SAMART
บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567

สรุป OPPDAY

โอเคครับ นี่คือสรุปเนื้อหาการประชุม Oppday ของ SAMART (SAMART Corporation) โดยเน้นประเด็นสำคัญตามโครงสร้างที่กำหนด:

SAMART พลิกฟื้นธุรกิจ ปีทองที่รอคอย

วันนี้เป็น Oppday ของบริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น (SAMART Corporation) โดยมีคุณรัตนานนท์ วิไลลักษณ์ IR ของ SAMART และคุณพัชรกิติยาวัต CFO ของ SAMART เป็นผู้ให้ข้อมูล โดย Agenda หลักคือการเล่าให้ฟังว่า SAMART ทำธุรกิจอะไรบ้าง และผลประกอบการที่ Turnaround กลับมามีกำไรเป็นอย่างไร รวมถึง Financial Ratio ต่างๆ และ Outlook ในปีนี้

  1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):

    SAMART แบ่งหน่วยงานออกเป็น 3 สายธุรกิจหลัก:

    • Digital ICT Solution (Samtel): พัฒนา Technology Solution ให้กับหน่วยงานเอกชนและภาครัฐ
    • Utility and Transportation (SAV): ได้รับสัมปทานวิทยุการบินในกัมพูชา ซึ่งเป็น Cash Cow ของเครือ SAMART
    • Digital Communication (SDC): ให้บริการ Digital Trunk Radio และ Digital Content

    รายได้รวมของปีที่แล้วลดลง 1% โดยสัดส่วนรายได้มาจาก Utility & Transportation 54%, Samtel 40.8%, และ SDC 5.1% อย่างไรก็ตาม Samtel มีรายได้เติบโตขึ้น 4.6% ในขณะที่ SDC ลดลง 72.2% หลักๆ มาจากการที่ปี 2566 มีการขายเครื่อง Trunk Radio จำนวนมาก แต่ปี 2567 ไม่มีการขายเครื่อง มีเพียงรายได้จาก Airtime เท่านั้น Utility & Transportation เติบโตขึ้น 24.2% จาก 4,300 ล้านบาท เป็น 5,400 ล้านบาท

  2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):

    SAMART มี Backlog ในเครือทั้งหมด 13,284 ล้านบาท แบ่งเป็น ICT 4,361 ล้านบาท, SDC 900 ล้านบาท, และ Utility & Transportation 8,000 ล้านบาท

    • SDC: ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนเครื่อง Trunk Radio ที่เปิดใช้งานเป็น 120,000 เครื่อง ภายในปี 2569 โดยเน้นลูกค้ากลุ่มตำรวจ, กรมทางหลวง, สาธารณสุข
    • Samtel: เน้นนำเสนอ Technology และ Innovation ให้กับภาครัฐ ภายใต้ Business Model ใหม่ที่ SAMART เป็นผู้ลงทุนเอง
    • SAV: เตรียมรับการเปิดสนามบินใหม่ในพนมเปญ ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มจำนวนผู้โดยสารและเที่ยวบิน
  3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):
    • SDC: ในอดีตเคยมีปัญหาเรื่องการส่งมอบสินค้าล่าช้าเนื่องจาก Chip Shortage และปัญหา Logistic ทำให้ต้องตั้งสำรองค่าใช้จ่าย
    • Samtel: มีความเสี่ยงจากความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาลและการอนุมัติงบประมาณ
    • SAV: ยังคงมีความเสี่ยงจากสถานการณ์การท่องเที่ยวที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
  4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):
    • SDC: ปรับกลยุทธ์เน้นรายได้ Recurring จาก Airtime แทนการขายเครื่อง
    • Samtel: นำเสนอ Business Model ใหม่ที่ SAMART เป็นผู้ลงทุนเอง เพื่อลดภาระของภาครัฐ
    • SAV: ขยายธุรกิจไปยังประเทศลาว และเพิ่มบริการใหม่ๆ เช่น FOD
  5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):
    • SAMART ตั้งเป้าปี 2567 รายได้เติบโต 30-35% และกำไรเติบโต 300-400%
    • SDC คาดว่าจะกลับมามีกำไรที่ Stable ต่อเนื่องทุกไตรมาส
    • Samtel มีโอกาสเซ็นสัญญางานใหม่เพิ่มอีก 10,000 ล้านบาท
    • SAV คาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นเป็น 1,900 ล้านบาท และกำไรเติบโตในหลัก Double Digit
  6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [01:04:04]
    • คำถาม: SAMART ไม่จ่ายปันผลเลยหรือ? และ ROE ต่ำ, PE สูงเกินไป มีแนวทางการแก้ไขอย่างไร?

      คำตอบ: ปีที่แล้ว PE อาจจะสูง แต่ปีนี้ SAMART คาดว่าจะมีกำไรเติบโต 300-400% ทำให้ PE จะต่ำลง ส่วน ROE ที่ต่ำ เป็นเพราะส่วนเกินทุนจากการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท SAV ทำให้ Equity สูงขึ้น แต่กำไรประจำปีไม่ได้สูงตาม

      ปีนี้งดจ่ายปันผลก่อน เพื่อให้บริษัท Setle เรื่องต่างๆ ให้เข้าที่ก่อน โดยจะนำเสนอเรื่องนี้ในการประชุมผู้ถือหุ้นเดือนเมษายน

    • คำถาม: โครงการ 20,000 ล้านบาท ประเมินจากอะไร? และบริษัทจะได้รับมูลค่าปีละเท่าไร?

      คำตอบ: ประเมินจากตัวเลขที่พูดคุยกับภาครัฐ และมีการคิดราคาคูณ (P x Q) โดยอิงการเติบโตแบบ Conservative ส่วนมูลค่าที่บริษัทจะได้รับปีละเท่าไร ยังไม่สามารถพูดถึงได้ในขณะนี้ แต่มีการมองกันที่ประมาณ 10 ปี

โดยสรุป SAMART มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในปี 2567 โดยคาดหวังการเติบโตของรายได้และกำไรอย่างมีนัยสำคัญจากการฟื้นตัวของธุรกิจหลัก การขยายธุรกิจใหม่ และการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ แม้จะมีความท้าทายอยู่บ้าง แต่ SAMART มั่นใจว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้ในระยะยาว