SAK
บริษัท ศักดิ์สยามลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน)

Oppday

ไตรมาสที่ 3 ปี 2568

สรุป OPPDAY

SAK โชว์ผลงานปี 2568 โตต่อเนื่อง พร้อมลุยสินเชื่อปีหน้าดันพอร์ตแตะ 16,000 ล้านบาท

  • สวัสดีครับ ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่งาน Opportunity Day ของบริษัท ศักดิ์สยามลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน)
  • วันนี้จะเป็นการให้ข้อมูลผลการดำเนินงานในรอบ 9 เดือนของปี 2568 โดยมีคุณศิวพงศ์ บุญสาลี และคุณเรณู วิราศรี เป็นผู้ให้ข้อมูล

    1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):

    ในภาพรวมผลการดำเนินงาน ข้อมูลทางการเงินที่สำคัญ ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 ซึ่งเป็นวันสิ้นไตรมาสที่ 3 พอร์ตลูกหนี้สินเชื่อของบริษัทมีจำนวนทั้งสิ้น 13,929 ล้านบาท ทรงตัวเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 6.5% เมื่อเทียบกับในไตรมาสที่ 2 ของปี 2568

    NPL อยู่ที่ระดับ 2.8% เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับในไตรมาสที่ 2

    รายได้รวมในรอบ 9 เดือนนี้ อยู่ที่ 2,528 ล้านบาท เป็นการเติบโต 10.2% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับในไตรมาสที่ 2

    กำไรสุทธิในรอบ 9 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 663 ล้านบาท เป็นการเพิ่มขึ้น 8.9% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 3.8% เมื่อเทียบกับในไตรมาสที่ 2

    พอร์ตสินเชื่อทรงตัวในไตรมาสที่ 3 ของปี 2568 เมื่อเทียบกับเมื่อปีที่แล้ว โดยพอร์ตสินเชื่อนั้นอยู่ที่ 13,929 ล้านบาท มีสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นมาคือสินเชื่อที่ดิน เพิ่มขึ้นมา 587 ล้านบาท

    สินเชื่อส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นสินเชื่อที่มีหลักประกัน คิดเป็น 90% และในส่วนที่ไม่มีหลักประกันประมาณเกือบ 10%

    โครงสร้างรายได้ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมใน 9 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 2,528 ล้านบาท เป็นรายได้ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม 2,448 ล้านบาท และเป็นรายได้อื่น ๆ จากการขายประกันและบริการอื่น ๆ รวมทั้งจากบริษัทในเครืออีกประมาณ 80 ล้านบาท

    ในด้านความสามารถในการทำกำไรและส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย ใน 9 เดือนแรกของปีนี้ อัตรามีกำไรสุทธิ บริษัทมีกำไรสุทธิเติบโตอย่างต่อเนื่อง อยู่ที่ 664 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 26.7%

    ในด้านอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์และอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นในไตรมาสล่าสุดนี้ก็อยู่ที่ 13% อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 13.6% และอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์นั้นอยู่ที่ 5.7% ตามลำดับ

    ในด้านของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย อัตราดอกเบี้ยรับโดยเฉลี่ยของ 9 เดือนแรกของปีนี้จะอยู่ที่ 23.3% ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยจ่ายก็จะอยู่ที่ 4.5% ซึ่งลดลงมาจากปีที่แล้ว จาก 9 เดือนแรกของปีที่แล้ว ก็ส่งผลให้อัตราส่วนต่าง ส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 18.8% ถือว่าค่อนข้างจะคงตัว

    ในด้านของคุณภาพพอร์ตสินเชื่อ เมื่อแยกตามอายุลูกหนี้ที่ค้างชำระ หรือ Ageing ในสิ้นไตรมาส ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ จะมีคุณภาพของสัดส่วนลูกหนี้ดี หรือ State 1 จะอยู่ที่ 92.3% หนี้ State 2 นั้นจะอยู่ที่ 4.9% และหนี้ State 3 หรือ NPL จะอยู่ที่ 2.8%

    ในด้านของค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น หรือ ECL บริษัทมีการตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น อยู่ที่ 2.8% ของพอร์ตสินเชื่อทั้งหมด โดยคิดเป็น Coverage Ratio ก็คือ ECL หารด้วย NPL จะอยู่ที่ 101.2% เป็นไปตามนโยบายของบริษัทที่จะทำให้ค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตจะต้องไม่น้อยกว่า 100% ของ NPL ที่เกิดขึ้น

    ภาพรวมของการประกอบธุรกิจ กว่า 90% ของพอร์ตสินเชื่อนี้เป็นสินเชื่อที่มีหลักประกัน โดยที่ 75.1% จะเป็นสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน 8.1% จะเป็นสินเชื่อนนาโนไฟแนนซ์ หรือสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพ 4.1% จะเป็นสินเชื่อเช่าซื้อ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการให้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ และ 11.6% จะเป็นสินเชื่อที่มีโฉนดที่ดินเป็นหลักประกัน ส่วนรายได้อื่น ๆ ก็จะเป็นส่วนใหญ่จะมาจากธุรกิจในหน้าประกันวินาศภัย

    ในด้านจำนวนสาขาและพื้นที่ให้บริการ พื้นที่ให้บริการ ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ก็ยังอยู่ที่ 1,079 แห่ง ยังอยู่ในพื้นที่ 47 จังหวัดเหมือนเดิม

    สำหรับเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจ ในปีนี้ ปี 2568 พอร์ตลูกหนี้ เท่าที่เราปรับประมาณการล่าสุด ก็คาดว่าจะขยับขึ้น จาก 10,000 ประมาณ 14,000 ล้านบาทขึ้นมาเป็น 14,500 ล้านบาท ในขณะที่อัตรา NPL ก็คงจะอยู่ที่ 2.50% และสำหรับในปีหน้า พอร์ตลูกหนี้สินเชื่อ ก็จะมีการเติบโตขึ้นประมาณ 8-10% ก็จะไปจบปีอยู่ที่ 15,000 ประมาณเกือบ 16,000 ล้านบาท

    สัดส่วนโครงสร้างผู้ถือหุ้น อันนี้ก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากจากปีที่แล้วแล้วก็จากจากไตรมาสที่ 2 ก็ผู้ถือหุ้นใหญ่ก็ยังเป็นของครอบครัวบุญสาลีประมาณ 68% แล้วก็ตามมาด้วย บัวหลวง Ventures แล้วก็ผู้ถือหุ้นอื่น ๆ อีก 24.85% ทุนจดทะเบียนชำระแล้วจำนวนหุ้นทั้งหมดก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง

    ขออนุญาตแถลงผลดำเนินงานสั้น ๆ ซึ่งก็สอดคล้องกับตามที่ได้แจ้งให้กับทางตลาดหลักทรัพย์ได้ทราบ ตอนนี้ก็เพื่อที่จะนำท่านเข้าสู่ช่วงถามตอบ

    2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):

    ในปีหน้าบริษัทมีแผนที่จะขยายพอร์ตสินเชื่อ โดยจะมีการทำโครงการและ Product Line ที่เป็น Product ของพอร์ตสินเชื่อ นอกจากนี้ จะมีพันธมิตรในการที่จะขยายการให้สินเชื่อ ซึ่งได้เตรียมการเอาไว้

    บริษัทค่อนข้างมั่นใจว่าพอร์ตสินเชื่อจะเติบโตได้ 8-10% ตามที่ได้แจ้งไปแล้วเมื่อสักครู่

    บริษัทเล็งเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจไปยังกลุ่มลูกค้าที่ยังเข้าไม่ถึง หรือยังไม่ได้มาเป็นลูกค้าของบริษัท โดยจะมุ่งเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าที่มีความเสี่ยงต่ำที่จะผิดนัดชำระหนี้ และให้ผลตอบแทนที่ดี

    3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):

    ความเสี่ยงที่สำคัญคือภาวะเศรษฐกิจและสภาวะการทำมาหากินที่ส่งผลต่อความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้า

    ราคาพืชผลทางการเกษตรที่ตกต่ำ ส่งผลกระทบต่อลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทที่เป็นเกษตรกร

    ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้าหลาย ๆ กลุ่มเริ่มลดลง

    4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):

    บริษัทมีนโยบายในการชะลอการให้สินเชื่อกับลูกค้าบางกลุ่ม และจำกัดวงเงินสินเชื่อไม่ให้มากจนเกินไป

    บริษัทเน้นการอนุมัติสินเชื่อด้วยความรอบคอบและรัดกุมมากยิ่งขึ้น

    บริษัทบริหารจัดการลูกหนี้ NPL โดยการปรับโครงสร้างหนี้ ลดหนี้ให้บางส่วน และเจรจาปิดหนี้ออกไป

    5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):

    บริษัทคาดการณ์ว่าพอร์ตสินเชื่อจะกลับมาเติบโตได้อีกครั้งในช่วงต้นปีหน้าเป็นต้นไป

    บริษัทเชื่อมั่นว่าจะสามารถเติบโตต่อไปได้ในปีหน้า ปี 2569

    6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): เริ่มต้น นาทีที่ 43:55

    1. คำถาม: การที่สินเชื่อลดลงในไตรมาสเดียว เกิดจากอะไร และลูกค้าจำนวนมากปิดบัญชีไปหรือไม่ ไปอยู่กับคู่แข่งหรือไม่

      คำตอบ: สินเชื่อลดลงเกิดจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ 1) ราคาพืชผลทางการเกษตรไม่ดี ทำให้ลูกค้ามีความเสี่ยงที่จะเป็นหนี้ที่ค้างชำระ บริษัทจึงชะลอการให้สินเชื่อกับลูกค้าบางกลุ่ม และจำกัดวงเงินสินเชื่อ 2) ลูกหนี้นำเงินมาคืนหรือมีการปิดบัญชีออกไปบางส่วน จากการสำรวจลูกค้าที่ปิดบัญชีส่วนใหญ่ปิดไปเพราะหมดความจำเป็นในการใช้เงิน และไม่ต้องการมีภาระหนี้ ตรวจสอบแล้วคิดว่าเมื่อถึงฤดูการเพราะปลูกครั้งต่อไป หากมีความจำเป็นในการใช้เงินก็จะกลับมาหาเรา

    2. คำถาม: ถ้าบริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตต่ำกว่า 10% มีโอกาสที่จะได้รับเงินปันผลเพิ่มเติมหรือมากขึ้นหรือไม่ เหมือนกับธนาคาร

      คำตอบ: ในปีหน้ามีการวางแผนทำโครงการ โดยจะมีการ Product Line และมีพันธมิตรในการที่จะขยายการให้สินเชื่อ ค่อนข้างมั่นใจว่าพอร์ตสินเชื่อจะเติบโตได้ 8-10% ส่วนเรื่องการจ่ายเงินปันผล เท่าที่ดูจากตัวเลขที่เปิดเผยได้ ค่อนข้างเชื่อมั่นว่าผลการดำเนินงานของ ณ สิ้นปีนี้คงจะไม่ด้อยไปกว่าของปี 2567 และบริษัทมีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 40% และพยายามที่จะไม่จ่าย อาจจะจ่ายให้ไม่น้อยไปกว่าของปีที่แล้วด้วย

    3. คำถาม: เหตุใดทางบริษัทยังไม่มีการขยายธุรกิจไปทางภาคใต้ คิดว่าภาคใต้เนี่ยน่าจะยังมีดีมานด์อยู่

      คำตอบ: สำหรับปีหน้า บริษัทก็มีแผน มีโครงการในการที่จะขยายพอร์ตสินเชื่อไปกับพันธมิตรทางการค้า ซึ่งได้มีการแสวงหาและเตรียมการกันไว้ตลอดทั้งปีนี้ อาจจะลึกไปภาคใต้นี่อาจจะยังเอาไว้ก่อนแล้วบังคับยังไม่มีความจำเป็นในช่วงนี้

    4. คำถาม: มองภาพสินเชื่อที่ลดลงในไตรมาส 3 แล้วถ้าสมมุติว่ามองไปข้างหน้าว่าการเติบโตเนี่ยยังจะเห็นระดับ 10% อยู่ได้อีกหรือเปล่า

      คำตอบ: ในสิ้นปีนี้คิดว่าพอร์ตจะน่าจะกลับมาอยู่ที่ 14,500 ล้านบาท ก็จะเป็นระดับ คือจะไม่มี ไม่มีการเติบโตสำหรับปีนี้ นะจะเป็นระดับเดียวกับ ณ สิ้นปี 2567 แต่ว่ามันจะไปเติบโตขึ้นได้อีกครั้งหนึ่งในช่วงตั้งแต่ต้นปีหน้าเป็นต้นไป

    5. คำถาม: ในไตรมาส 3 มีการตั้ง ECL ที่ลดลง ทั้ง ๆ ที่ NPL เพิ่มขึ้น ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น

      คำตอบ: โดยความจริงแล้วเนี่ยถ้าจะเห็นก็คือว่า ในเรื่องของการตั้งสำรอง ก็จะเห็นว่า ไอ้ตัว coverage ratio เนี่ยเราก็อยู่ ที่ 101% แล้วก็ถ้ามองดูในตัวเลขที่เป็นมูลค่า อัตรา NPL เพิ่มขึ้นจริง แต่ตัวจำนวนเงินที่เป็น NPL จะลดลง

    6. คำถาม: บริษัทบริหารลูกหนี้ใน State 2 และ 3 ที่เพิ่มขึ้นอย่างไร

      คำตอบ: ในช่วงปีนี้ต้องยอมรับว่า ราคาพืชผลนั้นต่ำ ข้าว มัน อ้อย แล้วก็หลาย ๆ อย่างก็ยังไม่ได้ ผลผลิต ผลผลิตมันจะเริ่มมาในช่วงปลายไตรมาสที่ 4 ถึงไตรมาสที่ 1 ก็อาจจะเป็นเหตุให้หนี้ กลุ่มหนี้ในชั้นที่ 2 และชั้นที่ 3 เนี่ย ก็จะเพิ่มขึ้นส่วนหนึ่ง แต่ว่าเมื่อลูกหนี้ เมื่อประชาชนเขาขาย ลูกค้าเขาขายผลผลิตได้นะครับ ก็ส่วนใหญ่ก็จะนำเงินมา มาปิดหนี้ ออกไปส่วนหนึ่งเหมือนกันนะ อันนี้ก็เป็น เป็นเป็นวัฏจักรของมันที่เป็นมาหลายปี ก็เชื่อว่า หนี้ State 2 และ State 3 เนี่ยก็จะเริ่มลดลง ตั้งแต่ไปไตรมาส 4 ไปจนถึงต้นไตรมาส 1 ของปีหน้า

    7. คำถาม: ขอสอบถามผลกระทบการชำระหนี้ของกลุ่มลูกค้าตามแนวชายแดนกัมพูชา แล้วก็กลุ่มลูกค้าที่รับ ได้รับผลกระทบน้ำท่วม

      คำตอบ: ชายแดนกัมพูชา เมื่อ 2-3 เดือนที่แล้วมันเป็นข่าวใหญ่ ก็พบว่า ของเรานี่ ให้บริการไป พื้นที่ให้บริการยังไปไม่ถึงใน ในช่วงนั้นนะครับ ในส่วนนั้น แล้วก็กลุ่มลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมอันนี้ก็ได้มีการสำรวจ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการประกาศ เป็นพื้นที่ประสบพิบัติภัย ก็มีนโยบายในการให้การช่วยเหลือ กับลูกค้า แล้วก็โดยเฉพาะกับพนักงานของเราเอง อันนี้ก็ไม่ได้มีผลกระทบมาก

    8. คำถาม: ขาดทุน รถยึดนะคะ อยู่ในส่วนของ ECL หรือ ค่าใช้จ่ายในการบริหาร ประมาณเท่าไหร่ แล้วก็แนวโน้มเป็นอย่างไร

      คำตอบ: ในส่วนของขาดทุนจากรถยึด ตอนนี้เราบันทึกบัญชีไว้ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการบริหาร ซึ่งก็คิดเป็นประมาณ 2% นะคะ ของรายได้ และปริมาณรถยึดเทียบกันมาเทียบกับปีที่แล้ว อันนี้ไม่ได้เพิ่มขึ้นนะครับ แล้วก็สต๊อกรถยึดเนี่ย หมายถึงว่าที่ยังคงค้างอยู่ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้น เพราะว่าเราบริหารจัดการออกไปนะ อย่างค่อนข้าง ค่อนข้างจะรวดเร็ว คือ ไม่ได้มี แทบจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจาก จากปีที่แล้ว

    9. คำถาม: ยอดปล่อยสินเชื่อลดลง QOQ นะ คะ ครั้งแรก อาจเป็นครั้งแรกตั้งแต่ เข้าตลาด ขณะ ที่คู่แข่งรายอื่น เพิ่มการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น เกิดจากสาเหตุ อะไร

      คำตอบ: ในบางไตรมาส คือ ของศักดิ์สยามเนี่ยเข้าตลาดมาน่าจะครบปีที่ 5 เรามีการให้สินเชื่อเพิ่มขึ้นโดยตลอด สินเชื่อก็เติบโตโดยตลอด ก็จะมีไตรมาสที่ 3 ปีนี้นะครับ ที่ ที่มีการชะลอ นะครับชะลอตัวลง แล้วก็พอสินเชื่อนั้นก็ลดลงอันนี้ก็เกิดจากการที่ลูกค้านะครับนำเงินมาคืน เราไม่ได้ไปตัด ไปตัดนี่เสีย หรือว่าไป ไปยึดรถอะไรมาเพิ่มนะครับ ความเสียหายไม่ได้เพิ่มขึ้นมาก

    10. คำถาม: แนวโน้ม แล้ว ก็เป้าหมายการปล่อยสินเชื่อไตรมาส 4 เป็นยังไง

      คำตอบ: ไตรมาส 4 เราจะ recover นะครับ ก็จะ recovery ขึ้นมา ก็ดูแล้วว่าสถานการณ์ในด้านของการผิดนัดชำระหนี้ก็ดีนะครับ ซี ต่าง ๆ เนี่ย ไม่ได้ น่ากังวลอย่างที่คิดนะครับ ก็เราก็จะทำให้พอร์ตกลับมาขยายตัวนะครับ เป็นไปตามปกติของมันอีกอีกครั้งหนึ่ง

    11. คำถาม: ปัจจัยความเสี่ยงสำคัญอะไรบ้างที่ทำให้ไม่ ไม่บรรลุเป้าหมาย

      คำตอบ: น่าจะเป็นเรื่องของ ช่วงนี้นะครับก็ต้องดู ผมคิดว่าทุก ๆ non-bank นะครับ ก็คงไม่ได้มีใครที่ไปเน้นในเรื่องของการที่จะไปเร่ง การเติบโต นะฮะ โดยเฉพาะการเติบโตแบบผิดธรรมชาติ เพราะว่าทุกที่ก็คงจะ จะรู้แล้วก็ระมัดระวังในเรื่องของการเกิดเป็นหนี้เสีย อันนี้ก็อันเกิดมาจากภาวะเศรษฐกิจ สภาวะการทำมาหากินแล้วก็ เรื่องการ ค่าใช้จ่าย ค่าครองชีพ ที่ ที่ ที่ดูเหมือนจะสูงขึ้นนะ ทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ ของลูกค้า น่าจะหลาย ๆ กลุ่ม อันนี้ก็จะ จะเริ่มลดลง

    12. คำถาม: เหตุใดบริษัท ตั้งสำรอง ด้อยค่า ด้านเครดิตลดลงนะคะ ทั้ง ๆ ที่ NPL เพิ่ม ขึ้น ค่ะ ก็จากเรียนแจ้งเมื่อสักครู่นะคะ ว่าอัตรา เพิ่ม ขึ้น นะคะ แต่ว่าตัว ที่เป็นจำนวนเงิน หรือ มูลค่า เนี่ยลดลง ค่ะ

      คำตอบ: เหตุ ใดพอร์ต ลูกหนี้ คงที่ทั้ง ที่มีสาขาเพิ่ม 50 สาขา อ๋อก็เรียนไปแล้วนะครับว่าอันนี้เป็น ก็เป็น เอ่อเป็นเฉพาะไตรมาสที่ 3 นะครับ แล้วผมก็หวังว่า ไม่ใช่หวังว่าหรอกครับ ก็ไตรมาส ที่ 4 นี่เราเริ่ม recover นะครับ

    13. คำถาม: บริษัทประเมินความเสี่ยงของพอร์ตลูกหนี้เช่าซื้อ และลูกหนี้ เงิน ให้สินเชื่อต่างกันอย่างไรในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้า

      คำตอบ: ในช่วงที่ ที่ผ่านมาเนี่ย 4-5 เดือนนะครับ อันนี้มันเป็นช่วงที่ ที่ เกษตรกรก็เพราะปลูกนะครับแล้วมันยังไม่ใช่เป็นช่วงที่เค้าเค้าจำหน่าย หรือว่ายังไม่ได้จำหน่ายผลิตผลนะครับรวมถึงอย่างราคาข้าวเนี่ยของที่มันขายได้ก็ราคาก็ค่อนข้างจะตกต่ำ เรียนตรง ๆ ว่าปีนี้ชาวนาค่อนข้างแย่นะครับ ชาวนาไทยค่อนข้างจะแย่ ก็อันนี้ก็หวังว่าในช่วงข้างหน้านะฮะ ในปีหน้าเนี่ย อันนี้เราก็หวังว่าเรื่องการ จำหน่ายนะครับสินค้าเกษตรของไทยเนี่ยถ้ามันมีตลาด ที่เปิด กว้างมากขึ้นนะครับ อย่างที่ผมคิดว่าทางกระทรวงพาณิชย์ก็กำลังดำเนินการอยู่ อย่างที่เห็นเป็นข่าวนะครับ ก็จะเป็นโอกาสให้เกษตรกรไทยก็สามารถขายผลผลิตได้ ในราคาที่ดีมากยิ่งขึ้นกว่าปีนี้นะ รวมถึงเรื่องของฝนฟ้าด้วยนะครับ ปีนี้ก็ก็ต้องยอมรับว่า พายุเข้ามาเกือบ 20 ลูกนะครับที่เข้ามา อ่า ใน ใน ใน ใน แถบบ้านเรานะฮะ ก็ทำให้น้ำเยอะนะครับ ก็ทำให้ผลผลิตก็เกิดการเสียหาย นะครับก็คิดว่า น่าจะ น่าจะไม่ ไม่ ไม่แย่ ไม่แย่ไปกว่าปีนี้นะครับ อ่าก็มองในทางบวก

    14. คำถาม: บริษัทมีแนวทางในการบริหารจัดการลูกหนี้ที่เป็น NPL อย่างไร

      คำตอบ: ส่วนหนึ่งนะครับก็คิดว่า น่าจะมีการเข้ามา ชำระคืนหนี้นะครับที่ดี ยิ่งขึ้นนะที่ที่มากกว่าในไตรมาสก่อน ๆ นะ เพราะว่าอันเกิดจากการสามารถขายผลผลิตได้ นะครับอีกส่วนหนึ่งก็คือถ้าเป็น NPL เราจะจับมารีสตรักเจอร์นะครับ จะชวนลูกค้ามาทำการปรับโครงสร้างหนี้นะครับทำการลดหนี้ให้บางส่วนนะครับ แล้วก็เจรจาปิดหนี้ออกไป นะครับ

    15. คำถาม: เป้าหมายการขยายสาขาปี 2568 แล้วก็ 2569 เป็น อย่างไร

      คำตอบ: ในปี 68 พอดีใกล้จะสิ้นปีแล้วนะครับ ปีนี้ต้นปีเราเปิดสาขาเพิ่มขึ้นมา 50 แห่ง นะครับ ในปี 69 นี่ ตอนนี้ยังไม่มีแผนที่จะเปิดสาขาเพิ่ม แต่ก็ไม่แน่ใจ นะครับ เพราะว่า เอ่ออันนี้เราก็เล็งเอาไว้แล้วว่า อ่ามันจะมีจังหวะนะครับ ในช่วงประมาณกลางปีนี่เราอาจจะเปิดสาขาเพิ่มขึ้นได้อีก ก็ น่าจะเป็นหลักสิบ แห่ง นะครับ ในบางพื้นที่

    16. คำถาม: หาก บริษัทไม่เพิ่มพอร์ตสินเชื่อ อยากให้ปันผลมี มากขึ้นค่ะ

      คำตอบ: อ่อ พอร์ตสินเชื่อเพิ่มก็ปีหน้านะครับ เพิ่มนะครับ ตั้งใจเพิ่มนะครับ แต่ว่าการจะเพิ่มพอร์ต ก็อยากจะให้เป็นกลุ่มลูกหนี้ที่ อ่ามี เค้าเรียกว่า มีความเสี่ยงต่ำที่จะผิดนัดชำระหนี้นะ มีการชำระหนี้ตรงเวลา แล้วก็เป็นพอร์ตกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนที่ดีนะครับ ที่ค่อนข้างจะดี อือ

    17. คำถาม: มุมมองของบริษัทต่อ cost to income ratio ของบริษัท ที่เกือบ 67% ถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน

      คำตอบ: cost to income ratio มันก็คือ เป็น เป็น เค้าเรียกว่า เป็นอีกด้านหนึ่งของตัว net profit margin ใช่ไหมฮะ อืม ทีนี้เนี่ย ต้องขอเรียนว่าพอดี ใน หลังคำถามก็มีเครื่องหมายคำถาม คือแปลว่าถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับกลุ่มอุสาห์เดียวกัน ใช่หรือไม่ เห็นเครื่องหมายคำถามเล็ก ๆ มั้ย ใช่หรือไม่ตอบได้เลยว่าไม่นะครับอันนี้ก็เทียบกันแล้วนะครับ ผมคิดว่า net profit margin ของ ของ ของศักดิ์สยามนะครับ อ่า น่าจะถือว่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยนะครับ ซึ่งก็หมายถึงว่า cost to income ratio ของเราเนี่ยมันก็ต่ำกว่า ค่าเฉลี่ยด้วย

    18. คำถาม: สินเชื่อที่ดินนะคะ มี NPL เป็น อย่างไรบ้างค่ะ หากยึดมาจะขายออกได้ง่ายไหม

      คำตอบ: อ่อ NPL ไม่สูงมากนะครับ อัตราหนี้เสียไม่สูงมาก แต่ว่าระยะเวลาในการที่จะจัดการหนี้ในกลุ่มนี้เนี่ยจะนานกว่า อ่า ลูกหนี้กลุ่มที่เป็นสินเชื่อทะเบียนรถนะครับ อืม ก็ใช้ระยะเวลาประมาณปี หนึ่ง

    19. คำถาม: Admin expense นะคะ เพิ่ม ขึ้น ประมาณ 10% year on year นะคะ อ่า คำถามคือมาจากส่วนใดนะคะ ดูเหมือนตัวเลขนี้จะทำให้ bottom line บวก 4% year on year เพิ่ม ขึ้นได้เล็กน้อยเท่านั้นเมื่อเทียบกับ Topline 3% year on year ส่วนทาง กับ ECL ที่ลดลงถึง 26% และต้นทุนการเงินก็ลดลงประมาณ 6% ขอคำอธิบายเพิ่มเติมด้วย ค่ะ

      คำตอบ: แอดมิน expense ที่เพิ่มขึ้นเนี่ยถ้าเทียบ year on year เนี่ยก็คือส่วนหนึ่งมาจาก การเพิ่มพนักงานนะครับที่ ที่นำมาเตรียมเอาไว้สำหรับ คือเราต้องเตรียมพนักงานเอาไว้ล่วงหน้าสำหรับในการที่จะขยายสาขา อ่า 50 แห่งเมื่อตอนต้นปีนะครับ อันนี้น่าจะเป็นสาเหตุหลักของการที่ทำให้ค่าใช้จ่ายทางด้านแอดมินนะเพิ่มขึ้น ส่วนค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เนี่ยอันนี้ ก็เช็คกันดูแล้วนะครับก็คือไม่ได้ ไม่ได้มีการเพิ่มขึ้น อ่าบางเรื่องนี่อาจจะลดลงด้วยซ้ำจริง ๆ แล้วค่าใช้จ่ายเรื่องคนเนี่ยเรื่องพนักงานเนี่ยเราก็เพิ่มขึ้นแล้วก็อย่าง เอ่อ จริง ๆ แล้วก็คือเพิ่มขึ้นต่ำกว่าบัตเจ็ตนะฮะที่ ที่ ที่ได้ตั้งเอาไว้ คือได้มีการนำมาทบทวนกันเมื่อตอนไตรมาสที่ 2 นะครับ ก็ตัดสินใจที่จะชะลอ การเพิ่มขึ้นของจำนวนพนักงาน อ่าไปกลุ่มหนึ่ง แล้วก็ปีหน้าเนี่ยก็คิดว่าคงจะไม่ได้เพิ่มขึ้นมากกว่านี้นะ

    20. คำถาม: รบกวนช่วยขยายความว่าจะขยายประเภทสินเชื่อในปี 26 และที่วางแผนไว้กับพาร์ทเนอร์คืออะไรอ่ะคะ

      คำตอบ: โปรดัก สินเชื่อของบริษัทเนี่ยนะครับมันจะมีอยู่หลายอย่างนะฮะ ก็อย่างคร่าว ๆ ก็จะมีทั้ง สินเชื่อทะเบียนรถนะครับ ก็จะมีทั้งรถใหญ่รถเล็กนะครับรถจักรยานยนต์ มี เช่าซื้อนะครับ แล้วก็สินเชื่อพวกนาโนไฟแนนซ์นะครับ สินเชื่อที่ดิน อันนี้หลัก ๆ ก็คือประเภทนี้ ทีนี้เป็น ธรรมดาที่เราก็ต้องแสวงหา อ่า คู่ค้านะครับ แสวงหาลูกค้าในกลุ่มที่เราอาจจะยังเข้าไปไม่ถึง หรือกลุ่มที่ยังไม่ได้มาเป็นลูกค้าของเรานะครับ อันนี้เราก็พบว่าก็ยังมีอยู่นะครับ มีกลุ่มที่เราคิดเราก็ตั้งใจที่จะเข้าไปหานะครับ แล้วก็เท่าที่ประเมินนะครับดู สิ่งที่มันน่าจะเกิดขึ้นนะครับก็ ก็ คิดว่าพอสินเชื่อจะทำให้พอสินเชื่อขยายได้นะ 8-10% นะครับ ก็ตามที่ ที่ ได้แจ้งเอาไว้นะครับ อือ

    โดยสรุป ในปี 2568 ศักดิ์สยามลิสซิ่งยังคงรักษาการเติบโตได้ดี แม้จะมีปัจจัยท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจและราคาพืชผลทางการเกษตรที่ตกต่ำ บริษัทได้ปรับกลยุทธ์โดยเน้นการบริหารความเสี่ยงและควบคุมคุณภาพสินเชื่อ พร้อมทั้งมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ และผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากขึ้น สำหรับปี 2569 บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดหวังว่าจะสามารถขยายพอร์ตสินเชื่อได้ถึง 16,000 ล้านบาท