สรุปงบล่าสุด THE
สรุปงบการเงิน
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
**บทความสรุปผลประกอบการของ หุ้น THE บริษัท เดอะ สตีล จำกัด (มหาชน) ในไตรมาส 3 ปี 2568**
**1. สรุปรายได้รวม:**
ในไตรมาสที่ 3 ปี 2568 บริษัท เดอะ สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ THE มีรายได้จากการขายรวม 1,508.75 ล้านบาท ลดลง 23.95% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2567 ที่มีรายได้ 1,984.00 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการที่ในไตรมาส 3/2568 ไม่มียอดขายเหล็กวัตถุดิบ (SLAB) ในขณะที่ไตรมาส 3/2567 มียอดขาย SLAB ประมาณ 1.5 หมื่นตัน นอกจากนี้ ปริมาณการขายเหล็กรูปพรรณลดลงประมาณ 5% เนื่องจากภาวะอุตสาหกรรมก่อสร้างที่ชะลอตัว และราคาขายเหล็กรูปพรรณโดยเฉลี่ยลดลงประมาณ 8% อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมีผลกำไรขั้นต้น 31.20 ล้านบาท ซึ่งดีกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนขั้นต้น 7.51 ล้านบาท (อ้างอิง: หน้า 1)
**2. สถานการณ์เศรษฐกิจ:**
เอกสารไม่ได้กล่าวถึงสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวม แต่ระบุว่าภาวะอุตสาหกรรมก่อสร้างที่ชะลอตัวส่งผลกระทบต่อปริมาณการขายเหล็กรูปพรรณของบริษัท (อ้างอิง: หน้า 1)
**3. การเปลี่ยนแปลงในรายได้และกำไร:**
บริษัทฯ สามารถลดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลง 26.94% เหลือ 44.56 ล้านบาท จาก 60.99 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการปรับลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นและปรับปรุงกระบวนการทำงาน ต้นทุนทางการเงินลดลง 24.69% เหลือ 16.38 ล้านบาท จาก 21.75 ล้านบาท เนื่องจากการบริหารจัดการเงินสดจากการดำเนินงานเพื่อลดการกู้ยืม นอกจากนี้ ยังมีการกลับรายการขาดทุนจากการด้อยค่าตาม TFRS-9 จำนวน 2.94 ล้านบาท และรับรู้ผลกำไรจากบริษัทร่วม 14.70 ล้านบาท จากปัจจัยเหล่านี้ ทำให้ผลขาดทุนสุทธิส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่ลดลง 69.47% เหลือ 9.69 ล้านบาท จาก 31.74 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน (อ้างอิง: หน้า 1)
**4. สินทรัพย์และหนี้สิน:**
สินทรัพย์รวมของบริษัทฯ ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 มีจำนวน 3,711.39 ล้านบาท ลดลง 578.10 ล้านบาทจาก 4,289.49 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 โดยหลักมาจากการลดลงของสินค้าคงเหลือ 443.15 ล้านบาท เนื่องจากการเร่งรอบการขายและการควบคุมปริมาณการสั่งซื้อ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บหนี้ ทำให้สัดส่วนหนี้ที่เกินกำหนดชำระต่อลูกหนี้การค้ารวมลดลง หนี้สินรวมลดลง 558.46 ล้านบาท เหลือ 1,798.10 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการลดลงของหนี้เงินกู้ระยะสั้นจากสถาบันการเงิน ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงจาก 1.22 เท่า เป็น 0.94 เท่า (อ้างอิง: หน้า 2)
(26.08%)
(24.55%)
(43.78%)
(253.69%)
(23.99%)
(368.18%)
(28.44%)
(42.37%)
(256.36%)
(69.47%)
(220.86%)
(230.35%)