สรุปด้วย AI(O) BOT

**สรุปผลประกอบการ บริษัท ริช สปอร์ต จำกัด (มหาชน) (RSP)**

บริษัท ริช สปอร์ต จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ภายใต้แบรนด์ชั้นนำจากต่างประเทศ ทั้งในไทยและกัมพูชา ในไตรมาส 4 ปี 2567 บริษัทมีรายได้จากการขายรวม 377.1 ล้านบาท ลดลง 5.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม รายได้อื่นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 925.6% เป็น 40.0 ล้านบาท เนื่องจากการสนับสนุนทางการตลาดและการลดหนี้ กำไรขั้นต้นรวมอยู่ที่ 191.8 ล้านบาท แต่อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 50.9% จากกิจกรรมส่งเสริมการขายที่เข้มข้นขึ้น นอกจากนี้ บริษัทรับรู้ผลขาดทุนจากเงินลงทุน 13.5 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า กำไรสุทธิรวมในไตรมาสนี้อยู่ที่ 23.2 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 6.2% เพิ่มขึ้น 639.5% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สำหรับผลประกอบการทั้งปี 2567 บริษัทมีรายได้จากการขายรวม 1,415.8 ล้านบาท ลดลง 2.5% รายได้อื่นอยู่ที่ 60.6 ล้านบาท ลดลง 13.4% กำไรขั้นต้นรวม 797.6 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 56.3% ใกล้เคียงกับปีก่อน บริษัทรับรู้ผลกำไรจากเงินลงทุน 94.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 265.1% กำไรสุทธิรวมทั้งปีอยู่ที่ 117.2 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 8.3% เพิ่มขึ้น 23.8% จากปีก่อนหน้า สินทรัพย์รวมของบริษัทอยู่ที่ 2,388.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.9% หนี้สินรวม 652.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.9% กระแสเงินสดจากการดำเนินงานอยู่ที่ 230.4 ล้านบาท

ในส่วนของแผนธุรกิจและกลยุทธ์ในอนาคต รวมถึงการคาดการณ์ที่สำคัญ บริษัท ริช สปอร์ตฯ ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับการตั้งเป้ารายได้หรือยอดขายที่เฉพาะเจาะจง อย่างไรก็ตาม จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมาและการควบคุมค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม บริษัทฯ มีแนวโน้มที่จะมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน การบริหารจัดการต้นทุน และการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว นอกจากนี้ การลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าและการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจทางธุรกิจที่แม่นยำยิ่งขึ้น ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งของแผนการดำเนินงานในอนาคต

การพิจารณาว่า RSP เป็นโอกาสในการลงทุนหรือไม่นั้น ต้องพิจารณาจากหลายปัจจัยประกอบกัน แม้ว่าผลประกอบการในภาพรวมของปี 2567 จะแสดงให้เห็นถึงการเติบโตของกำไรสุทธิ แต่การลดลงของรายได้จากการขายและการแข่งขันที่สูงในตลาดแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ยังคงเป็นความท้าทายสำคัญ ราคาหุ้นเฉลี่ยในช่วงไตรมาส 4 ปี 2567 อยู่ที่ 1.94 บาท ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต P/E ล่าสุดอยู่ที่ 12.07 และ P/BV อยู่ที่ 0.74 แสดงให้เห็นว่าหุ้นอาจมีราคาต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี YIELD ที่ 7.74% เป็นอัตราผลตอบแทนที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรายได้จากเงินปันผล อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ เช่น ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม แนวโน้มอุตสาหกรรม และความสามารถในการบริหารจัดการของบริษัทฯ ก่อนตัดสินใจลงทุน

* **โอกาส:**
* การเติบโตของตลาดแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ในประเทศไทยและกัมพูชา
* ความแข็งแกร่งของแบรนด์และการเป็นพันธมิตรกับแบรนด์ชั้นนำ
* นโยบายการควบคุมค่าใช้จ่ายและการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
* การขยายช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งออนไลน์และออฟไลน์
* **ความเสี่ยง:**
* การแข่งขันที่สูงในตลาดแฟชั่นและไลฟ์สไตล์
* การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคและความนิยมในสินค้า
* ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและปัจจัยทางเศรษฐกิจ
* ความเสี่ยงด้านการจัดการห่วงโซ่อุปทานและการจัดซื้อสินค้า
* อัตราการขายสินค้าเฉลี่ยวันยังสูงอยู่

**ข้อมูลการเงินเพิ่มเติมสำหรับการวิเคราะห์:**

* **ลักษณะธุรกิจ:** ผู้นำในการนำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ภายใต้ตราสินค้าชั้นนำจากต่างประเทศ
* **รายได้รวม (ล้านบาท):** ปี 2567 = 1570.93
* **กำไรสุทธิ (ล้านบาท):** ปี 2567 = 133.69
* **เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน (ล้านบาท):** ปี 2567 = 230.42
* **เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุน (ล้านบาท):** ปี 2567 = 178.72
* **D/E:** 0.38
* **อัตรากำไรสุทธิ:** 8.06
* **เก็บหนี้เฉลี่ย วัน:** 44.62
* **ขายสินค้าเฉลี่ย วัน:** 239.35
* **ชำระหนี้เจ้าหนี้การค้า วัน:** 83.06
* **วงจรเงินสด:** 197.03