สรุปงบล่าสุด SMT
บริษัท สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 3 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
## บทวิเคราะห์ผลประกอบการ บริษัท สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) - SMT
บริษัท สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SMT มีรายได้จากการขายและบริการในไตรมาส 3 ปี 2567 จำนวน 492.29 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 จำนวน 210.74 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 29.98 บริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิจำนวน 82.62 ล้านบาท ตรงกันข้ามกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 ที่มีผลกำไรสุทธิ 84.17 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ยังคงเผชิญกับปัญหาอุปสงค์ในตลาดที่ไม่ฟื้นตัว สืบเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกและภาวะสงครามที่ยืดเยื้อ ซึ่งส่งผลให้สินค้าคงเหลือของลูกค้ายังคงมีอยู่ในระดับหนึ่ง ส่งผลต่อการชะลอตัวของการสั่งซื้อและระบายสินค้าคงเหลือ
แผนธุรกิจและกลยุทธ์ในอนาคตของ SMT ยังคงมุ่งเน้นการดำเนินงานตามแผนที่วางไว้ เช่น การเน้นทำธุรกิจกับกลุ่มลูกค้าที่มีคุณภาพ การกระจายรายได้ไปยังกลุ่มธุรกิจที่หลากหลาย การกระจายกลุ่มลูกค้าไปหลากหลายประเทศทั่วโลก และการพัฒนาสินค้าให้มีความทันสมัยและมีคุณภาพอยู่เสมอ เพื่อรักษาการเติบโตแบบยั่งยืน อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายในเรื่องของอุปสงค์ในตลาดที่ไม่แน่นอน
จากผลประกอบการไตรมาส 3 ที่ผ่านมา แม้รายได้และกำไรของ SMT จะลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่การที่ D/E อยู่ที่ 0.15 (เพิ่มขึ้นจาก 0.15 ในปี 2566) สะท้อนให้เห็นว่าฐานะทางการเงินของบริษัทยังแข็งแกร่ง บริษัทฯ ไม่มีภาระหนี้สินระยะยาว และมีเงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงานจำนวน 94.46 ล้านบาท (ลดลงจาก 320.30 ล้านบาท ในปี 2566) แสดงให้เห็นว่าบริษัทฯ ยังสามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม P/E ล่าสุดอยู่ที่ 38.25 ซึ่งสูงกว่า 35 สะท้อนถึงความคาดหวังของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทฯ อยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ ราคาหุ้นเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี สะท้อนให้เห็นว่าราคาหุ้นมีความผันผวนสูง โดยราคาหุ้นปรับตัวลดลงในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งอาจเป็นผลมาจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก
สำหรับโอกาสการลงทุน SMT อาจเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนระยะยาว ที่เชื่อมั่นในศักยภาพของบริษัทฯ และสามารถรับความเสี่ยงได้ แต่การลงทุนใน SMT อาจไม่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรับเงินปันผล เพราะ YIELD ล่าสุดอยู่ที่ 3.65% ซึ่งต่ำกว่า 4% และอาจไม่คุ้มค่ากับความเสี่ยง อีกทั้ง เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุน "ติดลบ" จำนวน 45.87 ล้านบาท (ลดลงจาก 9.04 ล้านบาท ในปี 2566) แสดงว่าบริษัทฯ นำเงินไปลงทุนต่อยอดธุรกิจ แต่ยังไม่มีผลตอบแทนที่ชัดเจน ดังนั้น นักลงทุนควรติดตามผลประกอบการและข้อมูลทางการเงินอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินความเสี่ยงและโอกาสในการลงทุนอย่างรอบคอบ
**โอกาส**
* ฐานะการเงินของบริษัทยังแข็งแกร่ง ไม่มีภาระหนี้สินระยะยาว
* บริษัทฯ สามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างสม่ำเสมอ
* แผนธุรกิจและกลยุทธ์ของบริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการเติบโตแบบยั่งยืน
**ความเสี่ยง**
* อุปสงค์ในตลาดยังไม่แน่นอน
* ราคาหุ้นมีความผันผวนสูง
* เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุน "ติดลบ"
* บริษัทฯ มีอัตราส่วน P/E ที่สูง
* บริษัทฯ มี YIELD ต่ำกว่า 4%
* บริษัทฯ มีวงจรเงินสดเพิ่มขึ้นจาก 88.30 วัน เป็น 111.14 วัน ในปี 2567 ซึ่งอาจสะท้อนถึงประสิทธิภาพในการเรียกเก็บเงินจากลูกหนี้ที่ลดลง
* อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจากร้อยละ 20.06 ในปี 2566 เป็นร้อยละ -0.94 ในปี 2567
**หมายเหตุ** : ข้อมูลทางการเงินที่นำมาใช้ในการวิเคราะห์ เป็นข้อมูลย้อนหลัง และอาจไม่สะท้อนสถานการณ์ปัจจุบัน นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้านและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจลงทุน
(0.31%)
(30.54%)
(81.97%)
(101.01%)
(82.32%)
(101.44%)
(5.92%)
(5.79%)
(24.14%)
(195.63%)
(136.85%)
(97.52%)