สรุปงบล่าสุด RATCH
บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 3 ปี 2567
สรุปสั้น
รายได้รวม 11,265 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.2% YoY รายได้จากการขายและบริการเพิ่มขึ้น 10.4% YoY จากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของโครงการใหม่ กำไรสุทธิส่วนของบริษัทเพิ่มขึ้น 32.5% YoY เป็น 1,658 ล้านบาท
กำไรเพิ่มขึ้นจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรโครงการใหม่และผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน สินทรัพย์รวมลดลง 0.3% เนื่องจากเงินสดลดลง 13,635 ล้านบาท ขณะที่หนี้สินรวมเพิ่มขึ้น 4.2% จากการออกหุ้นกู้สีเขียวมูลค่า 4,000 ล้านบาท เงินสดสุทธิใช้ในการลงทุน 22,745 ล้านบาท ส่วนใหญ่เพื่อโครงการโรงไฟฟ้า
บริษัทมีแผนขยายการลงทุนในพลังงานหมุนเวียน ตั้งเป้าความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 โดยจะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในพลังงานทดแทนเป็น 30% ภายในปี 2025 และ 40% ภายในปี 2028 สำรวจเทคโนโลยีใหม่ เช่น ไฮโดรเจนสีเขียว เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน
สรุปด้วย AI(O) BOT
## บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH: ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567 และแนวโน้มในอนาคต
บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH รายงานผลประกอบการในไตรมาส 3 ปี 2567 มีรายได้รวม 11,265 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการรับรู้รายได้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังงานลม Lincoln Gap 1 และ 2 ในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2567 และโรงไฟฟ้าพลังงานลม 55 ในประเทศออสเตรเลีย ที่เข้าซื้อกิจการเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2567 อย่างไรก็ตาม รายได้รวมลดลง 0.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าในประเทศออสเตรเลียลดลงจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับบาท และโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมเครื่องที่ 1 ของ 86 หยุดช่อมบำรุงรักษาตามแผนระหว่างวันที่ 25 สิงหาคม - 15 ตุลาคม 2567
RATCH มีเป้าหมายที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 โดยมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้า การขยายการลงทุนในพลังงานทดแทน และเข้าร่วมโครงการชดเชยและซื้อขายคาร์บอน บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะให้การลงทุนในพลังงานทดแทนคิดเป็นสัดส่วน 30% ของกำลังการผลิตรวมภายในปี 2573 และเพิ่มขึ้นเป็น 40% ภายในปี 2578 นอกจากนี้ RATCH ยังอยู่ระหว่างการสำรวจเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ไฮโดรเจนและแอมโมเนียเป็นเชื้อเพลิง รวมถึงการจับกัก การใช้ประโยชน์ และการจัดเก็บคาร์บอน (CCUS) โดยบริษัทกำลังศึกษาและประเมินความเป็นไปได้ของไฮโดรเจนสีเขียวผ่านโครงการนำร่องที่ประเทศออสเตรเลีย
ในไตรมาส 3 ปี 2567 RATCH มี EBITDA เท่ากับ 4,414 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,658 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 418.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการรับรู้รายได้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังงานลม Lincoln Gap 1 และ 2 และโรงไฟฟ้าพลังงานลม 55
ผลประกอบการของ RATCH ในไตรมาส 3 ปี 2567 ถือเป็นโอกาสการลงทุนที่ดีสำหรับนักลงทุนที่มองหาการลงทุนระยะยาวและรับเงินปันผล บริษัทฯ มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง สะท้อนจากอัตราส่วน D/E (หนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น) ที่ต่ำกว่า 1 โดยในปี 2566 D/E อยู่ที่ 0.99 ซึ่งหมายถึงบริษัทฯ มีภาระหนี้สินที่ต่ำ และมีโอกาสในการกู้เงินเพื่อขยายธุรกิจได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีอัตรากำไรสุทธิที่อยู่ในระดับสูง โดยในไตรมาส 3 ปี 2567 อยู่ที่ 14.9% และมีเงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงานที่แข็งแกร่ง โดยในไตรมาส 3 ปี 2567 อยู่ที่ 4,182 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีเงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุนติดลบ 4,755 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนถึงการลงทุนต่อยอดธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
RATCH เหมาะสำหรับนักลงทุนที่เน้นการลงทุนระยะยาวเพื่อรับเงินปันผล โดยพิจารณาจากอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Yield) ที่สูงกว่า 4% ในปี 2566 และ P/E (ราคาต่อกำไรสุทธิ) ที่อยู่ในระดับต่ำกว่า 35 ซึ่งหมายถึงราคาหุ้นอยู่ในระดับที่น่าสนใจ และ P/BV (ราคาต่อมูลค่าตามบัญชี) ที่ต่ำกว่า 1 ซึ่งแสดงถึงมูลค่าที่แท้จริงของบริษัทฯ ที่สูงกว่าราคาตลาด
**เหตุการณ์สำคัญในไตรมาส 3 ปี 2567**
- เดินเครื่องเชิงพาณิชย์โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์กาลสาบังก้า ฟิลิปปินส์ (5 สิงหาคม 2567)
- ออกและเสนอขายหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมต่อกองทุนบําเหน็จ บํานาญข้าราชการ (กบห.) (13 กันยายน 2567)
- เดินเครื่องเชิงพาณิชย์โรงไฟฟ้าอาร์ อี เอ็น โคราช เอนเนอร์ยี่ จังหวัดนครราชสีมา (27 กันยายน 2567)
**ความเสี่ยงที่สำคัญ**
- ราคาพลังงานที่ผันผวน
- การแข่งขันในอุตสาหกรรมพลังงานที่รุนแรง
- ความเสี่ยงจากนโยบายของรัฐบาล
- การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
- ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม
- การเข้าซื้อกิจการที่มีความเสี่ยง
**วิเคราะห์ผลประกอบการโรงไฟฟ้า**
- โรงไฟฟ้า 86 : รายได้ค่าขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 ปี 2567 เนื่องจากโรงไฟฟ้าเดินเครื่องเพิ่มขึ้น และโรงไฟฟ้าพลังงานลม 0อแล๐1๐ มีความเร็วลมเฉลี่ยเพิ่มขึ้น
- โรงไฟฟ้า 85: รายได้ค่าขายไฟฟ้าลดลงในไตรมาส 3 ปี 2567 และงวด 9 เดือน ปี 2567 เนื่องจากปริมาณการขายไฟฟ้าให้ กฟผ. ลดลงตามแผนการเรียกรับไฟฟ้าของ กฟผ.
- โรงไฟฟ้า 82: รายได้ค่าขายไฟฟ้าลดลงในไตรมาส 3 ปี 2567 และงวด 9 เดือน ปี 2567 เนื่องจากโรงไฟฟ้าเดินเครื่องลดลงตามสัญญา
- โรงไฟฟ้า 81: รายได้ค่าขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 ปี 2567 เนื่องจากราคาค่าก๊าซเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้น แต่ลดลงในงวด 9 เดือน ปี 2567 เนื่องจากราคาค่าก๊าซเฉลี่ยปรับตัวลดลง
- โรงไฟฟ้า 83: รายได้ค่าขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 ปี 2567 เนื่องจากราคาค่าก๊าซเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้น แต่ลดลงในงวด 9 เดือน ปี 2567 เนื่องจากราคาค่าก๊าซเฉลี่ยปรับตัวลดลง
**หมายเหตุ:** ข้อมูลในบทความนี้เป็นข้อมูลทั่วไป ไม่ได้เป็นการแนะนำการลงทุน
(4.61%)
(6.08%)
(11.75%)
(15.51%)
(6.83%)
(10.07%)
(7.56%)
(0.97%)
(27.60%)
(40.26%)
(22.02%)
(46.10%)