สรุป OPPDAY หุ้น SICT
Oppday
สรุป OPPDAY
SICT Oppday Q3/2568: เจาะลึกผลประกอบการ โอกาส และอนาคตของ Silicon Craft
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)
ยอดขายรวมในไตรมาส 3/2568 อยู่ที่ 159.8 ล้านบาท ลดลง 19% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (Q on Q) แต่เพิ่มขึ้น 23.9% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว (Year on Year)
- รายได้ในรูป USD อยู่ที่ 4.96 ล้านเหรียญ ลดลง 6.5% Q on Q แต่เพิ่มขึ้น 32.4% Y on Y
- การเพิ่มขึ้น Y on Y มาจากการฟื้นตัวของยอดขาย Industrial IoT และการเติบโตของ Animal ID
- การลดลง Q on Q เป็นผลมาจากการขาย Animal ID จำนวนมากในไตรมาส 2
- ยอดขายรวม 9 เดือนอยู่ที่ 551.5 ล้านบาท คิดเป็น 80% ของยอดขายปีที่แล้วทั้งปี
Gross Profit Margin ในไตรมาส 3/2568 อยู่ที่ 47% ปรับเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับทั้ง Q on Q และ Y on Y
- Gross Profit Margin 9 เดือนอยู่ที่ 45%
- สาเหตุหลักมาจากการเปลี่ยนแปลง Product Mix โดย Animal ID ที่มี GP ต่ำกว่ามีสัดส่วนการขายลดลง
- การออกผลิตภัณฑ์ใหม่และการทำ Cost Reduction Program ก็มีส่วนช่วย
Net Profit ในไตรมาส 3/2568 อยู่ที่ 12.5 ล้านบาท ลดลง 60.9% Q on Q แต่เพิ่มขึ้น 1,811% Y on Y
- การเพิ่มขึ้น Y on Y มาจาก Revenue ที่เพิ่มขึ้น, GP ที่ปรับขึ้น, และ Loss on FX ที่น้อยลง
- การลดลง Q on Q มาจากยอดขายที่ลดลง, การรับรู้ Impairment Loss 9 ล้านบาท, และค่าใช้จ่าย R&D ที่เพิ่มขึ้น
- Net Profit รวม 9 เดือนอยู่ที่ 78.6 ล้านบาท
ค่าใช้จ่ายในการบริหาร (SG&A) ในไตรมาส 3/2568 อยู่ที่ 63 ล้านบาท แบ่งเป็น Distribution Cost 7.9 ล้านบาท และ Admin Expense 51.1 ล้านบาท
- Admin Expense ส่วนใหญ่มาจาก Research Expense ซึ่งอยู่ที่ 17.1 ล้านบาท
- FX Loss อยู่ที่ 1.1 ล้านบาท
- Impairment ของ Intangible อยู่ที่ 9.3 ล้านบาท
- Other Admin Expense อยู่ที่ 27.6 ล้านบาท
- Net Profit Margin ในไตรมาสนี้อยู่ที่ 8%
สำหรับงวด 9 เดือน รายได้รวมอยู่ที่ 551.5 ล้านบาท มี Gross Profit 245.9 ล้านบาท (Gross Profit Margin 45%)
- SG&A แบ่งเป็น Distribution Cost 20.4 ล้านบาท และ Admin Expense 147.3 ล้านบาท
- Research Expense อยู่ที่ 46.9 ล้านบาท
- FX Loss 6.7 ล้านบาท
- Impairment 11.1 ล้านบาท
- Other Admin Expense 82.6 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจาก Staff Cost ที่เพิ่มขึ้น
- Net Profit Margin 9 เดือนอยู่ที่ 14%
สินทรัพย์รวม ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 อยู่ที่ 914 ล้านบาท โดยหลักมาจาก Cash and Cash Equivalent ที่เพิ่มขึ้นจาก 62.5 ล้านบาท เป็น 132.3 ล้านบาท
- ลูกหนี้การค้าและลูกหนี้อื่นเพิ่มขึ้นเป็น 67.2 ล้านบาท
- Inventory ลดลงเป็น 383.6 ล้านบาท
- Intangible Asset เพิ่มขึ้นเป็น 222.3 ล้านบาท
- Other Asset 108.4 ล้านบาท
หนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น:
- Short-Term Loan ที่กู้ยืมจากสถาบันการเงิน 100 ล้านบาท ได้เคลียร์หมดแล้ว
- เจ้าหนี้การค้าเพิ่มขึ้นเป็น 61.7 ล้านบาท
- เงินรับล่วงหน้าจากลูกค้าลดลงจาก 37.7 ล้านบาท เป็น 25.7 ล้านบาท
- Other Liability เพิ่มขึ้นจาก 38 ล้านบาท เป็น 49.4 ล้านบาท
- กำไรสะสมเพิ่มขึ้นจาก 402.4 ล้านบาท เป็น 440.6 ล้านบาท
อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ:
- D/E Ratio ลดลงอย่างต่อเนื่องอยู่ที่ 0.18 เท่า
- ROA อยู่ที่ 9.44% และ ROE อยู่ที่ 11.95% ปรับดีขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา
- Inventory Turnover ปรับดีขึ้นเป็น 2.09 เท่า
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)
Animal ID:
- รายได้ในไตรมาส 3/2568 อยู่ที่ 92.4 ล้านบาท ลดลง Q on Q แต่เติบโตขึ้น 15% Y on Y
- 9 เดือนทำรายได้ 362.3 ล้านบาท เติบโต 14% Y on Y
- การบังคับใช้กฎหมาย (Law Enforcement) ในหลายประเทศ เช่น ออสเตรเลีย, US, อาร์เจนตินา, และบราซิล เป็นปัจจัยสนับสนุนหลัก
- ผลิตภัณฑ์ใหม่ SIC7150 เริ่มมีรายได้เข้ามาบ้างแล้ว
- ยังคงเป็น Main Driver สำหรับ Revenue Growth
Automotive (Immobilizer):
- ในไตรมาส 3/2568 เห็นสัญญาณการปรับตัวดีขึ้น ทำได้ 9.8 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้น 21%
- แต่ Y on Y ลดลง 45% และ 9 เดือนทำได้ 36.4 ล้านบาท ลดลง 38%
- ULTX Product ใหม่ยังคงเป็นสัดส่วนหลัก (ครึ่งหนึ่ง) ของรายได้ในกลุ่มนี้
Industrial IoT:
- ในไตรมาส 3/2568 ทำได้ 57.5 ล้านบาท ดีขึ้น 3% Q on Q และเติบโตขึ้น 87% Y on Y
- 9 เดือนอยู่ที่ 150.4 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 6%
- รายได้ส่วนหนึ่งมาจากผลิตภัณฑ์ใหม่ 73F1
- มีผลิตภัณฑ์ใหม่ใน Pipeline ที่จะ Launch
NFC:
- ไตรมาส 3/2568 ทำได้ 0.12 ล้านบาท
- 9 เดือนทำได้ 2.35 ล้านบาท ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
- เติบโตมาจาก Base ของ Customer Project เป็นหลัก
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)
- ระดับ Inventory ที่สูงในตลาด Analog Mix Signal ทั่วโลก
- ความไม่แน่นอนจาก Tariff ต่างๆ และ Geopolitical
- Supply Demand Level ในส่วนของ Analog Mix Signal เอง ยังมี Inventory Level ค่อนข้างจะสูงอยู่
- ความต้องการ Talent หรือคนที่มา Design Chip
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)
- มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มี Margin ที่ดีกว่าเดิม
- การทำ Cost Reduction Program ภายในบริษัท
- การลงทุนใน R&D อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้าง IP ใหม่ๆ และเทคโนโลยีใหม่ๆ
- การใช้เทคโนโลยีในการลดต้นทุน
- การทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าในการจัดการ Process เพื่อลดผลกระทบจาก Tariff
- การขยายตลาดไปยังทวีปใหม่และ Application ใหม่ๆ สำหรับ Immobilizer
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)
- คาดการณ์การเติบโตของ Semiconductor Sector ทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง โดยมี Chip AI และ Data Center เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก
- มุ่งเน้นการเติบโตใน 4 กลุ่ม Application หลัก: Factory Automation, Energy Management, Agricultural, และ Medical
- คาดว่าจะมีการ Ramp Up ของผลิตภัณฑ์ใหม่ในปีหน้า
- ตั้งเป้าที่จะมี Application มากขึ้นกว่า 4 Application ในปัจจุบัน และเน้นการเติบโตของ NFC Sensor
- คาดว่าจะปิด GPM ได้ดีกว่าปีที่แล้ว
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [นาทีที่ 46:05]
R&D Pipeline
- คำถาม: R&D Pipeline ปีนี้ถึงประมาณ 2 ปีข้างหน้ามีโครงการใดที่มีโอกาสสูงสุดในการ Commercialize และประเมินรายได้จากสินค้าใหม่ในสัดส่วนประมาณเท่าไหร่ในอีกประมาณ 3 ปี?
- คำตอบ:
- Animal ID: โอกาส Commercialize สูงสุด (7150, SIC379) + ปีหน้าอีก 2-3 โปรเจค
- New Product: ทุกตัวตั้งใจออกขายให้ได้หมด
- เน้นการสร้าง Revenue Stream ใหม่ ๆ + เพิ่มเติมจากเดิม
Co-development Projects
- คำถาม: บริษัทกำลังทำ R&D แบบร่วมกับลูกค้า (Co-Development) อยู่ประมาณกี่โครงการ และมีโอกาสเกิดเป็นยอดขายจริงได้ในอนาคตแค่ไหน?
- คำตอบ:
- 3-4 โปรเจคที่ทำกับลูกค้า
- มี Revenue ถัดไปข้างหน้าจากการจ้าง Design (Chip/Feature) + ผลิต (Design บางส่วน)
- หลายโปรเจคเสร็จแล้ว + เกิด Recurring Income
การวัดผลสำเร็จโครงการ R&D
- คำถาม: บริษัทมีการวัดความสำเร็จของโครงการวิจัยและพัฒนาอย่างไร?
- คำตอบ:
- Factibility Study (คุณโกวิท + CFO)
- Product Road Map, Feature Road Map, IP Road Map
- ค่าแรง, แรงงาน, Investment, จำนวนปี Release, ราคาขาย, กำไร
- KPI: ขายได้ตรงตามหมุด (Goal) ที่ปักไว้
- Chip ใช้เวลาเป็นปี (1-5 ปี) แล้วแต่ความยาก
- Gate ต่างๆ ของ Development -> Recap / Activate / Review Business Case
- ตั้งเป้าหมายใหม่ๆ, Target ลูกค้า, ฯลฯ
- การจัดการ (Management) เป็น Process ภายใน
คำถาม/คำแนะนำถึงนักลงทุน
- คำถาม: ให้ ดร.ฝากอะไรถึง Investor หรือผู้ที่ติดตาม SICT มาตลอด
- คำตอบ:
- SICT ตั้งเป้าเป็นบริษัทที่เติบโตมั่นคง
- Product ต้องมี Competitiveness / แผนธุรกิจเหมาะสม
- การลงทุน R&D = ลงทุนเพื่ออนาคต + Sustainable Growth
- Net Profit -> ลงทุนทำ Chip ใหม่ / IP ใหม่ -> Application ใหม่ / Technology ใหม่
- ลงทุน Chip ก้อนนึง -> 1-2 ล้านเหรียญ
- เน้น IP -> แข่งขันได้จริง (จด IP คุ้มครอง Product + ขาย + แข่งขัน)
- ลงทุน Technology ลดต้นทุน -> Product ใหม่ (Non-RFID) -> Immobilizer Tech ใหม่
- คาด 2-3 ปี จะมี Stream ใหม่ๆ -> 6 Application -> เติบโตยั่งยืน
ชื่อหัวข้อที่ถามและคำตอบที่ผู้บริหารตอบในคลิป
- R&D Pipeline (นาทีที่ 46:05)
- Co-development Projects (นาทีที่ 47:26)
- การวัดผลสำเร็จโครงการ R&D (นาทีที่ 48:05)
- คำถาม/คำแนะนำถึงนักลงทุน (นาทีที่ 50:50)
โดยสรุป, Silicon Craft กำลังเผชิญกับความท้าทายจากสภาวะตลาดที่ไม่แน่นอน แต่ก็มีโอกาสในการเติบโตจากผลิตภัณฑ์ใหม่และการขยายตลาด บริษัทกำลังลงทุนใน R&D อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต