สรุปงบล่าสุด THE
บริษัท เดอะ สตีล จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 3 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
## บริษัท เดอะ สตีล จำกัด (มหาชน) : บทวิเคราะห์ผลประกอบการไตรมาส 3/2567
บริษัท เดอะ สตีล จำกัด (มหาชน) รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2567 โดยมีรายได้จากการขาย 1,984.00 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 285.29 ล้านบาท หรือร้อยละ 16.79 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากปริมาณการขายเหล็กที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.31 เนื่องจากความต้องการใช้เหล็กเส้นในตลาดเพื่อใช้ก่อสร้างโครงการโปรเจคใหญ่เพิ่มขึ้นมาก อย่างไรก็ตาม ราคาขายเฉลี่ยทั้งไตรมาสลดลงร้อยละ 9.47 ส่งผลให้กำไรขั้นต้นลดลงเหลือ 8.82 ล้านบาท จาก 57.30 ล้านบาทในไตรมาส 3/2566 บริษัทฯ ยังเผชิญกับค่าใช้จ่ายขายและบริหารที่เพิ่มขึ้นเป็น 77.32 ล้านบาท จาก 42.83 ล้านบาท เนื่องจากค่าขนส่งออก และค่านายหน้าที่เพิ่มตามยอดขาย
ในแผนธุรกิจและกลยุทธ์อนาคต บริษัทฯ วางแผนที่จะขยายตลาดกลุ่มลูกค้ารายย่อยผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อเพิ่มช่องทางการขายและกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพาลูกค้ารายใหญ่เพียงอย่างเดียว โดยตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 2568 เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 จากปี 2567 บริษัทฯ คาดการณ์ว่าความต้องการใช้เหล็กในภาคอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐานจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทฯ จะมุ่งเน้นการบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อรักษากำไรและผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุน
จากผลประกอบการไตรมาส 3/2567 และอัตราส่วนทางการเงินย้อนหลัง บริษัท เดอะ สตีล มีจุดแข็งด้านฐานะการเงินที่มั่นคง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) เท่ากับ 1.33 ซึ่งต่ำกว่า 2 หมายถึงความเสี่ยงทางการเงินไม่สูง หากเปรียบเทียบกับอดีตที่ผ่านมา D/E ยังคงอยู่ในระดับที่น่าพอใจ อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการล่าสุดที่ขาดทุนสุทธิสะท้อนให้เห็นถึงแรงกดดันจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและผลกระทบจากราคาวัสดุ รวมถึงกำไรขั้นต้นที่ลดลง แม้ว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นก็ตาม ส่งผลให้ P/E อยู่ที่ระดับ -100 และ P/BV เท่ากับ 0.48 เป็นสัญญาณที่น่ากังวล โดยเฉพาะในไตรมาสล่าสุด บริษัทฯ ยังมีค่า YIELD เท่ากับ 0 หมายถึงบริษัทฯ ไม่มีการจ่ายเงินปันผล
โดยสรุป แม้ว่า บริษัทฯ มีจุดแข็งด้านฐานะการเงินที่มั่นคง แต่ผลประกอบการล่าสุดที่ขาดทุนสุทธิและอัตราส่วน P/E , P/BV และ YIELD ที่ไม่น่าสนใจ อาจไม่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสูงและรับเงินปันผล อย่างไรก็ตาม นักลงทุนที่ต้องการลงทุนในธุรกิจเหล็กที่มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาวและมองหาโอกาสในช่วงที่ราคาหุ้นปรับตัวลง อาจพิจารณาลงทุนได้
**โอกาส**:
* ความต้องการใช้เหล็กในภาคอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐานคาดว่าจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง
* บริษัทฯ มีแผนขยายตลาดกลุ่มลูกค้ารายย่อยผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อเพิ่มช่องทางการขายและกระจายความเสี่ยง
**ความเสี่ยง**:
* ราคาเหล็กมีความผันผวนสูง
* ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการ
* การแข่งขันในอุตสาหกรรมเหล็กมีความรุนแรง
**หมายเหตุ**: บทวิเคราะห์นี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งข้อมูลอื่นๆ ก่อนตัดสินใจลงทุน
(1.56%)
(17.78%)
(88.05%)
(85.25%)
(88.24%)
(87.46%)
(19.71%)
(67.15%)
(293.31%)
(218.01%)
(62.91%)
(332.02%)