
**สินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) และสำรองผลขาดทุนด้านเครดิต (ECL):**
* **สินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLs):**
* มีจำนวน 5,591.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.3% จากสิ้นปี 2567.
* อัตราส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมอยู่ที่ 2.42% เพิ่มขึ้นจาก 2.35% ในปี 2567.
* การเพิ่มขึ้นเป็นไปตามแผนการเติบโตสินเชื่อกลุ่มผลตอบแทนสูง ประกอบกับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจเปราะบาง.
* บริษัทดำเนินนโยบายปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวัง ควบคู่กับการบริหารความเสี่ยงและติดตามทวงถามหนี้อย่างมีประสิทธิภาพ.
* **ค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL):**
* มีจำนวน 385.73 ล้านบาท ใน Q1/2568 เพิ่มขึ้นจาก Q1/2567 และ Q4/2567.
* คิดเป็นอัตราส่วนสำรองต่อยอดสินเชื่อเฉลี่ยที่ 0.7%.
* การตั้งสำรองอยู่ในระดับที่เพียงพอรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตตามนโยบายการบริหารความเสี่ยงที่รัดกุม และเพื่อรองรับการเติบโตของสินเชื่อที่มีผลตอบแทนสูง.
* **อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนฯ ต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Coverage Ratio):** อยู่ที่ 153.8% ณ สิ้น Q1/2568.
**อัตราส่วนต่าง (Spreads):**
* **อัตราผลตอบแทนของเงินให้สินเชื่อ (Yield on Loans):** อยู่ที่ 7.63% ใน Q1/2568 ลดลงจาก 7.74% ใน Q4/2567 และ 7.68% ในปี 2567 สาเหตุจากการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลอยตัวและลดภาระดอกเบี้ยให้ลูกหนี้.
* **อัตราดอกเบี้ยจ่าย (Cost of Fund):** อยู่ที่ 2.30% ใน Q1/2568 ลดลงจาก 2.42% ใน Q4/2567 และ 2.42% ในปี 2567 จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก.
* **ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (Loan Spread):** อยู่ที่ 5.33% ใน Q1/2568 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก Q4/2567 (5.32%) และปี 2567 (5.27).
* **ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Margin - NIM):** อยู่ที่ 4.88% ใน Q1/2568 ลดลงจาก Q4/2567 (4.93%) และเพิ่มขึ้นจากปี 2567 (4.85) และ Q1/2567 (4.76).
**โอกาส (Opportunities):**
* **การท่องเที่ยว:** ภาคการท่องเที่ยวเติบโตต่อเนื่อง นักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น (กว่า 9.5 ล้านคนใน Q1/68) เป็นปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจ.
* **การส่งออก:** ขยายตัวตามอุปสงค์ประเทศคู่ค้า.
* **การใช้จ่ายภาครัฐ:** เพิ่มขึ้น ทั้งค่าใช้จ่ายประจำและการลงทุน.
* **การบริโภคภาคเอกชน:** ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (Easy E-Receipt, เงินโอนเฟส 2).
* **กลยุทธ์สินเชื่อ:** การขยายสินเชื่อที่มีผลตอบแทนสูง เช่น สินเชื่อเช่าซื้อรถมือสองและมอเตอร์ไซค์ ยังมีศักยภาพในการสร้างรายได้.
* **ธุรกิจตลาดทุน:** ธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุนและธุรกิจหลักทรัพย์ปรับตัวดีขึ้น การออกกองทุนรวมใหม่ช่วยเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมพื้นฐาน ส่วนแบ่งตลาด บล.ทิสโก้ดีขึ้น.
* **กำไรจากเงินลงทุน:** กำไรจากเครื่องมือทางการเงิน FVTPL และกำไรจากเงินลงทุนเพิ่มขึ้น.
* **ฐานะที่แข็งแกร่ง:** การมีฐานทุนที่แข็งแกร่ง (BIS Ratio สูงกว่าเกณฑ์มาก) และสถานะสภาพคล่องสูง (LCR สูง) เป็นโอกาสในการรองรับความเสี่ยงและคว้าโอกาสทางธุรกิจในอนาคต.
* **อันดับเครดิต:** การปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรโดยทริสเรทติ้ง (จาก A- เป็น A สำหรับ TISCO, จาก A เป็น A+ สำหรับ TISCO Bank) สะท้อนถึงตำแหน่งทางธุรกิจที่แข็งแกร่งขึ้น ความสามารถในการทำกำไรที่มั่นคง และกลยุทธ์รอบคอบ ซึ่งเป็นโอกาสในการสร้างความเชื่อมั่นและอาจส่งผลดีต่อต้นทุนทางการเงิน.
**ความเสี่ยง (Risks):**
* **ภาวะเศรษฐกิจไทย:** เติบโตในระดับต่ำและยังคงซบเซา การฟื้นตัวช้า ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อและคุณภาพลูกหนี้.
* **หนี้ครัวเรือนสูง:** ยังคงอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้สถาบันการเงินต้องเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ และลูกหนี้มีความเปราะบาง.
* **ตลาดรถยนต์ในประเทศ:** ยังคงอ่อนแอ ยอดขายรถยนต์ลดลง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสินเชื่อเช่าซื้อรถใหม่ และรายได้ค่านายหน้าประกันภัยที่เกี่ยวข้อง.
* **ภาวะตลาดทุน:** ผันผวนรุนแรง จากปัจจัยเศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัวช้า ความไม่แน่นอนทางการเมือง ความกังวลการค้าสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลกผันผวน ส่งผลกระทบต่อปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ และมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารของธุรกิจจัดการกองทุน.
* **ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์:** เป็นความเสี่ยงภายนอกที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความเชื่อมั่น.
* **นโยบายการค้าของสหรัฐฯ:** ยังคงมีความกังวลต่อผลกระทบ.
* **ค่าครองชีพสูง:** ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อและความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้.
* **คุณภาพสินทรัพย์:** อัตราส่วน NPL เพิ่มขึ้นเล็กน้อยตามการขยายสินเชื่อผลตอบแทนสูงและภาวะเศรษฐกิจ แม้บริษัทยังบริหารจัดการได้และมีการตั้งสำรองเพียงพอ แต่ยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด.
* **การแข่งขัน:** โดยเฉพาะในตลาดสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย.
* **ความเสี่ยงด้านเครดิต:** แม้เงินกองทุนสำรองความเสี่ยงด้านเครดิตลดลงตามสินเชื่อ แต่ความเสี่ยงด้านเครดิตมีการปรับเพิ่มขึ้น (ตาม ICAAP).
* **ความเสี่ยงด้านตลาด:** เงินกองทุนสำรองความเสี่ยงด้านตลาดปรับเพิ่มขึ้นจากผลตอบแทนตลาดหุ้นที่ลดลงในช่วงที่ผ่านมา.
**สรุปโดยรวม:** ในไตรมาส 1 ปี 2568 ทิสโก้เผชิญแรงกดดันจากเศรษฐกิจที่เติบโตช้า ตลาดรถยนต์ที่ซบเซา และอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลง คุณภาพสินทรัพย์ (NPL) อ่อนตัวลงเล็กน้อย และมีการตั้งสำรองเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงสามารถสร้างรายได้จากธุรกิจที่มิใช่ดอกเบี้ยได้ดีขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจจัดการกองทุนและหลักทรัพย์ แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวและกลยุทธ์กระจายรายได้ บริษัทยังคงบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ มีฐานะเงินกองทุนและสภาพคล่องแข็งแกร่ง ซึ่งเป็นจุดแข็งในการเผชิญความท้าทายทางเศรษฐกิจและตลาดที่ยังมีความไม่แน่นอน.
0.00 %
(2.47%)
(0.48%)
(3.55%)
(1.48%)
(1.10%)
(1.00%)
(3.39%)
(0.72%)
(3.66%)
(5.17%)