สรุป OPPDAY หุ้น SFT

บริษัท ชริ้งเฟล็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุป OPPDAY
สรุป Oppday ชิงเฟด: ปี 2024 เติบโตต่อเนื่อง, เน้น SME, และก้าวสู่ Green Packaging
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)
รายได้ของบริษัทมีการเติบโตขึ้น 6.4% จากปีที่ผ่านมา แต่ Net Profit ลดลงเนื่องจากการขยายโรงงาน, การลงทุนในเครื่องจักร, และการเพิ่มบุคลากร
- ปัจจัยบวก: การเติบโตของรายได้จากการขาย
- ปัจจัยลบ: ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุน
มีการออกงานแสดงสินค้า Cosmex 2024 เพื่อขยายฐานลูกค้าในกลุ่มเวชสำอางและเครื่องสำอาง
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)
บริษัทมองเห็นโอกาสในการเติบโตในตลาด Green Packaging และกำลังโฟกัสที่กลุ่มลูกค้า SME
- ตลาด Green Packaging: มีแนวโน้มเติบโตสูง, บริษัทนำเสนอ Application และ Film ที่หลากหลาย
- กลุ่มลูกค้า SME: มีการเติบโตต่อเนื่องและมีสัดส่วนใน GDP ประเทศไทยสูงถึง 35%
การติดตั้งระบบการพิมพ์ใหม่ Flexo คาดว่าจะนำเสนอให้ลูกค้าและ Commercial Run ได้ในไตรมาสหน้า
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)
ความเสี่ยงหลักคือภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ชะลอตัว ซึ่งส่งผลกระทบต่อยอดขายในบางกลุ่มสินค้า
- ผลกระทบ: ยอดขายในกลุ่ม Beverage ลดลงเล็กน้อย
- ความเป็นไปได้: ภาวะเศรษฐกิจยังคงผันผวน
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)
บริษัทมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต, การลดต้นทุน, และการขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่
- แผนการดำเนินการ: เพิ่มกำลังการผลิต, ลด Setup Time, และจัดหา Material ที่มีคุณภาพสูง
- กลยุทธ์: นำเสนอ Solution ที่ตอบโจทย์ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)
บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ 1,000 ล้านบาท++ ในปีนี้ โดยเน้นการเพิ่ม Efficiency, การนำเสนอสินค้า Premium, และการลงทุนในระบบการพิมพ์ใหม่
- เป้าหมายระยะยาว: เป็นผู้นำในตลาดฟิล์มหดรัดรูปและบรรจุภัณฑ์อ่อน
- วิสัยทัศน์: การเติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคง
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [เริ่ม Q&A นาทีที่ 47:16]
- Outlook ปี 2025 และไตรมาส 1
- แผนการจัดหาลูกค้า Flexo และกลุ่มเป้าหมาย SME
- กลุ่มลูกค้าเครื่องสำอางเลือกบรรจุภัณฑ์ประเภทไหน
- แนวโน้มต้นทุนวัตถุดิบปีนี้
- Challenge สำคัญสำหรับการตั้งเป้า 1,000 ล้าน หากลงทุนจบแล้ว
- ROIC ของการลงทุน
Outlook ปี 2025 และไตรมาส 1
KPI ของบริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 10% ในปี 2025 และ 2026
Utilization ของกำลังการผลิตยังมีเหลืออยู่ไม่ต่ำกว่า 30% สามารถทำให้เติบโตได้
Q1 จะเติบโตตามเปอร์เซ็นต์ที่วางไว้ เทียบกับปีที่แล้วแน่นอน
แผนการจัดหาลูกค้า Flexo และกลุ่มเป้าหมาย SME
SME เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดและยังไม่มีใครเข้าไปทำ
บริษัทจะช่วยให้ SME เติบโตและแข่งขันได้
บริษัทมี Roadmap ที่จะ Roadshow ที่ต่างจังหวัด (6 จังหวัดในปีนี้)
ลูกค้าของบริษัทบางส่วนรับ OEM สำหรับ SME อยู่แล้ว
จะ Shift order จาก Gravure ไป Flexo ทำให้ Gravure มีกำลังการผลิตมากขึ้น
SME จะมาจาก 2 ฝั่ง: ลูกค้าที่รับ OEM อยู่แล้ว และตลาดใหม่ที่ Roadshow
กลุ่มลูกค้าเครื่องสำอางเลือกบรรจุภัณฑ์ประเภทไหน
มีทั้งกระดาษ, กล่อง, ขวดแก้ว, ขวดพลาสติก, โลหะ แต่ Cosmetic จะหันไปใช้ Packaging ที่เบาขึ้นและพกพาง่าย
บริษัทจะเน้น Segment ของ Pouches ใส่จุก พกพาง่าย
ตอบโจทย์ลูกค้าที่ใช้ Volume เยอะ, กลาง, น้อย และพกพาได้
แนวโน้มต้นทุนวัตถุดิบปีนี้
วัตถุดิบพลาสติกผลิตจากน้ำมันดิบและแก๊สธรรมชาติ
อเมริกาจะควบคุมเรื่องน้ำมันไม่ให้สูง (ควบคุมเงินเฟ้อ) ราคาน้ำมันประมาณ 60-70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
Green Energy มาแทนที่มากขึ้น ถ้าน้ำมันไม่แพง Plastic ก็ต้องถูกลง
Demand ต้องมี ถ้า Demand ไม่มีราคาก็ต้องถูก
ราคา Plastic สามารถต่อรองได้ ไม่เห็นแนวโน้มราคา Plastic พุ่งเหมือนอดีต
Challenge สำคัญสำหรับการตั้งเป้า 1,000 ล้าน หากลงทุนจบแล้ว
2022-2025 ลงทุนไป 300 กว่าล้าน
2025-2026 ต้องทำ Economy of Scale ให้ Maximize ของเครื่องจักรและยอดขาย ให้ Return สูงสุด
ทำยอดขายให้ถึงเป้า กำไรก็จะกลับมาเห็น
เปลี่ยน Product ให้ Premium มากขึ้น หรือ Green Packaging มากขึ้น
ตลาดล่างต้องไปปล่อยทิ้งแล้วต้องไปหาตลาดกลุ่มใหม่ หรือ Premium ใหม่มาแทนที่
ตั้งใจทำให้มันถึงเป้าหมาย
มองอนาคต 2027 จะ Position ตัวเองตรงไหน จะขยายตลาดกลุ่มไหน
ถ้าเห็นโอกาสตรงไหนต้องไป Shift ไปทางด้านตลาดมากกว่า
ROIC ของการลงทุน
ขอให้ส่งอีเมลมาเพื่อตอบเรื่องนี้ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
สรุป: บริษัท ชิงเฟด ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) มีเป้าหมายที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2024 โดยเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต, การลดต้นทุน, การขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้า SME, และการลงทุนใน Green Packaging เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดและสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ