สรุป OPPDAY หุ้น READY

บริษัท เรดดี้แพลนเน็ต จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุป OPPDAY
READY เผยผลประกอบการปี 2567: กำไร All Time High พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจด้วย AI และ M&A
สวัสดีครับ พบกันอีกครั้งในงาน Opportunity Day ของ READY บริษัท Readyplanet จำกัด มหาชน วันนี้ผมทรงยศ คันธมานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วยคุณบุรินทร์ เกล็ดมณี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคุณอนัญญา แสงรัตนะเดช รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส จะมาอัปเดตข้อมูลธุรกิจให้แก่นักลงทุนทุกท่าน
เนื้อหาที่เราจะมาเล่าให้ฟังในวันนี้มี 4 หัวข้อหลัก คือ
- สรุปภาพรวมธุรกิจของ READY
- ผลการดำเนินงานปี 2567
- Business Update: ความคืบหน้าในโครงการและการดำเนินธุรกิจต่างๆ
- มุมมองของผู้บริหารต่ออนาคต
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)
บริษัท Readyplanet ก่อตั้งมากว่า 24 ปี ในการพัฒนาแพลตฟอร์มทางด้านการขายและการตลาดดิจิทัล ให้บริการลูกค้าซึ่งเป็นภาคธุรกิจต่างๆ ในประเทศไทย แพลตฟอร์มของ Readyplanet หรือ "Readyplanet All-in-One Platform" มีการให้บริการครอบคลุม 3 ด้านหลัก คือ
- เครื่องมือในการสร้างและบริหารจัดการเว็บไซต์
- เครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับการทำโฆษณาออนไลน์
- เครื่องมือเกี่ยวกับการบริหารความสัมพันธ์ของลูกค้า (CRM)
เราพัฒนาโปรแกรมต่างๆ ควบรวมกัน หรือ Integrated เป็นแพลตฟอร์มเดียว เพื่อให้บริการธุรกิจภาคต่างๆ
สำหรับผลการดำเนินงานภาพรวมในปี 2567 ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นข่าวดี บริษัท READY สามารถเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายปีที่ผ่านมา เราสามารถทำรายได้ในปี 2567 อยู่ที่ 195.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% year-on-year ในส่วนของกำไร เราสามารถทำได้ที่ 47.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% year-on-year ซึ่งกำไรในปี 2567 ถือเป็นกำไร All-Time High สูงสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่ทำธุรกิจมา
จุดที่น่าสนใจอีกอันหนึ่งคือ เราพยายามในการขับเคลื่อนธุรกิจให้มีประสิทธิภาพและมี Productivity ที่สามารถแข่งขันในการดำเนินธุรกิจได้ เราสามารถเพิ่มอัตรากำไรสุทธิจาก 16% ในปี 2566 มาเป็น 21% ในปี 2567 ซึ่งแนวโน้มของอัตรากำไรสุทธิก็เพิ่มขึ้นทุกปีอย่างต่อเนื่อง
ในส่วนของไตรมาสที่ 4 กำไรสุทธิก็เป็น New High เช่นกัน รายได้อยู่ที่ 49.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% year-on-year กำไรสุทธิอยู่ที่ 10.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% year-on-year
ข้อมูลอีกตัวหนึ่งที่น่าสนใจคือ รายได้เฉลี่ยของลูกค้า หรือ Current ARPU (Average Revenue Per Account) ในไตรมาส 4 มีแนวโน้มกลับมาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงเป็น 2,043 บาทต่อลูกค้าต่อรายต่อเดือน
เรามีศักยภาพที่จะขยายธุรกิจดำเนินการในการที่จะก้าวต่อไปได้ ปัจจุบันบริษัทเรามีเงินสดหมุนเวียนรวมทั้งเงินฝากประจำในลักษณะที่เป็นการลงทุนที่สามารถนำมาใช้ได้มากกว่า 220 ล้านบาท และบริษัทเองก็ไม่ได้มีหนี้สินในลักษณะที่ต้องจ่ายเป็นดอกเบี้ย หากจะมีวงเงิน OD ส่วนใหญ่ก็เป็นการสำรองเผื่อฉุกเฉิน แต่เราก็ไม่ได้ใช้
หนี้สินส่วนใหญ่ที่อยู่ในงบจะเป็นเงินรายได้ที่ลูกค้าจ่ายมาล่วงหน้า เพราะว่าลักษณะการทำธุรกิจของ READY เป็นลักษณะรายได้แบบ Recurring เรามีการเก็บรายได้หรือเก็บค่าใช้จ่ายจากลูกค้าล่วงหน้าประมาณ 1 ปีล่วงหน้า ดังนั้นลูกค้าก็จะจ่ายเงินเหมือนกับมาฝากไว้ที่ READY แล้วเราก็ทยอยรับรู้เป็นรายได้ในแต่ละเดือนต่อเนื่องไป ดังนั้นเราก็จะมีลักษณะของการเป็นหนี้ที่ลูกค้าจ่ายมาล่วงหน้า แต่ว่าหนี้ที่เป็นสถาบันการเงินที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยปัจจุบันไม่มี
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)
เรามีการจ่ายปันผล เสนอการประชุมผู้ถือหุ้น ทางบอร์ดคณะกรรมการก็มีการเคาะจ่ายปันผลอยู่ที่ประมาณหุ้นละ 30 สตางค์ หรือ 0.30 บาท
ข้อมูลเกี่ยวกับการกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการรับเงินปันผลคือวันที่ 30 เมษายน และกำหนดจ่ายเงินปันผลคือวันที่ 20 พฤษภาคม ปี 2568 เราจะขอมติผู้ถือหุ้นในการจ่ายปันผลในการประชุม AGM ที่จะถึงนี้
อันนี้เป็นกลยุทธ์ที่เราดำเนินการมาต่อเนื่องใน 2 ปีที่ผ่านมา เราก็ยังดำเนินการต่อเกี่ยวกับการเอา AI มา Transform หรือมาปรับเปลี่ยน เพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกิจในหลายด้าน คือเรามาเพิ่มความสามารถใน Software ของบริษัทให้เก่งขึ้นด้วยเทคโนโลยี AI
นอกจากนี้ เรามีการ Educate Market มีการสร้าง Readyplanet Academy ให้ความรู้จัดอบรมทั้งแบบ On-site และ Online ซึ่งอันนี้ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นในการที่เราจะสามารถแนะนำเครื่องมือของ READY ไปให้กับภาคธุรกิจต่างๆ ซึ่งอาจจะยังไม่เคยมีคนมาเรียนรู้
นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมา เรามีการเปิดตัว Product ใหม่ที่เป็น Platform E-commerce Website เพื่อเอาไปสนับสนุนธุรกิจที่ต้องการสร้างเว็บไซต์ E-commerce ที่มีคุณภาพสูง ในการเพิ่มช่องทางในการสร้างรายได้ของธุรกิจ อันนี้เรียกว่า R-Commerce เดี๋ยวเราจะมีพัฒนาการมาเล่าให้ฟังในช่วงต่อๆ ไป
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)
*ไม่มีข้อมูลส่วนนี้ในบทสรุป*
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)
*ไม่มีข้อมูลส่วนนี้ในบทสรุป*
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)
กราฟอันแรกคือ DLMRR, New ARPA และ Current ARPU สำหรับ MRR คือ Monthly Recurring Revenue ส่วน ARPA คือ Average Revenue Per Account จากที่เรามีการมองหากลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เป็นขนาดกลางและขนาดใหญ่ ทำให้ใน Quater 4 นี้ New MRR ของเราปิดอยู่ที่ 1,443,000 บาท ส่วน New ARPA เราก็ยังสามารถปิดลูกค้าใหม่มาได้เรื่อยๆ ตอนนี้ New ARPA ที่ปิดล่าสุดจะอยู่ที่ 7,653 บาท กลยุทธ์ของบริษัทคือมุ่งเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าใหม่ที่เป็นขนาดกลางกับขนาดใหญ่ แล้วก็พยายามรักษาฐานลูกค้าเดิมที่ใช้บริการกับเราต่อเนื่อง และพยายามเพิ่มยอดขายลูกค้าเก่า ทำให้ Overall ตอนนี้ใน Port ของเรา Current ARPU ของเราลูกค้าต่อหัวอยู่ที่ 2,043 บาท
กราฟแสดงเกี่ยวกับรายได้ประจำและรายได้ที่เป็น Non-Recurring สำหรับตัวรายได้ Recurring ใน Quater 4 นี้ เราก็ยังปิดอยู่ที่สัดส่วน 93% ซึ่งก็เป็นตามกลยุทธ์ของบริษัทที่จะพยายามรักษาระดับรายได้ Recurring อยู่ที่ประมาณไม่น้อยกว่า 90%
รายได้ค่าบริการและอัตรากำไรขั้นต้น รายได้ส่วนใหญ่ของเราจะเป็นรายได้ที่เป็นแบบ Subscription Model ซึ่งก็จะมีรายได้ประจำเรื่อยๆ สำหรับกราฟในทางด้านซ้าย อันนี้ก็จะเป็นรายไตรมาส จะพบได้ว่าใน Quater 4 นี้ก็รายได้ของเราก็ปิดไปที่ New High ในรอบ 5 ปี ปิดอยู่ที่ 49.98 เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว รายได้ก็เพิ่มขึ้น แล้วก็เทียบกับ Quater ที่แล้ว ตัวรายได้เองก็เพิ่มขึ้น มาจากตัว Hotel Booking ใน Quater 3 จะเป็นช่วงที่เป็น Low Season ใน Quater 4 จะเป็นช่วง High Season แต่ถ้ามาดูในประจำปี เราจะพบว่ารายได้ของเราปิดอยู่ที่ 195.19 ล้านบาท ก็อันนี้ก็เป็น New High ในรอบ 5 ปีเหมือนกัน ก็เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว
Gross Profit Margin ของบริษัท เนื่องจากว่ารายได้เป็น Subscription แล้วก็ค่าใช้จ่าย ส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างเป็น Fix Cost ทำให้ตัว Trend ของ Gross Profit Margin ของเราก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก็จะเห็นว่าไตรมาสล่าสุดก็ปิดอยู่ที่ 69.9% ถ้าเทียบกับปีที่แล้วก็ปิดอยู่ที่ 66.3 แต่ปีนี้ก็ปิดอยู่ที่ 68.1 ซึ่งเราเองก็จะพยายามรักษาระดับ Gross Profit Margin อันนี้ต่อไปเรื่อยๆ
กำไรสุทธิและอัตรากำไรสุทธิ โดยทางด้านซ้ายจะเป็นรายไตรมาส จะเห็นได้ว่าใน Quater 4 นี้กำไรสุทธิของเราก็เป็น New High แล้วก็ปิดอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 21.8% อันนี้หลักๆ เป็นผลมาจากการที่ว่าธุรกิจเราส่วนใหญ่เป็น Fix Cost แล้วก็เราดำเนินธุรกิจมาอยู่ในจุดที่เลย Economy of Scale เพราะฉะนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่รายได้เราเพิ่มขึ้น แต่ตัวต้นทุนเรายังคงที่อยู่ ทุกอันก็จะสะท้อนเข้ามาอยู่ที่ Bottom Line ของเราที่เป็นกำไรสุทธิ
สำหรับทางด้านขวา จะเป็นประจำปี ปีนี้เราก็ปิดกำไรสุทธิอยู่ที่ 40.59 ล้านบาท ซึ่งก็เป็น New High เหมือนกัน แล้วก็อัตรากำไรสุทธิก็อยู่ที่ 20.8% ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่อยู่ที่ 16.1%
งบแสดงฐานะการเงิน ที่เอามาให้เห็น 3 กราฟนี้ เนื่องจากว่าปี ณ ปี 2565 เป็นปีที่เรายังไม่ได้ IPO เรามีการ IPO เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2023 ทำให้ส่วนสินทรัพย์ ส่วนผู้ถือหุ้นก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ในขณะเดียวกันปี 2567 ตัวสินทรัพย์กับตัวส่วนของผู้ถือหุ้นของเราก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย เนื่องจากมาจากผลการดำเนินงานของเราที่เป็นบวก แล้วก็ส่งผลให้ Debt to Equity Ratio ของเราก็ปรับตัวลดลงจากปีที่แล้วอยู่ที่ 0.66
ตัวแสดงฐานะการเงิน อัตราส่วน ROA จริงๆ ในปี 2567 นี้ก็ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจากปีที่แล้วอยู่ที่ 10.44% สำหรับ ROE ก็คือปรับตัวลดลงอยู่ที่ 17.9% ทั้งนี้ก็เป็นผลมาจากตัวส่วนผู้ถือหุ้นที่เราใช้มาคำนวณ เราจะใช้ตัว Average คือต้นปีบวกปลายปีหาร 2 ซึ่ง ณ วันที่ 31 2023 ตัว ROE ยังมีส่วนของทุนที่ยังสะท้อนที่เรายังไม่ได้เพิ่มทุนเข้าไป ซึ่งถ้าไปดูก็ตัว ROE ของเราก็จะพยายามรักษาระดับแล้วก็ทำให้สูงขึ้นให้ผู้ถือหุ้น
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [1:09:00]
AI กับธุรกิจ READY
คำถาม: AI จะมีประโยชน์และเป็นอุปสรรคต่อ Readyplanet อย่างไร?
คำตอบ: Readyplanet เห็นความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงทางด้าน AI มาตั้งแต่ 2 ปีก่อน มีการจัดอบรมภายในเพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับ AI และมองว่า AI จะเป็น Game Changer ของการทำธุรกิจ หากไม่ปรับเปลี่ยน ธุรกิจจะไม่สามารถแข่งขันได้ในอนาคต Readyplanet มองว่า Software Application ที่มีอยู่แล้ว หากนำ AI มาเติมเข้าไป จะทำให้โปรแกรมทำงานได้เก่งขึ้น
ตัวอย่างเช่น เมื่อก่อนการทำคำถามที่พบบ่อย (FAQ) ในเว็บไซต์เป็นเรื่องยาก แต่ในยุคต่อไป ลูกค้าอาจจะมีการถาม Google หรือ Chatbot ต่างๆ Readyplanet จึงได้เอา AI มาทำระบบ FAQ สามารถให้ AI เข้าไปอ่านและ Learning ว่าธุรกิจนี้ทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไร มี Product อะไร แล้วก็มาสร้างคำถามประมาณเป็น 100 ข้อ มีคำตอบ Draft ขึ้นให้ ให้ลูกค้าสามารถมาปรับแต่งแล้วก็นำไปใช้ Online ได้เลย
นอกจากนี้ พนักงานของ Readyplanet จะต้องมี Soft Skill ในด้านต่างๆ ที่ AI อาจจะยังไม่สามารถ Cover ได้ พนักงานจะเป็นผู้ควบคุมหรือผู้สั่งการ AI ทำให้พนักงาน 140 กว่าคนเหมือนมีกองทัพของ Generative AI มาเป็นผู้ช่วยของแต่ละคน ทำให้บริษัทไม่จำเป็นต้องใช้พนักงานเยอะในอนาคต
ในส่วนของ Threat Readyplanet ก็มองในหลายด้าน พนักงานทุกคนจะมีการฝึกอบรมเพิ่ม Skill โดยเฉพาะ Skill ที่เป็น Soft Skill บริษัทอาจจะต้องมีพนักงานที่มี Soft Skill ในด้านต่างๆ ที่ AI อาจจะยังไม่สามารถ Cover ได้
สินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตน
คำถาม: บริษัทมีนโยบายการ Amortize สินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตนอย่างไร และมีโอกาสที่สินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตนนั้นจะมีโอกาสเป็น Impairment Loss หรือไม่?
คำตอบ: เนื่องจากบริษัทมีการพัฒนา Software เรื่อยๆ เพราะให้บริการเป็น Product Base การ Amortize Product ของเราจะอยู่ที่ประมาณ 10 ปี ซึ่ง Product แรกๆ ที่เราพัฒนา ปัจจุบันลูกค้าก็ยังใช้บริการของเราอยู่ ตอนนี้ยังไม่มีสัญญาณที่จะมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับ Impairment Loss ขึ้นมา
New MRR กับ New ARPA
คำถาม: New MRR กับ New ARPA มีโอกาสจะสูงกว่าที่ผ่านมาได้ไหม?
คำตอบ: มีโอกาสจะสูงกว่า เพราะปัจจุบันเรากำลังเพิ่มส่วนของการขายและการตลาด ทำให้มีโอกาสที่จะทำให้ตัวเลขลูกค้าใหม่สูงขึ้น จากปีที่ผ่านมา รวมถึง ARPU ของลูกค้าก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ลูกค้าต่อสัญญา
คำถาม: ลูกค้าต่อสัญญาหรือไม่ต่อสัญญา เป็นอย่างไร?
คำตอบ: โดยส่วนใหญ่ลูกค้าต่อสัญญา เพราะถ้าไม่เช่นนั้นธุรกิจ Readyplanet ไม่สามารถที่จะโตและทำกำไรเพิ่มขึ้นได้ อันนี้คือจุดเด่นของธุรกิจที่เป็น Subscription ลูกค้าโดยส่วนใหญ่ต่อสัญญาแล้วเราหาลูกค้าใหม่มา แน่นอนอาจจะมีลูกค้าที่ไม่ต่อบ้างด้วยเหตุผลต่างๆ นานา แต่ด้วยการที่เราหาลูกค้าใหม่มา ทำให้ธุรกิจเติบโตได้ แล้วก็อาจจะมี Model ของบางลูกค้าบางราย ตอนเริ่มต้นมาใช้บริการอาจจะใช้น้อย แต่หลังจากที่ใช้บริการมากขึ้น เราก็จะมีรายได้เติบโตคู่ไปกับการใช้งานของลูกค้าเพิ่มขึ้น
Patent
คำถาม: Product ที่ READY ทำอยู่ มีโอกาสจด Patent ได้หรือไม่?
คำตอบ: Product ที่เราทำจริงมันเป็น Intellectual Property หรือทรัพย์สินทางปัญญาอยู่แล้ว เป็น Copyright แต่ Product ลักษณะที่เป็น Software การจด Patent ยังไม่ค่อยครอบคลุมในประเทศไทย โดยส่วนใหญ่ถ้าจด Patent อาจจะต้องเป็นเทคโนโลยีที่ค่อนข้าง Innovative มากๆ และมีต้นทุนในการจด Patent แต่ถึงอย่างนั้น เรื่อง Copyright ก็ถือว่าเป็นทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งบริษัทอื่นก็ไม่สามารถที่จะ Copy โค้ด งานลิขสิทธิ์ไปได้
ลูกค้า Advance
คำถาม: ทำไมลูกค้าถึงลดลง แล้วเป้าหมายของรายได้และจำนวนลูกค้ากลุ่ม Advance เป็นอย่างไร?
คำตอบ: ลูกค้า Advance เราจะจัดกลุ่มว่าลูกค้าที่มีรายได้ต่อเดือนประมาณ 600 บาทขึ้นไป ซึ่งกลุ่มนี้ใน Q3 ที่ผ่านมา เราได้รายงานไปว่าเราอาจจะมีการ Acquire ลูกค้าใหม่ได้น้อยกว่าปกติ เนื่องจากสถานการณ์ตอนนั้นมันมีสถานการณ์ที่ลูกค้ามีการชะลอการสั่งซื้อนิดหนึ่ง ลูกค้าก็เลื่อนไปจ่ายในตอน Q4 แล้วก็การ Shift ตรงนี้ก็จะมีผลทำให้จำนวนลูกค้า Advance อาจจะไม่ได้เพิ่มขึ้นตามที่เราคาด แล้วก็อีกส่วนหนึ่งก็คือว่าในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งปกติแล้วเป็นช่วงปีใหม่ เป็นช่วง Long Weekend บริษัทเองเราก็มีการทำโปรโมชั่น ทำให้ลูกค้ากลุ่ม Tier ที่รายได้ใกล้ๆ 600 บาท อาจจะตก Tier มันทำให้ไม่ถูกนับเป็นลูกค้า Advance แต่โดยรวมลูกค้ากลุ่มนี้ก็ยังมีรายได้ที่ค่อนข้างดีและก็เติบโตตามที่เราคาดหวัง
เพิ่มจำนวนลูกค้าใหม่และลด CHURN
คำถาม: จะเพิ่มจำนวนลูกค้าใหม่อย่างไร และมีกลยุทธ์การลด CHURN อย่างไร?
คำตอบ: ปัจจุบันเราพบว่าหากไปดู Model การขาย Platform Software ในต่างประเทศ โดยเฉพาะกับกลุ่มที่เป็นลูกค้าที่ค่อนข้างใหญ่ จะมีการคิดค่า Subscription เป็น Fee อันหนึ่ง อาจจะเป็นรายปี ราย 2 ปีก็แล้วแต่ แล้วจะมีการคิดค่า Professional Service หรือค่า Consult ในการ Implement ในตอนต้นๆ ซึ่งที่ผ่านมาเราเองเราเพื่อให้มันง่ายในการซื้อของลูกค้า เราไม่ได้มีการคิดค่า Consult ตอนเริ่มต้นหรือค่า On-Board ต่างๆ มาก แต่คิดว่าตอนนี้เรากำลังจะทำ Model คล้ายๆ ต่างประเทศ คือ สมมุติว่าวันนี้เราไปซื้อ CRM Platform ต่างประเทศ จ่ายค่า License ไป สมมุติว่าปีหนึ่งจำนวน 1 ล้านบาท เขาจะมีการคิดค่า Setup ค่า On-Board เผลอๆ อาจจะประมาณครึ่งหนึ่งของล้านบาท หรืออาจจะมากกว่านั้นด้วยซ้ำ แต่เป็นรายได้แบบเหมือน One-Time เราคิดว่าการที่เราจะปรับ Model มาผสมแบบนี้ มันจะทำให้เรามีรายได้แบบ Recurring ที่โตแบบ Healthy ด้วย แล้วก็มีรายได้แบบ One-Time เพื่อมาครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงที่บริษัทจำเป็นต้องมีเซล มีส่วนที่เป็น Customer Success มา Cover
ดังนั้นปีนี้เราจะมีการปรับโครงสร้างการขายควบคู่กับการมีรายได้แบบที่เรียกว่าเป็นค่า On-Board หรือค่า Setup ควบคู่ไปด้วย มันจะทำให้เราสามารถ Scale ทีมเซลล์เราได้มากขึ้น เพราะถ้าไม่เช่นนั้น ถ้าเราคิดเฉพาะค่า Subscription เดิม ตามที่ผ่านมาอย่างเดียวแล้วไม่มีการขายค่า Setup ไปด้วย คือเรายิ่งรับเซลล์เยอะเนี่ย รายได้มันจะทยอยมาแบบในปีถัดไป ดังนั้นปีนี้ก็จะทำให้ Performance ไม่ค่อยดี แต่ด้วยการออกแบบแล้วก็ดู Model ในต่างประเทศผสม ผมคิดว่าจะทำให้เราสามารถสร้างรายได้ใหม่เติบโตไปได้ควบคู่กับ Balance PNL ที่ก็ดีขึ้นไปด้วยอันนี้เป็นจุดสำคัญที่คิดว่า เป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะเพิ่มตัวลูกค้าใหม่
เรื่องลด CHURN การที่เรามี Workforce หรือว่ามีกำลังเข้าไปช่วยลูกค้า Setup ตอนแรกเริ่มต้นเนี่ย มันจะทำให้ลูกค้ามีการใช้งานในตัว Software ของเราอย่างมี Engagement ที่ดี หมายถึงว่าใช้งานได้อย่างเหนียวแน่น มันจะทำให้ลูกค้าต่ออายุได้เพิ่มขึ้นด้วย แล้วเราก็จะมีทีมที่เรียกว่า Customer Success เข้าไปช่วยในการทำให้ลูกค้าใช้งานตั้งแต่ Day One ได้ดีเพิ่มขึ้น
สรุป
โดยสรุป ทีมบริหารมีความยินดีและดีใจที่เราสามารถผ่านความท้าทายต่างๆ ในปีที่ผ่านมา และสามารถทำบรรลุได้ตาม Budget ที่เราได้ Promise กับทางกรรมการไว้ และเราไม่ได้ทำได้แค่ปีที่ผ่านมาปีเดียว ผมมีความรู้สึกภูมิใจแทนทีมงานและผู้บริหาร เพราะว่าใน 4 ปีที่ผ่านมา เรามีการวางแผนล่วงหน้ามาแล้วว่าแต่ละปีเราจะทำกำไรเท่าไหร่ คือ 4 ปีที่ผ่านมาเรา Achieve ตามนั้นแทบจะเป๊ะเลย เราก็คิดว่าด้วยการคิดอย่างรอบคอบ เติบโตอย่างมีเหตุมีผล เราก็เชื่อว่าเราจะสามารถที่จะขับเคลื่อนธุรกิจของ Readyplanet ให้เติบโตขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง ก็ขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่ให้ความสนใจกับ READY วันนี้พวกเราขอจบการบรรยายใน Oppday เพียงเท่านี้ สวัสดีทุกท่าน