SCCC
บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน)

สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 2 ปี 2567

สรุปสั้น

ครึ่งปีแรก บริษัทปูนซีเมนต์นครหลวงมีรายได้จากการขายสุทธิ 22,328 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 11.9% กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้น 36% เป็น 3,405 ล้านบาท และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 44% เป็น 2,414 ล้านบาท การเพิ่มขึ้นนี้เป็นผลจากการลดลงของต้นทุนพลังงานและประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ดีขึ้น รวมถึงการขายปูนซีเมนต์ที่เพิ่มขึ้นในเวียดนามและศรีลังกา

ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของกำไร ได้แก่ ต้นทุนถ่านหินที่ลดลง ประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ดีขึ้นในประเทศไทย และการปรับโครงสร้างอย่างต่อเนื่อง การเพิ่มช่องทางการขายและการเจาะตลาดในเวียดนาม ส่งผลให้กำไรในเวียดนามเพิ่มขึ้นถึง 67% จากปีก่อน ขณะที่ในศรีลังกา กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคาพุ่งขึ้น 172% จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

บริษัทฯ ยังคงขยายการดำเนินงานอย่างยั่งยืน โดยมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำในไทย และลงทุนในโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในไทยและศรีลังกา เป้าหมายคือการเพิ่มสัดส่วนปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำเป็น 100% และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานเพื่อสนับสนุนการเติบโตในอนาคต


ผู้เขียน อจน. นุ้ย

สรุปด้วย AI(O) BOT

บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ SCCC ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2567 ที่น่าประทับใจ โดยมีกําไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคา เพิ่มขึ้น 33% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้กําไรสุทธิเติบโตขึ้น 33% เช่นกัน สาเหตุหลักมาจากการปรับโครงสร้างองค์กรในประเทศไทยที่ประสบความสําเร็จ ส่งผลให้ต้นทุนโดยรวมลดลงอย่างมีนัยสําคัญ โดยเฉพาะต้นทุนถ่านหิน และประสิทธิภาพการดําเนินงานที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ความต้องการปูนซีเมนต์ในเวียดนามและศรีลังกาฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในเวียดนามที่ได้รับแรงหนุนจากโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ และการเพิ่มช่องทางการขายของบริษัทฯ

ในอนาคต บริษัทฯ มุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนยอดขายปูนอินทรีคาร์บอนตําเป็น 100% และลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยและศรีลังกา บริษัทฯ ได้ก่อตั้งบริษัทย่อยใหม่ "บริษัท อินทรี บี.กริม โซล่าร์ จํากัด" ร่วมกับกลุ่มบริษัท บี.กริม เพื่อผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 83 เมกะวัตต์ สำหรับใช้ภายในกิจการของประเทศไทยในไตรมาส 3 ปี 2568

SCCC ถือเป็นโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจ ด้วย P/E ที่อยู่ที่ 13.09 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตแสดงถึงความคาดหวังของนักลงทุนที่ไม่สูงมากนัก อัตราส่วน P/BV อยู่ที่ 1.2 ซึ่งใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยในอดีต และ YIELD ที่อยู่ที่ 5.17% ถือว่าน่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรับเงินปันผล โดย D/E อยู่ที่ระดับ 1.13 ซึ่งแสดงถึงความสามารถในการชำระหนี้ได้ดี และมีโอกาสในการกู้เงินเพื่อขยายกิจการในอนาคต โอกาสสำคัญของ SCCC คือ การเติบโตของตลาดปูนซีเมนต์ในเวียดนามและศรีลังกา รวมถึงความสามารถในการควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงที่ควรพิจารณาคือ การแข่งขันในตลาดปูนซีเมนต์ที่รุนแรง ความผันผวนของราคาพลังงาน และความเสี่ยงทางเศรษฐกิจในประเทศเวียดนามและศรีลังกา SCCC เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะยาวเพื่อรอการเติบโตของธุรกิจ และรับเงินปันผลในระดับที่น่าพอใจ

ข้อมูลเพิ่มเติม:

* **การพัฒนาอย่างยั่งยืน:** SCCC มุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืน (ESG) โดยเพิ่มอัตราการทดแทนความร้อน (TSR) และลดการใช้ปูนเม็ด ซึ่งปูนซีเมนต์ทั้งหมดที่บริษัทฯ จําหน่ายเป็นปูนซีเมนต์คาร์บอนตําตั้งแต่ปี 2563
* **ประเทศศรีลังกา:** ภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นและต้นทุนคงที่ที่ลดลงอย่างมีนัยสําคัญส่งผลให้กําไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้น 172% จากปีก่อน แม้ว่ารายได้จากการขายสุทธิจะเพิ่มขึ้นเพียง 1% ก็ตาม บริษัทฯ ได้เริ่มโครงการพลังงานแสงอาทิตย์หมุนเวียนสำหรับใช้ภายในบริษัทฯ โดยคาดว่าจะเริ่มดําเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2568
* **ประเทศบังกลาเทศ:** รายได้จากการขายสุทธิลดลง 24% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากวันหยุดยาว สภาพอากาศแปรปรวน และปัญหาพลังงานไฟฟ้าภายในประเทศ แต่บริษัทฯ ประสบความสําเร็จในการลดต้นทุนปูนเม็ด ต้นทุนวัตถุดิบ และต้นทุนการจัดจําหน่าย
* **ประเทศกัมพูชา:** กําไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดถึง 75% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากประสิทธิภาพการดําเนินงานทีเพิมขื่น โดยยอดขายทั้งหมดเป็นปูนซีเมนต์คาร์บอนตําตั้งแต่ปี 2566
* **ธุรกิจคอนกรีต หิน และทราย:** ธุรกิจนี้ได้รับผลประโยชน์เชิงบวกจากนักธุรกิจจีนทีเข้ามาลงทุนมากขึ้น ทำให้กําไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคาเพิมขื้น 48% จากปีก่อน
* **ธุรกิจบริการกําจัดของเสียและบริการภาคอุตสาหกรรม:** รายได้จากการขายสุทธิเพิ่มขื้น 10% จากไตรมาสก่อนและ 34% จากปีก่อน เนื่องจากปริมาณขายและราคาขายในธุรกิจบริการกําจัดของเสียเพิ่มขืน
* **ธุรกิจวัสดุก่อสร้าง:** บริษัทฯ สามารถบริหารจัดการต้นทุนและทํากําไรเพิ่มขึ้นจากปีก่อนอย่างมีนัยสําคัญ โดยกําไรก่อนดอกเบีย ภาษีและค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้น 29% จากปีก่อน
* **ข้อมูลทางการเงิน:** SCCC มีสินทรัพย์รวม 72,918 ล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส 2/2567 มีหนี้สินรวม 38,325 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 34,503 ล้านบาท โดยมีเงินกู้รวม 25,096 ล้านบาท

**สรุป**: SCCC เป็นบริษัทที่มีความแข็งแกร่งทางการเงิน มีแนวโน้มการเติบโตในอนาคต และมุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืน เหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่ต้องการรับเงินปันผลและรอการเติบโตของธุรกิจ


รายได้รวม
9,962.76 ล้านบาท
254.32ล้านบาท
(2.49%)
ไตรมาสก่อนหน้า
1,293.40ล้านบาท
(11.49%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
กำไรขั้นต้น
2,687.60 ล้านบาท
206.85ล้านบาท
(7.15%)
ไตรมาสก่อนหน้า
28.10ล้านบาท
(1.06%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
อัตรากำไรขั้นต้น(%)
26.98 ล้านบาท
1.35ล้านบาท
(4.77%)
ไตรมาสก่อนหน้า
3.35ล้านบาท
(14.18%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
ค่าใช้จ่ายรวม
1,610.60 ล้านบาท
74.65ล้านบาท
(4.43%)
ไตรมาสก่อนหน้า
638.09ล้านบาท
(28.38%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
อัตราค่าใช้จ่าย(%)
16.17 %
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
กำไรสุทธิ
873.89 ล้านบาท
287.23ล้านบาท
(24.74%)
ไตรมาสก่อนหน้า
218.09ล้านบาท
(33.26%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
อัตรากำไรสุทธิ(%)
8.77 %
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
กระแสเงินสด
1,824.65 ล้านบาท
687.08ล้านบาท
(27.35%)
ไตรมาสก่อนหน้า
2,166.81ล้านบาท
(633.27%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล