SMPC
บริษัท สหมิตรถังแก๊ส จำกัด (มหาชน)

สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567

สรุป OPPDAY

SMPC เติบโตอย่างยั่งยืน: สรุปผลประกอบการปี 2567 และทิศทางอนาคต

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):

  • บริษัท สหามิตร ถังแก๊ส จำกัด (มหาชน) หรือ SMPC เป็นผู้ผลิตถังแก๊สทนแรงดันต่ำ (LPG) รายใหญ่

  • ส่งออกไปยังกว่า 125 ประเทศทั่วโลก

  • ปี 2567 มียอดขายเติบโต 20%

  • อัตราการใช้กำลังการผลิต 64%

  • ปริมาณขาย 6.4 ล้านใบ

  • บริษัทมีฐานการผลิตและสำนักงานใหญ่อยู่ที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร

โครงการ CSR ของบริษัทร่วมกับผู้ผลิตหุ่นยนต์ดินสอ มอบหุ่นยนต์ดินสอให้กับโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศไทย ในปี 2567 มอบให้กับ 6 โรงพยาบาล

  • โรงพยาบาลราชพิพัฒน์
  • โรงพยาบาลหลวงพ่อทวีศักดิ์
  • โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์
  • โรงพยาบาลกลาง
  • โรงพยาบาลสิรินธร
  • โรงพยาบาลมะเร็งลำปาง

บริษัทได้รับการรับรองและรางวัลต่างๆ ในปี 2567

  • Excellent AGM Checklist 5 ดาว จาก Thai Investors Association
  • CG Score 5 สำหรับบริษัทจดทะเบียน ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5
  • Set ESG Rating ระดับ AA
  • เข้าร่วม Coalition Against Corruption (CAC) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3

บริษัทเข้าร่วมงาน International Exhibition 6 งานในปี 2567

  • บราซิล
  • โมซัมบิก
  • เซเนกัล
  • ซาอุดีอาระเบีย
  • เวียดนาม
  • แอฟริกาใต้

ในปี 2568 มีแผนเข้าร่วมงาน International Exhibition อีก 6 งาน ได้แก่ ไนจีเรีย, โปแลนด์, แคเมอรูน, บราซิล, คาซัคสถาน, และโอมาน

บริษัทมีแผนกลยุทธ์ 5 Megatrends เพื่อพัฒนาบริษัทไปสู่ความยั่งยืน

  • Human Development: พัฒนาบุคลากร
  • Digital Transformation: พัฒนากระบวนการทางดิจิทัล
  • Environment: พัฒนากระบวนการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • Automation: นำกระบวนการอัตโนมัติมาใช้
  • Innovation: พัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์และธุรกิจ

ผลิตภัณฑ์ของบริษัทแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก

  • ถังแก๊ส LPG ใช้ในครัวเรือน (Household LPG) ขนาด 0.45 - 300 กิโลกรัม
  • ถังแก๊ส LPG สำหรับรถยนต์ (Auto LPG)
  • ถังแก๊สอื่นๆ เช่น ถังลม, ถังสารเคมี, ถัง Forklift

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):

Global Production LPG เติบโต 4% โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาที่เติบโตถึง 7.7% และในทวีปอเมริกาใต้เติบโต 6% ปริมาณการผลิต LPG ทั่วโลกถึง 359 ล้านตัน ในปี 2566 การบริโภคยังคงเติบโตในอัตราที่เท่ากันคือ 4% ในทวีปเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะในอินเดียและจีน การใช้ LPG ในครัวเรือนมีถึง 156 ล้านตัน และ Autogas ก็ยังคงเติบโต 5.56%

เอเชียแปซิฟิกยังคงมีการใช้และการเติบโตที่ดีในอนาคต ยุโรป, ยูเรเชีย, และแอฟริกาก็ยังคงมีการเติบโตที่เห็นได้ชัด

อเมริกาเหนือและอเมริกาใต้มีการเข้าถึง LPG ในระดับ 70-100% ส่วนแอฟริกาและเอเชียยังมีการเข้าถึงที่ไม่สูงนัก แต่มีแนวโน้มที่จะเติบโตต่อไปได้

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):

สถานการณ์ขนส่งที่มีอัตราค่าขนส่งปรับตัวสูงขึ้นในช่วงไตรมาส 2-3 อาจทำให้ยอดขายชะลอลงเล็กน้อย

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):

การปรับตัวตามสถานการณ์ค่าขนส่ง: เมื่ออัตราค่าขนส่งเริ่มปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 4 ลูกค้าเริ่มกลับมาสั่งซื้อสินค้า

การกระจายยอดขายไปยังภูมิภาคต่างๆ: เพื่อรักษายอดขายให้สม่ำเสมอในแต่ละไตรมาส บริษัทกระจายยอดขายไปยังภูมิภาคต่างๆ ที่มีความต้องการแตกต่างกัน

เน้นผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรดี: บริษัทเน้นยอดขายไปที่กลุ่ม After Tank กับถัง 3 ส่วน เพื่อทำอัตรากำไรที่ดี

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):

บริษัทตั้งเป้าที่จะเพิ่มยอดขายเป็น 7.7 ล้านใบในปี 2568 เติบโต 20% ตลาดหลักยังคงเป็นอเมริกาเหนือและแอฟริกา บริษัทพิจารณาหากลยุทธ์ที่จะไปบุกตลาดต่างๆ ให้มีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการบุกตลาดใหญ่และตลาดพิเศษที่มีผู้ผลิตน้อยราย

บริษัทยังคงเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องจักรอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ต้นทุนสามารถแข่งขันได้ โดยเฉพาะในส่วนของงานประมูลในกลุ่ม Middle East และถังในประเทศ

บริษัทจะดำเนินตามแผน 5 Mega Trends และใช้ข้อมูล Consumption ทั้งหลาย เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเติบโตในปี 2568

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session):

[เริ่ม Q&A Session ที่นาที 26:09]
  • ผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้า (Tariff) จากสหรัฐฯ:
    • คำถาม: หากไทยโดน Tariff จากสหรัฐฯ คาดว่าผลกระทบต่อ earning per share ปีนี้จะเป็นอย่างไร และมีกลยุทธ์ในการบรรเทาผลกระทบอย่างไร?

    • คำตอบ: ตั้งแต่สมัยประธานาธิบดีทรัมป์ บริษัทก็โดนเรื่อง Antidumping มาแล้ว ซึ่งค่อนข้างเป็นผลบวก เพราะจีนได้รับผลกระทบมากกว่า ทำให้ลูกค้าหันมาซื้อที่ไทยมากขึ้น แม้จะต้องจ่าย Antidumping 13% ในรอบนี้ Tariff ค่อนข้างสูง แต่กระทบทุกประเทศที่นำเข้า ทำให้มีแต้มต่อที่เท่ากัน อาจมีผลกระทบบ้าง แต่บริษัทเชื่อว่าจะสามารถเจรจากับลูกค้า และส่งสินค้าในสต็อกให้ถึงก่อนวันที่มีการเริ่ม Tariff รวมถึงมองหาโอกาสไปยังตลาดอื่นๆ เช่น แอฟริกา อเมริกาใต้ หรือแคนาดา และยังคงประสานกับกระทรวงพาณิชย์เพื่อหาทางบรรเทาเหตุตรงนี้

  • Exposure ต่อค่าเงิน:
    • คำถาม: อยากทราบ Exposure ต่อค่าเงิน ว่าเป็นสกุลหลักอะไร การแข็งค่าเงินบาทในช่วงที่ผ่านมามีผลต่อยอดขายบ้างไหม?

    • คำตอบ: สกุลเงินหลักที่บริษัทใช้คือ US Dollar (75-85%) และ Euro (10-15%) การแข็งค่าของเงินบาทมีผลต่อ Margin ประมาณ 1.5-2% ต่อการแข็งค่า 1 บาท

  • กลยุทธ์ทิศทางการเติบโตธุรกิจปี 2568:

    บริษัทจะกระจายการเข้าถึงสินค้า และกลับเข้าไปเจาะตลาดที่ยังไม่เติบโตเต็มที่เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจ การเงิน และค่าเงินในหลายประเทศ นอกจากนี้ จะมองหาตลาดใหม่ๆ ในเอเชียกลาง ตะวันออกกลาง Central ยุโรป และทวีปอเมริกาใต้ รวมถึงเน้นการเติบโตในตลาดเดิม โดยหาพันธมิตรในประเทศเหล่านั้นเพิ่มขึ้น

  • การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต:

    บริษัทดำเนินงานเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีลายการผลิตที่แยกเป็นสัดส่วนชัดเจนมากขึ้น เพื่อรองรับผลิตภัณฑ์หลากหลายมากขึ้นในเวลาเดียวกัน รวมถึงนำกระบวนการอัตโนมัติมาใช้ในการผลิตมากขึ้น

  • ปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อผลการดำเนินงานในปีนี้:

    ปัจจัยเสี่ยงคือสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น Policy ของประธานาธิบดีทรัมป์ รวมถึงการแข่งขันทางการค้า การเข้าถึงตลาด และค่าเงิน บริษัทพยายาม Monitor และบริหารจัดการตรงนี้

  • กลยุทธ์การสร้างแบรนด์:

    บริษัทสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าในระยะยาว สร้างความไว้ วางใจ และเน้นย้ำเรื่องคุณภาพ รวมถึงให้บริการที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้

  • ส่วนแบ่งตลาดในตลาดโลก:

    เนื่องจากข้อมูลไม่ชัดเจนทั่วโลก บริษัทขออนุญาตไม่ตอบ แต่คาดว่าอยู่ใน Range ไม่เกิน 20% บริษัทเป็นผู้เล่นรายสำคัญ แต่ไม่ใช่รายใหญ่ที่ Dominate ตลาด

  • โอกาสในการขยายตลาดในประเทศ:

    บริษัทคาดหวังที่จะพัฒนาตลาดในประเทศร่วมกับลูกค้า และมองหาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ที่จะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในประเทศได้ในอนาคต

โดยสรุป SMPC ยังคงมุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างยั่งยืน โดยการปรับตัวตามสถานการณ์, กระจายความเสี่ยง, พัฒนาประสิทธิภาพ, และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า