สรุปงบล่าสุด SCCC
บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 3 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ SCCC มีผลประกอบการในไตรมาส 3/2567 ที่แข็งแกร่ง โดยมีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้น 15% และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 79% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับแรงหนุนจากการลดต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะต้นทุนถ่านหินและต้นทุนไฟฟ้าที่ลดลง รวมถึงการพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงาน และผลการดำเนินงานในเวียดนามและศรีลังกาที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
แผนธุรกิจในอนาคตของ SCCC เน้นการพัฒนาความยั่งยืน (ESG) ด้วยการเพิ่มสัดส่วนยอดขายปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำ และการลงทุนในพลังงานแสงอาทิตย์ โดยบริษัทฯ ได้จัดพิธีเปิดหน้าดินและเริ่มการก่อสร้างโครงการพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาและบนพื้นดินในประเทศไทยในไตรมาสนี้ โดยมีเป้าหมายให้การก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนเมษายน 2568 พร้อมเริ่มผลิตไฟฟ้า 83 เมกะวัตต์ เพื่อใช้ในกิจการของกลุ่มบริษัทฯ ในเดือนกันยายน 2568 นอกจากนี้ SCCC ยังคงเดินหน้าโครงการ "611+" ในทุกส่วนงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มรายได้และพัฒนาประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
SCCC มองแนวโน้มตลาดในประเทศไทยมีการเติบโตปานกลาง โดยมีโครงการการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก อาทิ โครงการเครือข่ายการขนส่ง โครงการระบบขนส่งมวลชน และโครงการขยายถนน ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มความต้องการในตลาด ด้านภาคพาณิชย์และอุตสาหกรรมก็มีสัญญาณเชิงบวก เน้นไปที่พื้นที่ชายฝั่งตะวันออก อย่างไรก็ตาม ภาคที่อยู่อาศัยยังมีความท้าทาย เนื่องจากการใช้จ่ายภาคครัวเรือนยังคงอ่อนแอ ประกอบกับภาระหนี้สินครัวเรือนที่สูง และโครงการคงค้างมีเป็นจำนวนมาก SCCC คาดว่าตลาดปูนซีเมนต์ในเวียดนามจะมีการเติบโตปานกลางโดยเฉพาะในกลุ่มปูนซีเมนต์ผง ซึงจะได้รับแรงหนุนจากการลงทุนของภาครัฐและโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ซึงบริษัทฯ จะพยายามรักษาและเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเพื่อให้ได้รับประโยชน์จากปัจจัยเชิงบวกนี้ อย่างเต็มที่ ท่ามกลางแรงกดดันด้านราคายังคงมีอยู่ ส่วนเศรษฐกิจมหภาคของศรีลังกาปรับตัวดีขึ้น จากมาตรการสนับสนุนของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้ออำนวยมากขึ้น SCCC คาดว่าปริมาณขายจะเพิ่มมากขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทั้งในภาคค้าปลีก และภาคอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม SCCC มีมุมมองที่ระมัดระวังต่อสภาวะเศรษฐกิจของศรีลังกา เนื่องจากการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในไตรมาส 4 ปี 2567 และแรงกดดันด้านราคาจากการแข่งขันที่รุนแรง SCCC จึงได้ติดตามปัจจัยและผลกระทบต่างๆ อย่างใกล้ชิดเพื่อบรรเทาความเสี่ยง นอกจากนี้ SCCC ยังคงให้ความสำคัญกับการปรับปรุงภายในโรงงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและต้นทุนผันแปรอื่นๆ อีกด้วย
จากผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาส 3/2567 และอัตราส่วนทางการเงินย้อนหลัง สะท้อนถึงโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง P/E ล่าสุดที่อยู่ที่ 14.8 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต แสดงถึงความคาดหวังของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทฯ ไม่สูงมากนัก P/BV ล่าสุดที่อยู่ที่ 1.43 แสดงถึงความคุ้มค่าของราคาหุ้นในปัจจุบันเมื่อเทียบกับมูลค่าทางบัญชี และ YIELD ล่าสุดที่อยู่ที่ 4.27% ถือว่าเป็นอัตราผลตอบแทนที่น่าดึงดูด นอกจากนี้ SCCC ยังมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง D/E ต่ำกว่า 1 แสดงถึงความมั่นคงทางการเงิน และวงจรเงินสดที่น้อย (28.27) สะท้อนถึงประสิทธิภาพในการสร้างยอดขายและสามารถเรียกเก็บเงินสดจากลูกหนี้การค้าได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม การลงทุนใน SCCC ยังคงมีความเสี่ยงอยู่บ้าง เช่น
* ผลกระทบจากนโยบายรัฐบาลและเศรษฐกิจโลก
* การแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรม
* ความผันผวนของราคาพลังงานและวัตถุดิบ
* ปัญหาภัยธรรมชาติและสภาพอากาศ
โดยรวมแล้ว SCCC เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการถือยาวรอการเติบโตและรับเงินปันผล เพราะบริษัทฯ มีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง มีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรระยะสั้น อาจต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากราคาหุ้นของ SCCC มีความผันผวนตามสภาวะตลาดและปัจจัยอื่นๆ
(1.03%)
(4.47%)
(4.62%)
(6.79%)
(5.71%)
(11.80%)
(7.75%)
(8.40%)
(9.65%)
(79.10%)
(20.37%)
(37.58%)