สรุปงบล่าสุด STGT
บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 3 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
## บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) STGT: ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567
บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT ในไตรมาส 3 ปี 2567 มีรายได้จากการขายรวม 6,443.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.3% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 35.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยผลักดันราคาขายให้สูงขึ้นได้ แม้ต้องเผชิญกับการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่ยังคงอยู่ในช่วงการปรับสมดุล อุปทานส่วนเกิน และกําไรขั้นต้น อยู่ที่ 330.4 ล้านบาท ลดลง 57.3% จากไตรมาสก่อน และลดลง 44.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการแข็งค่าอย่างรวดเร็วของเงินบาทเทียบกับสกุลเงินตอลลาร์สหรัฐ ซึ่งส่งผลต่อราคาต้นทุนวัตถุดิบ และอัตราค่าระวางเรือ (“๒ยก เ๑อ) ที่สูงขึ้น อย่างไรก็ดี บริษัทฯ มีสัญญาณเชิงบวกจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นเป็น 9,593 ล้านชิ้นในไตรมาสนี หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.8 จากไตรมาสก่อน และกว่าร้อยละ 26.3 จากปีก่อน
บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าไว้ที่มากกว่า 190 ประเทศ ภายใน 2 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันที่มีฐานลูกค้ากว่า 175 ประเทศทั่วโลก อีกทั้งบริษัทฯ ยังมีการบริหารจัดการความเสี่ยงในด้านรายได้ ซึ่งมีแหล่งรายได้มาจากหลากหลายภูมิภาคทั่วโลก อาทิ เอเชีย สหรัฐอเมริกา ยุโรป และลาตินอเมริกา เป็นต้น บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการบริหารจัดการการใช้กำลังการผลิตภายใต้อัตราการทำกำไรที่เหมาะสม เพื่อสร้างกำไรและผลตอบแทนที่เหมาะสมในระยะยาว ในระหว่างที่อุตสาหกรรมถุงมือยางกำลังปรับตัวเข้าสู่สภาวะสมดุล นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี เพื่อให้สอดรับกับแนวคิดโลกยั่งยืนในปัจจุบัน
จากผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567 และอัตราส่วนทางการเงินย้อนหลัง บริษัท STGT แม้จะมีผลประกอบการที่ลดลงบ้าง แต่ก็ยังถือว่าเป็นโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจ โดย P/E อยู่ที่ 56.73 เท่า แสดงถึงความคาดหวังของนักลงทุนในระดับสูง ส่วน P/BV อยู่ที่ 0.79 เท่า ถือว่าค่อนข้างต่ำ สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของพื้นฐานทางการเงิน และ Yield อยู่ที่ 4.76% ถือว่าไม่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรับเงินปันผล นอกจากนี้ STGT มี D/E อยู่ที่ 0.26 เท่า ถือว่าต่ำ แสดงถึงพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และ วงจรเงินสดอยู่ที่ 66.4 วัน ถือว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสม แม้เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุนจะติดลบอยู่ที่ -9,145.87 ล้านบาท แต่สะท้อนถึงการนำเงินไปลงทุนต่อยอดธุรกิจ และเงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงานที่ 1,683.59 ล้านบาท ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี STGT เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการถือยาวรอการเติบโต หรือเก็งกำไรระยะสั้น **โอกาส** ของ STGT ได้แก่ 1. ความต้องการถุงมือยางในตลาดโลกยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง 2. การบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และนวัตกรรมการผลิต 3. การขยายตลาดไปยังประเทศใหม่ๆ และความแข็งแกร่งของพื้นฐานทางการเงิน **ความเสี่ยง** ของ STGT ได้แก่ 1. การแข่งขันในอุตสาหกรรมที่รุนแรง 2. ความผันผวนของราคาต้นทุนวัตถุดิบ 3. ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน 4. ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของกฎระเบียบ 5. การขาดแคลนแรงงาน และ 6. การเปลี่ยนแปลงของเทรนด์ตลาด
(12.27%)
(35.42%)
(57.29%)
(44.50%)
(61.97%)
(59.04%)
(8.40%)
(24.76%)
(122.87%)
(282.38%)
(3,598.86%)
(60.51%)