THRE
บริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ จำกัด (มหาชน)

สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567

สรุป OPPDAY

สรุป Oppday ไทยรีประกันภัยต่อ (THRE) ปี 2024: ผลประกอบการ, โอกาส, และอนาคต

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)

ภาพรวมผลประกอบการปี 2024 ของไทยรีประกันภัยต่อ (THRE) มีดังนี้:

  • เบี้ยประกันภัยรับรวม (Gross Written Premium) เติบโต 8% อยู่ที่ 5,310 ล้านบาท
  • เบี้ยประกันภัยสุทธิ (Net Written Premium) เติบโต 8% อยู่ที่ 5,035 ล้านบาท
  • กำไรจากการรับประกันภัยต่อ เพิ่มขึ้น 36% อยู่ที่ 169 ล้านบาท
  • อัตราส่วนรวม (Combined Ratio) อยู่ที่ 96.8%
  • กำไรจากการลงทุนอยู่ที่ 79 ล้านบาท เติบโต 23%
  • รายได้จากบริการ (Service Income) ลดลง 27% อยู่ที่ 48 ล้านบาท
  • รายได้อื่น ๆ (Other Income) ลดลง 85% อยู่ที่ 5 ล้านบาท

ธุรกิจแบ่งเป็น Conventional และ Non-Conventional โดย Non-Conventional เติบโตมากกว่าเล็กน้อย (17%) อยู่ที่ 2,687 ล้านบาท ส่วน Conventional อยู่ที่ 2,349 ล้านบาท ลดลง 1% เมื่อเทียบกับปีก่อน

ไตรมาส 4 มีเบี้ยรับ 1,328 ล้านบาท สุทธิ 1,283 ล้านบาท รับรู้เป็นรายได้ 1,293 ล้านบาท เติบโต 10-13% เมื่อเทียบกับปีก่อน และ 2-7% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

ไตรมาส 4 กำไรจากการรับประกันภัยต่ออยู่ที่ 37 ล้านบาท ลดลง 24-27% เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมในภาคเหนือและใต้ ทำให้มีสินไหมทดแทนเพิ่มขึ้น แต่ Combined Ratio ยังอยู่ที่ 97.3% แสดงว่ายังคงมีกำไรอยู่

กำไรสุทธิของไตรมาส 4 อยู่ที่ 82 ล้านบาท (หลังหักส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยอยู่ที่ 78 ล้านบาท) เติบโต 382% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

ตลอดทั้งปี กำไรสุทธิอยู่ที่ 245 ล้านบาท (หลังหักส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยอยู่ที่ 227 ล้านบาท) เติบโต 6% และ 8% ตามลำดับ Combined Ratio อยู่ที่ 96.8% ใกล้เคียงกับปีก่อน ROE อยู่ที่ 6.3% และ Car Ratio ยังเกิน 300% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของ คปภ. ที่ 140%

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)

บริษัทมองเห็นโอกาสในการเติบโตในตลาด Equity และการลงทุนในพันธบัตร US ซึ่งคาดว่าจะให้ผลตอบแทน (Yield) ที่ดีจากเงินปันผล นอกจากนี้ บริษัทยังคงมองหาลูกค้าใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มการเติบโตในอนาคต

บริษัทมีแผนที่จะเข้าร่วมในตลาดอินโดนีเซีย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ โดยเฉพาะ Cyber Insurance ซึ่งคาดว่าจะเป็น Product Champion ของบริษัทในอนาคต

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)

ความเสี่ยงหลักที่บริษัทเผชิญคือ:

  • ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน (โดยเฉพาะที่มีผลต่อการลงทุนในต่างประเทศ)
  • สถานการณ์น้ำท่วมที่ส่งผลกระทบต่อสินไหมทดแทนในไตรมาส 4
  • ค่าใช้จ่ายในการเริ่มต้นบริษัทใหม่ในเครือ ที่อาจยังไม่มีรายได้เพียงพอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่าย
  • ผลกระทบจาก Medical Inflation ที่ทำให้ค่าสินไหมทดแทนสูงขึ้น โดยเฉพาะหลังสถานการณ์ COVID-19

นอกจากนี้ บริษัทยังต้องเผชิญกับความท้าทายในการควบคุมค่าใช้จ่ายและรักษาระดับ Combined Ratio ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)

บริษัทมีมาตรการแก้ไขปัญหาดังนี้:

  • ปรับปรุงเงื่อนไขในการรับประกันภัยต่อด้านสุขภาพให้เข้มงวดขึ้น
  • ลดพอร์ตลูกค้าที่มีปัญหาด้านการชำระหนี้
  • กระจายความเสี่ยงในการลงทุนโดยการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย
  • ควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
  • บริหารจัดการสินไหมทดแทนอย่างมีประสิทธิภาพ

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)

บริษัทคาดการณ์ว่าในปี 2025 จะมีการเติบโตประมาณ 4% โดยการเติบโตในกลุ่ม Accident and Health จะเป็น Zero Growth และจะเติบโตในด้าน Non-ANH ได้ประมาณ 8% Over Sea ธุรกิจจะอยู่ที่ประมาณ 5% Investment Yield ที่ 3.5% exclude ตัว Mark to Market และ Combined Ratio ยังมองอยู่ในระดับ 90 กลาง ๆ เหมือนเดิม

บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการดำเนินงานตามมาตรฐานบัญชีใหม่ IFRS 17 และการขยายตลาดในอินโดนีเซีย รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ Cyber Insurance เพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [เริ่ม Q&A นาทีที่ 33:50]

  1. คำถาม: ตอนนี้ไทยรีล้างขาดทุนสะสมหมดหรือยัง และจะจ่ายปันผลได้เมื่อไหร่?

    คำตอบ: ณ สิ้นปี 2024 ไทยรีล้างขาดทุนสะสมหมดแล้ว ตัวเลขกลับมาเป็นบวกแล้ว ถ้าผลประกอบการเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ในปี 2025 ก็สามารถที่จะจ่ายเงินปันผลได้

  2. คำถาม: เรื่องของ IFRS 17?

    คำตอบ: มาตรฐานฉบับใหม่ IFRS 17 จะเริ่มใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป ซึ่งได้เตรียมความพร้อมมาหลายปีล่วงหน้าแล้ว และตอนนี้ได้มีการ Implement จนเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ก็พร้อมที่จะออกงบการเงิน ซึ่งเป็นมาตรฐานฉบับใหม่ครั้งแรก ซึ่งคงจะประมาณไตรมาส 1 ที่จะถึงนี้ ซึ่งก็ดูแล้วว่าผลแตกต่างระหว่างการปรับใช้มาตรฐานฉบับเดิม กับฉบับใหม่ไม่ได้มี Impact อย่างเป็นสาระสำคัญกับบริษัท เพราะว่าเนื่องจากบริษัทในธุรกิจ เป็น Short Tail คือเป็นประกันระยะที่เป็นระยะสั้น ทำให้ Impact ไม่ได้กระทบอย่างเป็นสาระสำคัญ

  3. คำถาม: จากมาตรการที่ดำเนินการไปตอนต่ออายุ ที่ตัดไปหลายสัญญา บริษัทประเมินว่าปีนี้จะโตไหม?

    คำตอบ: ก็ยังประเมินอยู่เหมือนเดิม เนื่องจากว่าถึงแม้เราจะตัดออกไปหลายสัญญา และก็มีการลดแชร์ในหลายสัญญา เราก็มีสัญญาใหม่ ๆ ที่เข้ามา แล้วก็มีการเพิ่มสัญญาในขณะเดียวกัน เพราะฉะนั้นเราก็ยังมองว่าการเติบโตที่ 4% ก็ยังน่าจะอยู่ในวิสัยที่เราสามารถ Achieve ได้

โดยสรุป ไทยรีประกันภัยต่อมีผลประกอบการที่เติบโตขึ้นในปี 2024 แม้จะมีความท้าทายจากสถานการณ์ภายนอกและปัจจัยภายในบางประการ บริษัทมีแผนที่จะปรับปรุงธุรกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาการเติบโตและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในอนาคต