สรุปด้วย AI(O) BOT

บริษัท พรอสเพอร์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ PROS ได้รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2567 โดยมีรายได้รวม 828.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/2566 ถึง 85.04% และมีกำไรสุทธิ 22.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/2566 ถึง 110.96% สาเหตุหลักของการเติบโตนี้ มาจากการที่บริษัทเน้นรับงานใหม่ด้วยความระมัดระวัง โดยเลือกงานที่มีโอกาสสร้างรายได้และกำไรได้เร็ว เช่น โครงการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม โครงการก่อสร้างสถานีไฟฟ้าหลักชัยเมืองยาง โครงการปรับปรุงอาคารนวมินทราชินีและอาคารคัดณางค์ รพ. จุฬาฯ เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทยังมีการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้มีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก -24.37% ในไตรมาส 3/2566 เป็น 7.69% ในไตรมาส 3/2567

ในอนาคต บริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจใน 4 ด้าน ได้แก่ 1. ธุรกิจก่อสร้าง: เน้นรับงานระบบวิศวกรรมประกอบอาคาร งานโครงสร้าง และสถาปัตยกรรม 2. ธุรกิจก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย: รวมถึงธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน 3. ธุรกิจด้านเทคโนโลยี: เช่น เทคโนโลยีประหยัดพลังงานสําหรับระบบไฟฟ้าและระบบปรับอากาศในอาคาร 4. ธุรกิจด้านสุขภาพ: เช่น การลงทุนในโรงพยาบาลเฉพาะทาง เช่น โรงพยาบาลจักษุกรุ่งเทพ บริษัทคาดว่าแผนการขยายธุรกิจนี้ จะช่วยให้บริษัทสามารถรับงานได้มากขึ้น และรับรู้รายได้และกำไรได้เร็วขึ้น เพื่อผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว

จากการวิเคราะห์ผลประกอบการไตรมาสล่าสุดและอัตราส่วนทางการเงินย้อนหลัง บริษัท PROS อาจเป็นโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจ แม้ว่าในปี 2565 บริษัทจะมีผลประกอบการขาดทุน แต่ในปี 2566 และ 2567 เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัว เห็นได้จากกำไรสุทธิในไตรมาส 3/2567 ที่กลับมาเป็นบวกและเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม การเติบโตที่เกิดขึ้นในไตรมาส 3/2567 เกิดจากการเน้นรับงานที่มีโอกาสสร้างรายได้เร็ว อาจไม่ยั่งยืน ดังนั้น นักลงทุนควรติดตามผลประกอบการอย่างใกล้ชิด ข้อมูลสำคัญอื่นๆ ที่ช่วยในการตัดสินใจลงทุน ได้แก่

* **อัตราส่วน P/E และ P/BV**: แม้ว่า P/E ในไตรมาส 3/2567 จะอยู่ที่ 26.58 ซึ่งถือว่าสูงกว่า 35 แต่ P/BV อยู่ที่ 2.85 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าราคาหุ้นสะท้อนมูลค่าของสินทรัพย์และความสามารถในการทำกำไรที่ค่อนข้างสูง
* **ราคาหุ้นเฉลี่ยย้อนหลัง**: ราคาหุ้นเฉลี่ย 1 ปี ล่าสุดอยู่ที่ 1.2 ลดลงจากช่วงเวลาที่ผ่านมา แสดงถึงความไม่แน่นอนของราคาหุ้นและความกังวลของนักลงทุน
* **D/E**: อยู่ที่ 3.4 ในปี 2566 ถึงแม้จะสูงกว่า 1 แต่บริษัทมีผลประกอบการที่เติบโต ดังนั้น ถือว่ายังอยู่ในระดับที่ยอมรับได้
* **วงจรเงินสด**: อยู่ที่ -17.56 ล้านบาทในปี 2566 ซึ่งเป็นค่าติดลบ แสดงให้เห็นว่าบริษัทมีประสิทธิภาพในการสร้างยอดขายและสามารถเรียกเก็บเงินสดจากลูกหนี้การค้าได้ ก่อนที่จะต้องจ่ายเงินสดนั้นออกไปให้กับเจ้าหนี้การค้าหรือนำไปจ่ายหนี้ ทำให้มีเงินสดมาใช้หมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจได้อย่างเพียงพอ
* **เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน**: อยู่ที่ -10.95 ล้านบาทในปี 2566 แสดงถึงการใช้เงินสดในการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ
* **เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุน**: อยู่ที่ -48.73 ล้านบาทในปี 2566 แสดงให้เห็นว่าบริษัทนำเงินไปลงทุนต่อยอดธุรกิจ

**โอกาส:**
* บริษัทมีแผนการขยายธุรกิจที่ชัดเจนและมีศักยภาพในการเติบโต
* บริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
* บริษัทมีเงินสดเพียงพอสำหรับการลงทุนในโครงการใหม่ๆ

**ความเสี่ยง:**
* ผลประกอบการยังผันผวน และยังมีความเสี่ยงจากการแข่งขันในอุตสาหกรรม
* ราคาหุ้นอาจมีความผันผวน
* การลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ อาจมีความเสี่ยงสูง

โดยสรุป การลงทุนใน PROS อาจเหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสเติบโตในระยะยาว และมีความยอมรับความเสี่ยงในระดับหนึ่ง การติดตามผลประกอบการอย่างใกล้ชิดเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการตัดสินใจลงทุน