สรุปงบล่าสุด STPI
บริษัท เอสทีพี แอนด์ ไอ จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 2 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
บริษัท เอสทีพี แอนด์ ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ STPI ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2567 รายได้รวม 441 ล้านบาท ลดลง 253 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักเกิดจากโครงการใหญ่ได้ส่งมอบงานเกือบทั้งหมดแล้วในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2567 ส่วนโครงการใหม่ยังไม่เริ่มงานผลิต ทำให้รายได้จากการรับจ้างผลิต ลดลง อย่างไรก็ดี งานบริการรื้อถอนแท่นขุดเจาะน้ำมันได้ดำเนินการต่อเนื่องมาตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2566 ทำให้รายได้จากการขายและบริการเพิ่มขึ้น 256 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนรายได้จากการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากมีพื้นที่คลังสินค้าให้เช่าเพิ่มขึ้น ในไตรมาสที่ 2 ปี 2567 บริษัทมีกำไรขั้นต้นจากการดำเนินงานเท่ากับ 143 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 32 ของรายได้ ซึ่งปรับตัวดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีขาดทุนขั้นต้นร้อยละ 4 สาเหตุหลักมาจากส่วนงานขายและบริการปรับตัวดีขึ้นมากจากงานบริการรื้อถอนแท่นขุดเจาะน้ำมัน อย่างไรก็ดี โครงการใหม่ยังไม่เริ่มผลิต ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายโรงงานที่ไม่ปันส่วนเข้าต้นทุนการรับจ้างผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 67 ล้านบาท หรือประมาณร้อยละ 27 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน บริษัทมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทจำนวน 31 ล้านบาท ในไตรมาส 2 ปี 2567 ซึ่งปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2566 ที่มีผลขาดทุน 25 ล้านบาท
แผนธุรกิจและกลยุทธ์ในอนาคตของ STPI เน้นการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น โรงไฟฟ้า โรงกลั่นน้ำมัน โรงแยกก๊าซ รวมทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและงานด้านพลังงานทดแทน โดยตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มกำลังการผลิตและขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศ บริษัทคาดการณ์ว่าจะได้รับผลบวกจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและพลังงานของภาครัฐ รวมถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาค ส่งผลให้ความต้องการงานด้านวิศวกรรมและการก่อสร้างเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี บริษัทยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายในการแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดภายในประเทศ รวมถึงความผันผวนของราคาวัสดุและแรงงาน
STPI มีผลประกอบการในช่วง 3 ไตรมาสล่าสุดที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนและการคว้าโครงการใหม่ ๆ มาได้อย่างต่อเนื่อง อัตราส่วนทางการเงินที่น่าสนใจ ได้แก่ อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 0.43 ในไตรมาส 2 ปี 2567 สะท้อนถึงฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง ราคาหุ้นเฉลี่ยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 4.49 บาท และ P/E ล่าสุดอยู่ที่ 19.1 เทียบกับราคาเฉลี่ย 3 ปี และ P/E ของบริษัทในกลุ่มเดียวกัน แสดงให้เห็นว่าราคาหุ้นยังคงมีความน่าสนใจ อย่างไรก็ดี วงจรเงินสดของ STPI อยู่ที่ 117.09 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเงินสดที่ยังไม่ดีเท่าที่ควร และ เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุนติดลบในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา สะท้อนถึงการลงทุนต่อยอดธุรกิจอย่างต่อเนื่อง แต่ยังต้องติดตามผลตอบแทนจากการลงทุนในอนาคต
STPI อาจเป็นโอกาสการลงทุนสำหรับนักลงทุนที่มองหาการเติบโตระยะยาว โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานและโครงสร้างพื้นฐาน อย่างไรก็ดี นักลงทุนควรพิจารณาถึงความเสี่ยงด้านการแข่งขันในตลาด การผันผวนของราคาวัสดุและแรงงาน รวมถึงการควบคุมวงจรเงินสด และผลตอบแทนจากการลงทุนในอนาคตอย่างรอบคอบ STPI เหมาะสำหรับนักลงทุนระยะกลางถึงระยะยาว ที่มองหาโอกาสรับผลตอบแทนจากการเติบโตของธุรกิจ
**โอกาส**
* การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล ส่งผลต่อความต้องการงานด้านวิศวกรรมและการก่อสร้างเพิ่มขึ้น
* การขยายตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาค ส่งผลต่อความต้องการงานด้านวิศวกรรมและการก่อสร้างเพิ่มขึ้น
* การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและงานด้านพลังงานทดแทน
**ความเสี่ยง**
* การแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดภายในประเทศ
* ความผันผวนของราคาวัสดุและแรงงาน
* การควบคุมวงจรเงินสด
* ผลตอบแทนจากการลงทุนในอนาคต
(62.76%)
(41.95%)
(49.92%)
(193.80%)
(34.53%)
(261.70%)
(8.17%)
(5.59%)
(85.52%)
(221.46%)
(130.36%)
(51.27%)