สรุปด้วย AI(O) BOT

## บริษัท ซินเท็ค คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) : ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567

บริษัท ซินเท็ค คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SYNTEC ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567 โดยมีผลกำไรสุทธิอยู่ที่ 131 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิ 53 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากรายได้จากธุรกิจก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นจาก 1,657 ล้านบาท เป็น 2,237 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 94 ล้านบาท และอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4.98 เป็นร้อยละ 7.89 นอกจากนี้ อัตรากำไรขั้นต้นจากธุรกิจให้บริการห้องพักก็ปรับตัวสูงขึ้นจากร้อยละ 44.94 เป็นร้อยละ 51.63 โดยมีรายได้จากธุรกิจนี้คงที่อยู่ที่ 113 ล้านบาท

แผนธุรกิจของ SYNTEC ในอนาคตยังคงเน้นการขยายงานในธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง โดยมุ่งเน้นการรับงานจากทั้งหน่วยงานราชการและเอกชน บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจก่อสร้างให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้รวมในปี 2568 ไว้ที่ 10,000 ล้านบาท

## โอกาสและความเสี่ยงในการลงทุน

ผลประกอบการของ SYNTEC ในไตรมาส 3 ปี 2567 แสดงให้เห็นถึงความสามารถของบริษัทฯ ในการสร้างรายได้และกำไรที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในธุรกิจก่อสร้าง อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีอัตราส่วน P/E อยู่ที่ 6.28 ซึ่งต่ำกว่า P/E เฉลี่ยของตลาด นอกจากนี้ P/BV อยู่ที่ 0.45 และ YIELD อยู่ที่ 3.82% ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนจากเงินปันผล อัตราส่วน D/E ของ SYNTEC อยู่ที่ 0.78 สะท้อนถึงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง บริษัทฯ มีภาระหนี้สินที่ต่ำ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการกู้ยืมเงินเพื่อขยายธุรกิจได้

**โอกาส:**

* รายได้และกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่อง
* อัตราส่วน P/E, P/BV และ YIELD ในระดับที่น่าสนใจ
* ฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง

**ความเสี่ยง:**

* การแข่งขันในธุรกิจก่อสร้างค่อนข้างสูง
* ผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและการเมือง
* การบริหารจัดการโครงการที่อาจเกิดความล่าช้าหรือเกินงบประมาณ

การลงทุนใน SYNTEC เป็นโอกาสที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนทุกประเภท สำหรับนักลงทุนระยะยาว SYNTEC สามารถเป็นทางเลือกในการลงทุนเพื่อรับผลตอบแทนจากเงินปันผลและรอการเติบโตของธุรกิจ ส่วนนักลงทุนระยะสั้น ราคาหุ้นของ SYNTEC มีศักยภาพในการปรับตัวขึ้นตามผลประกอบการที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรติดตามความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น ภาวะเศรษฐกิจ การแข่งขัน และการบริหารจัดการโครงการ ก่อนตัดสินใจลงทุน