สรุปงบล่าสุด PRIME
บริษัท ไพร์ม โรด เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 2 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
บริษัท ไพร์ม โรด เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ PRIME รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2567 โดยมีรายได้รวม 702.46 ล้านบาท ลดลง 35.61% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากการที่บริษัทมีการลงทุนในโครงการใหม่ๆ ที่ยังไม่สามารถสร้างรายได้กลับเข้ามาได้ บริษัทฯ ได้ลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยและไต้หวัน รวมถึงธุรกิจติดตั้ง 5๐|ละ เอ๐๐11๐๒ และซื้อขายไฟโฟฝ้าตามสัญญากับภาคเอกชน (5ทห์ล1๑ 65 ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ในประเทศไทย และมีการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศกัมพูชา ซึ่งเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ไปเมื่อไตรมาส 4/2565
แผนธุรกิจและกลยุทธ์ในอนาคตของ PRIME เน้นการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศไต้หวัน ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดพลังงานทดแทน บริษัทตั้งเป้าจะเพิ่มกําลังการผลิตโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในไต้หวันรวม 11 เมกะวัตต์ ภายในปี 2567 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีเป้าหมายที่จะขยายธุรกิจ 5๐|ละ เอ๐๐11๐๒ และซื้อขายไฟโฟฝ้าตามสัญญากับภาคเอกชน (5ทห์ล1๑ 65 ในประเทศไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยคาดหวังว่าจะสามารถสร้างรายได้จากธุรกิจนี้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสําคัญในปี 2567
ผลประกอบการไตรมาส 2/2567 ของ PRIME แสดงให้เห็นว่าบริษัทอยู่ในช่วงการลงทุนขยายธุรกิจ ซึ่งส่งผลให้รายได้ลดลง แต่กำไรสุทธิยังคงเป็นบวก แม้จะลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับ P/E ในไตรมาสล่าสุด อยู่ที่ -100 โดยส่วนใหญ่เป็นผลจากการที่กำไรสุทธิติดลบ สะท้อนถึงความคาดหวังของนักลงทุนที่มีต่อกำไรในอนาคต P/BV อยู่ที่ 0.43 และ D/E ล่าสุดอยู่ที่ 2.93 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าอัตราส่วนทางการเงินหลายอย่างจะอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง แต่การขยายธุรกิจในต่างประเทศ และการรุกตลาด 5๐|ละ เอ๐๐11๐๒ และซื้อขายไฟโฟฝ้าตามสัญญากับภาคเอกชน (5ทห์ล1๑ 65 ในประเทศไทย ทำให้ PRIME มีโอกาสเติบโตในอนาคต อย่างไรก็ตาม PRIME มีความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดพลังงานทดแทน PRIME อาจเหมาะกับนักลงทุนระยะยาวที่ต้องการถือหุ้นเพื่อรับผลประโยชน์จากการเติบโตของบริษัทในอนาคต มากกว่าการลงทุนเพื่อหวังผลกำไรในระยะสั้น
**รายได้จากธุรกิจหลักของ PRIME ในไตรมาส 2/2567:**
* รายได้จากการขายไฟฟ้า: 213.89 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 4.64% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน)
* รายได้จากธุรกิจบริการด้านวิศวกรรม จัดซื้อจัดหาอุปกรณ์ และติดตั้ง 5๐|!ละ ห๐๐(๐ (๒5๐): 49.60 ล้านบาท (ลดลง 25.12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน)
* รายได้จากธุรกิจซื้อขายวัสดุและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องถับเหลังงาน: 22.72 ล้านบาท (ลดลง 36.14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน)
* ส่วนแบ่งถําไรในบริษัทร่วม: 10.63 ล้านบาท (ลดลง 84.52% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน)
**สาเหตุสำคัญของการลดลงของรายได้ในไตรมาส 2/2567:**
* การลงทุนในโครงการใหม่ๆ ที่ยังไม่สามารถสร้างรายได้กลับเข้ามาได้
* การแข่งขันในตลาดที่สูงขึ้น
* การทยอยหมดระยะเวลาการรับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล (/เส่ฮ่อๆ ของโครงการที่ลงทุนกลุ่ม 4๒ผ# Energy
**โอกาสการลงทุนใน PRIME:**
* การขยายธุรกิจในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศไต้หวัน
* การรุกตลาด 5๐|ละ เอ๐๐11๐๒ และซื้อขายไฟโฟฝ้าตามสัญญากับภาคเอกชน (5ทห์ล1๑ 65 ในประเทศไทย
**ความเสี่ยงของการลงทุนใน PRIME:**
* ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
* การแข่งขันที่รุนแรงในตลาดพลังงานทดแทน
* D/E ที่สูง
PRIME อาจเหมาะกับนักลงทุนระยะยาวที่ต้องการถือหุ้นเพื่อรับผลประโยชน์จากการเติบโตของบริษัทในอนาคต มากกว่าการลงทุนเพื่อหวังผลกำไรในระยะสั้น
(3.70%)
(37.29%)
(0.01%)
(5.87%)
(3.83%)
(50.11%)
(1.77%)
(0.57%)
(216.03%)
(217.78%)
(127.89%)
(102.65%)