สรุปงบล่าสุด RATCH
บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 2 ปี 2567
สรุปสั้น
ในไตรมาสที่ 2 ปี 2567 บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินการเข้าซื้อหุ้นในกิจการโรงไฟฟ้าพลังความร้อน Paiton Energy ในอินโดนีเซีย คิดเป็นมูลค่าการลงทุนประมาณ 22,101.56 ล้านบาท ซึ่งการลงทุนครั้งนี้ได้เพิ่มสินทรัพย์และรายได้ของบริษัทฯ จากการเข้าถือหุ้นร้อยละ 36.26 ในโรงไฟฟ้า Paiton และร้อยละ 65 ในธุรกิจเดินเครื่องและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้า ส่งผลให้กำลังการผลิตไฟฟ้ารวมของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อกำไรในไตรมาสนี้มาจากการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้า Paiton ที่ช่วยเสริมความมั่นคงด้านสินทรัพย์ของบริษัทฯ อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงยังคงอยู่ในด้านราคาถ่านหินที่เป็นเชื้อเพลิงหลัก และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิ นอกจากนี้ การเพิ่มสินทรัพย์จากการลงทุนยังทำให้บริษัทฯ มีภาระดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้น ซึ่งต้องมีการบริหารจัดการที่ดีเพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไร
บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายธุรกิจพลังงานทดแทนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นการลงทุนในพลังงานแสงอาทิตย์ ลม และชีวมวล รวมถึงขยายการลงทุนในกลุ่มประเทศ CLMV ซึ่งบริษัทฯ เชื่อว่ามีศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง การลงทุนในโครงการเหล่านี้จะช่วยเสริมสร้างรายได้และกำไรของบริษัทฯ ให้เติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต ขณะที่เศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่บริษัทฯ ต้องจับตามองเพื่อวางแผนการลงทุนอย่างเหมาะสม
สรุปด้วย AI(O) BOT
บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH ได้บรรลุผลสำเร็จในการเข้าซื้อหุ้นเพื่อลงทุนในกิจการโรงไฟฟ้าพลังความร้อน Paiton Energy ในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2567 โดยถือหุ้นร้อยละ 36.26 เพื่อลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังความร้อน Paiton (Paiton) ของ Paiton Energy และถือหุ้นร้อยละ 65 เพื่อลงทุนในธุรกิจเดินเครื่องและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าของ Paiton ซึ่งคิดเป็นมูลค่าการลงทุนประมาณ 596.41 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเทียบเท่าประมาณ 22,101.56 ล้านบาท การลงทุนครั้งนี้สอดคล้องกับแผนการลงทุนของ RATCH และสร้างพันธมิตรรายใหม่ โดยสร้างโอกาสในการร่วมทุนในธุรกิจไฟฟ้าและธุรกิจเกี่ยวเนื่องให้แก่กลุ่มบริษัทฯ ในอนาคต โรงไฟฟ้า Paiton เป็นโรงไฟฟ้าพลังความร้อนใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง มีกำลังการผลิต 2,045 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่ Paiton Power Generation เมือง Probolinggo จังหวัด East Java สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าอินโดนีเซีย (PLN) จนถึงปี 2585 โครงการดังกล่าวได้เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2542
บริษัทฯ วางแผนที่จะขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นการลงทุนในโครงการพลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานชีวมวล นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะขยายธุรกิจในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม) โดยเล็งเห็นถึงศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคนี้ บริษัทฯ คาดว่ารายได้และกำไรจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคตจากการขยายธุรกิจดังกล่าว
ผลประกอบการของ RATCH ในไตรมาส 2/2567 แสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีรายได้รวม 11,354 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.0% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการรับรู้รายได้ส่วนแบ่งกำไรจาก HKP ชุดที่ 1 ที่เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2567 และรายได้ส่วนแบ่งกำไรจาก Paiton ที่เข้าซื้อกิจการตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2567 กำไรสุทธิในไตรมาส 2/2567 อยู่ที่ 2,290 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 424.1% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงินย้อนหลัง พบว่า D/E ของ RATCH อยู่ที่ระดับ 1.14 (ปี 2566) แสดงให้เห็นว่าบริษัทฯ มีภาระหนี้สินค่อนข้างสูง P/E อยู่ที่ 11.59 (ล่าสุด) สะท้อนถึงความคาดหวังของนักลงทุนในระดับปานกลาง P/BV อยู่ที่ 0.58 (ล่าสุด) แสดงให้เห็นว่าราคาหุ้นของ RATCH ค่อนข้างถูก YIELD อยู่ที่ 5.71% (ล่าสุด) ถือว่าน่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหาผลตอบแทนจากเงินปันผล อย่างไรก็ตาม RATCH มีแนวโน้มที่จะมีการลงทุนต่อยอดธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุนติดลบ แสดงให้เห็นว่าบริษัทฯ นำเงินไปลงทุนต่อยอดธุรกิจ
RATCH มีโครงการสำคัญที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง อาทิ โรงไฟฟ้าราชบุรี (RAC) โรงไฟฟ้าราชสีมา (RER) และโครงการสาธารณูปโภคขนส่งทางราง ที่มีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2567-2568 การลงทุนในโครงการดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการเติบโตและความมั่นคงของธุรกิจ RATCH
RATCH มีผลประกอบการที่ดีจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก Paiton และ HKP ชุดที่ 1 ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำเซเปียน-เซน้ำน้อย (PNPC) เพิ่มขึ้นจากการบริหารจัดการปริมาณน้ำที่ไหลเข้าอ่างเก็บน้ำ ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำน้ำงึม 2 (NN2) เพิ่มขึ้นจากการบริหารจัดการปริมาณน้ำที่ไหลเข้าอ่างเก็บน้ำในช่วงครึ่งแรกของปี 2567
RATCH เป็นบริษัทที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสในการลงทุนระยะยาว บริษัทฯ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีแผนการลงทุนที่ชัดเจน และมีผลตอบแทนจากเงินปันผลที่น่าสนใจ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรพิจารณาความเสี่ยงของ RATCH ที่เกี่ยวข้องกับ **ภาระหนี้สินที่สูง** และ **การลงทุนต่อยอดธุรกิจที่อาจส่งผลให้เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุนติดลบ** RATCH เหมาะสำหรับนักลงทุนที่เน้นการลงทุนระยะยาวเพื่อรอการเติบโตและรับเงินปันผล
(10.29%)
(24.59%)
(6.18%)
(7.78%)
(18.35%)
(22.28%)
(3.70%)
(4.82%)
(49.02%)
(7.78%)
(100.68%)
(254.06%)