สรุปงบล่าสุด SMT

บริษัท สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
## สรุปผลประกอบการ SMT ปี 2567: ความท้าทาย, สภาพคล่อง และโครงสร้างเงินทุน
บริษัท สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SMT เผชิญกับความท้าทายอย่างมากในปี 2567 จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอนและปัญหาอุปสงค์ในตลาดอิเล็กทรอนิกส์ที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ส่งผลให้ลูกค้าชะลอการสั่งซื้อเพื่อระบายสินค้าคงเหลือ แม้ว่าบริษัทจะมุ่งเน้นการทำธุรกิจกับลูกค้าที่มีคุณภาพ กระจายความเสี่ยงไปยังกลุ่มธุรกิจและประเทศที่หลากหลาย รวมถึงพัฒนาสินค้าให้ทันสมัยอยู่เสมอ แต่ผลประกอบการโดยรวมยังคงได้รับผลกระทบ โดยบริษัทมีรายได้จากการขายและบริการ 2,061.44 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า และขาดทุนสุทธิ 167.69 ล้านบาท ปัจจัยหลักมาจากยอดขายที่ลดลง และการตั้งสำรองค่าเผื่อสินค้าคงเหลือล้าสมัย
แม้ผลประกอบการปี 2567 จะไม่เป็นที่น่าพอใจ แต่ SMT ยังคงเดินหน้าตามแผนธุรกิจที่วางไว้ โดยมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ลดต้นทุน และขยายฐานลูกค้าไปยังตลาดใหม่ ๆ บริษัทเชื่อมั่นว่าความเชี่ยวชาญที่มีมายาวนานในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และกลยุทธ์ที่ปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ จะช่วยให้บริษัทสามารถกลับมาเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการเปิดเผยเป้าหมายรายได้หรือยอดขายที่ชัดเจนสำหรับปีถัดไป ทำให้ยากต่อการคาดการณ์ผลประกอบการในอนาคต แม้กระนั้น SMT ยังคงรักษาสภาพคล่องที่ดี โดยมีอัตราส่วนสภาพคล่อง 2.38 เท่า แสดงถึงความสามารถในการบริหารจัดการสภาพคล่องที่มีประสิทธิภาพและครอบคลุมหนี้สินระยะสั้นได้
การพิจารณาว่า SMT เป็นโอกาสในการลงทุนหรือไม่นั้น ต้องพิจารณาปัจจัยหลายด้านประกอบกัน แม้ว่าราคาหุ้นเฉลี่ยในช่วงไตรมาส 4/2567 จะอยู่ที่ 1.77 บาท ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตมาก และ P/BV ratio จะอยู่ที่ 0.53 เท่า ซึ่งบ่งชี้ว่าราคาหุ้นอาจต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี แต่การที่บริษัทขาดทุนสุทธิในปี 2567 และมี P/E ratio ติดลบ (-100) สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงในการลงทุนที่ค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตาม Yield ที่ 5.83% อาจดึงดูดนักลงทุนที่ต้องการกระแสเงินสดจากเงินปันผล แต่ต้องพิจารณาถึงความสม่ำเสมอในการจ่ายเงินปันผลในอนาคตด้วย นอกจากนี้ โครงสร้างเงินทุนของบริษัทยังคงแข็งแรง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 0.33 ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 0.15 ในปี 2566
* **โอกาส:**
* การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่เพิ่มขึ้น
* การขยายตลาดไปยังกลุ่มผลิตภัณฑ์และภูมิภาคใหม่ ๆ
* การปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิตและลดต้นทุน
* **ความเสี่ยง:**
* ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอนและความผันผวนของค่าเงิน
* การแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์
* ความเสี่ยงด้านซัพพลายเชนและการขาดแคลนวัตถุดิบ
**ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับการวิเคราะห์:**
* **รายได้:** ลดลงจาก 2,917.33 ล้านบาทในปี 2565 เป็น 2,647.22 ล้านบาทในปี 2566 และ 2,140.42 ล้านบาทในปี 2567
* **กำไรสุทธิ:** จากกำไร 303.52 ล้านบาทในปี 2565 และ 235.35 ล้านบาทในปี 2566 เป็นขาดทุน 164.46 ล้านบาทในปี 2567
* **อัตรากำไรขั้นต้น:** ลดลงจาก 19.25% ในปี 2566 เหลือ 2.96% ในปี 2567 เนื่องจากการสำรองค่าเผื่อสินค้าคงเหลือล้าสมัย
* **อัตรากำไรสุทธิ:** ติดลบในปี 2567
* **D/E:** เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 0.15 ในปี 2566 เป็น 0.33 ในปี 2567
* **สภาพคล่อง:** อัตราส่วนสภาพคล่อง 2.38 เท่า สะท้อนถึงสภาพคล่องที่ดี
* **วงจรเงินสด:** ลดลงเล็กน้อยจาก 106.15 วันในปี 2566 เป็น 104.20 วันในปี 2567
* **พัฒนาการสำคัญ:** บริษัทพยายามปรับตัวโดยการลดค่าใช้จ่ายและขยายตลาด
* **อนาคตการลงทุน:** ขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของผลประกอบการ ความสามารถในการปรับตัวของบริษัท และการรักษาสภาพคล่องที่ดี
**ข้อควรพิจารณา:** นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมอย่างละเอียด และพิจารณาความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ก่อนตัดสินใจลงทุนในหุ้น SMT
(21.92%)
(13.00%)
(131.36%)
(98.99%)
(127.59%)
(99.06%)
(16.82%)
(6.18%)
(34.42%)
(784.71%)
(1,302.63%)
(39.34%)