RABBIT
บริษัท แรบบิท โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)

สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 3 ปี 2567

สรุปสั้น

ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล


ผู้เขียน

สรุปด้วย AI(O) BOT

บริษัท แรบบิท โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (RABBIT) ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567 โดยมีรายได้รวม 1,406 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวส่งผลให้รายได้จากโรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท ภายใต้โครงการ เดอะ ยูนิคอร์น เพิ่มขึ้น 23.1% และรายได้ค่าเช่าเพิ่มขึ้น 10.9% จากการให้เช่ากลุ่มโรงแรมในทวีปยุโรปและพื้นที่สำนักงานภายใต้โครงการเดอะ ยูนิคอร์น อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 2567 อยู่ที่ -707 ล้านบาท เนื่องจากค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น 52.3% โดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการประกันภัย และผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน

แผนธุรกิจในอนาคตของ RABBIT เน้นไปที่การปรับโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัท โดยกลุ่มบีทีเอส ได้ยื่นข้อเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัทฯ ในราคาหุ้นละ 0.60 บาท ซึ่งปัจจุบันได้บรรลุเงื่อนไขบังคับก่อนการทำคำเสนอซื้อแล้ว นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนลดสัดส่วนการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และเปลี่ยนทิศทางการดำเนินธุรกิจไปมุ่งเน้นยังธุรกิจบริการทางการเงิน โดยบริษัทฯ ได้ขายหุ้นทั้งหมดร้อยละ 100 ในบริษัท ยูนิซัน Ju จํากัด และการลงทุนในบริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน เมธา จํากัด ซึ่งทำผลงานได้แข็งแกร่งจากค่าธรรมเนียมใน การบริหารจัดการที่เพิ่มขึ้น

RABBIT เป็นบริษัทที่มีโอกาสเติบโตในอนาคต แต่ยังคงมีความเสี่ยงอยู่ โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อกำไรคือ การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวซึ่งอาจมีความผันผวน และการปรับโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัท ผลประกอบการไตรมาสล่าสุดสะท้อนถึงการเติบโตของรายได้แต่ยังคงมีผลขาดทุน อัตราส่วนทางการเงินแสดงให้เห็นว่า P/E, YIELD ล่าสุดติดลบ แสดงถึงความไม่แน่นอนของผลประกอบการในอนาคต และ P/BV ที่ 0.56 ซึ่งต่ำกว่า 1 อาจสะท้อนถึงการประเมินมูลค่าของบริษัทที่ต่ำกว่ามูลค่าสินทรัพย์ D/E อยู่ที่ 0.86 ซึ่งอยู่ในระดับที่เหมาะสม สะท้อนถึงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง วงจรเงินสดติดลบ -362.06 ล้านบาท อาจสะท้อนถึงการใช้เงินสดในการลงทุนและขยายกิจการ เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงานเป็นบวก 493.77 ล้านบาท แสดงถึงการมีกระแสเงินสดที่ดี แต่เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุนติดลบ -510.68 ล้านบาท อาจสะท้อนถึงการลงทุนต่อยอดธุรกิจ อย่างไรก็ตาม โอกาสในการลงทุนใน RABBIT นั้น เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรระยะสั้น เนื่องจากราคาหุ้นปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องและ P/E ติดลบ แต่ควรติดตามผลประกอบการในอนาคตและการปรับโครงสร้างการถือหุ้นอย่างใกล้ชิด

**โอกาส:**

* ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
* กลุ่มบีทีเอส เข้ามาถือหุ้น อาจนำมาซึ่งความแข็งแกร่งด้านฐานะทางการเงิน
* มีแผนลดสัดส่วนการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และเปลี่ยนทิศทางการดำเนินธุรกิจไปมุ่งเน้นยังธุรกิจบริการทางการเงิน

**ความเสี่ยง:**

* การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวอาจมีความผันผวน
* ราคาหุ้นปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง
* P/E, YIELD ติดลบ แสดงถึงความไม่แน่นอนของผลประกอบการในอนาคต
* เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุนติดลบ อาจส่งผลต่อการเติบโตของธุรกิจในอนาคต


**ข้อมูลเพิ่มเติมจากเอกสาร:**

* สินทรัพย์รวมของ RABBIT ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 ลดลงเล็กน้อย 0.2% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2566
* หนี้สินรวม ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 เพิ่มขึ้น 4.1% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2566
* ส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 ลดลง 3.9% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2566
* อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น อยู่ที่ 0.59 เท่า เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2566 อยู่ที่ 0.57 เท่า
* เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงานเป็นบวก 240 ล้านบาท แสดงถึงการมีกระแสเงินสดที่ดี
* เงินสดสุทธิจากกิจกรรมลงทุนเป็นบวก 3 ล้านบาท
* เงินสดสุทธิจากกิจกรรมจัดหาเงินเป็นบวก 200 ล้านบาท

**วิเคราะห์:**

จากข้อมูลเพิ่มเติม พบว่า RABBIT มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ในระดับต่ำ และยังมีกระแสเงินสดที่ดี แม้ว่ากำไรสุทธิจะติดลบ แต่เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงานและกิจกรรมลงทุนเป็นบวก สะท้อนถึงการมีกระแสเงินสดที่เพียงพอสำหรับการลงทุนต่อยอดธุรกิจ และ การปรับโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัทโดยกลุ่มบีทีเอส เข้ามาถือหุ้น อาจนำมาซึ่งความแข็งแกร่งด้านฐานะทางการเงิน และโอกาสการเติบโตของธุรกิจ

**สรุป:**

จากผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567 และข้อมูลทางการเงินที่เพิ่มเติม RABBIT ยังคงเป็นบริษัทที่มีโอกาสเติบโตในอนาคต แต่ยังคงมีความเสี่ยงอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และความไม่แน่นอนของผลประกอบการ อย่างไรก็ตาม โอกาสในการลงทุนใน RABBIT นั้น เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรระยะสั้น เนื่องจากราคาหุ้นปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง และ P/E ติดลบ แต่ควรติดตามผลประกอบการในอนาคตและการปรับโครงสร้างการถือหุ้นอย่างใกล้ชิด


รายได้รวม
1,405.87 ล้านบาท
70.12ล้านบาท
(5.25%)
ไตรมาสก่อนหน้า
151.09ล้านบาท
(12.04%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
กำไรขั้นต้น
1,042.51 ล้านบาท
73.11ล้านบาท
(7.54%)
ไตรมาสก่อนหน้า
90.69ล้านบาท
(9.53%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
อัตรากำไรขั้นต้น(%)
74.15 ล้านบาท
1.58ล้านบาท
(2.18%)
ไตรมาสก่อนหน้า
1.71ล้านบาท
(2.25%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
ค่าใช้จ่ายรวม
469.12 ล้านบาท
70.55ล้านบาท
(17.70%)
ไตรมาสก่อนหน้า
49.22ล้านบาท
(11.72%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
อัตราค่าใช้จ่าย(%)
33.37 %
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
กำไรสุทธิ
-623.79 ล้านบาท
586.97ล้านบาท
(1,593.80%)
ไตรมาสก่อนหน้า
169.66ล้านบาท
(37.36%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
อัตรากำไรสุทธิ(%)
-44.37 %
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
กระแสเงินสด
-52.12 ล้านบาท
290.39ล้านบาท
(121.87%)
ไตรมาสก่อนหน้า
258.88ล้านบาท
(83.24%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล