PRIME
บริษัท ไพร์ม โรด เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน)

สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567

สรุปสั้น

ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล


ผู้เขียน

สรุปด้วย AI(O) BOT

## บทสรุปผลประกอบการ บริษัท ไพร์ม โรด เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) (PRIME) (อัปเดตข้อมูลล่าสุด)

บริษัท ไพร์ม โรด เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) (PRIME) ในปี 2567 มีรายได้รวม 1,345 ล้านบาท ลดลง 31% จากปีก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากการลดลงของรายได้จากธุรกิจ EPC (ธุรกิจบริการด้านวิศวกรรม จัดซื้อจัดหาอุปกรณ์ และติดตั้ง Solar rooftop) ที่ลดลงถึง 52.07% เนื่องจากมีการแข่งขันในตลาดที่สูงขึ้น รวมถึงรายได้จากการซื้อขายวัสดุและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับพลังงานลดลง 56.78% เนื่องจากมีคู่แข่งทางการตลาดสูงขึ้น บริษัทฯ ขาดทุนสุทธิ 186 ล้านบาท ลดลง 79% จากปีก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากการรับรู้รายได้จากส่วนแบ่งกำไรในบริษัทร่วมได้ทยอยหมดระยะเวลาการรับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลของโครงการที่ลงทุนกลุ่มธิ Energy และผลกระทบจากผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ในส่วนของโครงการในประเทศไทย บริษัทในเครือได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จและส่งมอบโครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาแบบครบวงจรให้กับคู่สัญญาจำนวน 24 โครงการ กำลังการผลิตรวม 18.16 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการ 328.95 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้จำหน่ายหุ้นสามัญของบริษัทย่อยที่ถือหุ้นทางอ้อมในประเทศไต้หวัน ซึ่งดำเนินธุรกิจโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 49.54 เมกะวัตต์ มูลค่า 476.76 ล้านบาท และบริษัทฯ ได้รับการประเมิน SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ในระดับ "AAA" และได้รับคัดเลือกให้อยู่ใน "หุ้นยั่งยืน THSI" และ CG Scoring ระดับ "ดีเลิศ" (5 ดาว)

สำหรับแผนธุรกิจและกลยุทธ์ในอนาคต บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ มีโครงการที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาหลายโครงการ อาทิ โครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินในประเทศไทย โครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนบ่อเลี้ยงปลาในประเทศไต้หวัน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน เพื่อสร้างผลกำไรที่ยั่งยืนในระยะยาว อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ อาทิ การแข่งขันที่รุนแรงในตลาด การเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐบาล และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน บริษัทฯ ได้สรุปผลการประชุมผู้ถือหุ้นกู้เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 โดยผู้ถือหุ้นกู้ 4 รุ่น ได้ลงมติอนุมัติขอปรับเงื่อนไขการชำระหนี้หุ้นกู้ โดยมีเงื่อนไขเพิ่มเติม เช่น การขยายระยะเวลาครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ออกไปอีก 1 ปี, การแบ่งชำระคืนเงินต้นบางส่วน, และการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.50 ต่อปี นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และมองเห็นโอกาสในการเพิ่มรายได้จากใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (REC) และตลาดซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิต

จากข้อมูลผลประกอบการและข้อมูลทางการเงินอื่นๆ ที่กล่าวมาข้างต้น การพิจารณาว่า PRIME เป็นโอกาสในการลงทุนหรือไม่นั้น ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบและใช้วิจารณญาณอย่างถี่ถ้วน แม้ว่าราคาหุ้นจะปรับตัวลดลงอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา (4Q2566 = 0.65, 1Q2567 = 0.65, 2Q2567 = 0.47, 3Q2567 = 0.29, 4Q2567 = 0.23) และ P/BV จะต่ำ (ล่าสุด 0.18) แต่ผลประกอบการยังคงขาดทุน และบริษัทฯ มีหนี้สินจำนวนมาก (D/E = 2.60 เท่า) การลงทุนใน PRIME จึงยังคงมีความเสี่ยงสูง อย่างไรก็ตาม ตลาดการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ทั่วโลกยังคงเติบโตได้ดีต่อเนื่อง และบริษัทฯ มีโอกาสในการเติบโตจากการขยายตลาด PPA และ Self-Consumption ในประเทศไทย หากภาครัฐให้การสนับสนุนเพิ่มเติม นอกจากนี้ การเติบโตของธุรกิจติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาแบบครบวงจร (Solar Rooftop EPC) และธุรกิจด้านการออกแบบ ติดตั้ง และให้คำปรึกษาด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีพลังงาน (Energy Technology Solutions) อาจเป็นปัจจัยบวกในระยะยาว

**โอกาส:**

* การเติบโตของตลาดพลังงานหมุนเวียน
* การสนับสนุนจากภาครัฐสำหรับพลังงานหมุนเวียน
* การขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ
* แนวโน้มการเติบโตของระบบโครงข่ายไฟฟ้า
* แผนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
* โอกาสในการเพิ่มรายได้จาก REC และตลาดคาร์บอนเครดิต
* การเติบโตของตลาด PPA และ Self-Consumption ในประเทศไทย
* ศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจ Solar Rooftop EPC และ Energy Technology Solutions

**ความเสี่ยง:**

* การแข่งขันที่รุนแรง
* การเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐบาล
* ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
* ภาระหนี้สินที่สูง
* ผลการดำเนินงานที่ผันผวน
* ความไม่แน่นอนของการชำระหนี้หุ้นกู้

**การวิเคราะห์เพิ่มเติม:**

* รายได้จากการขายไฟฟ้ายังคงเป็นรายได้หลักของบริษัทฯ
* อัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิยังคงต่ำ
* อัตราส่วนสภาพคล่อง (Current Ratio) ค่อนข้างต่ำ (0.27 เท่า)
* ความสามารถในการชำระดอกเบี้ย (ICR) ยังต่ำ (1.52 เท่า)
* หนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวม (IBD/E ratio) ค่อนข้างสูง (2.05 เท่า)
* วงจรเงินสดค่อนข้างผันผวน
* การอนุมัติขยายเวลาจ่ายหนี้ออกไป 1 ปี เพิ่มดอกเบี้ย 0.5% และแบ่งชำระคืนเงินต้น 2 งวด ของรุ่น 78!๒5253ภ7 ว8แห๒6250ค wa: PRIME25DB douya PRIME253B มาไม่ครบองค์ประชุม มีกำหนดเลื่อนไปประชุมใหม่ 5 มีนาคม 2568
* บริษัทมีแผนการชำระคืนเงินต้นหุ้นกู้โดยใช้กระแสเงินสดจากการจำหน่ายหุ้นสามัญของบริษัทย่อยบางส่วน, การขายหุ้นในโครงการโรงไฟฟ้า, และการหาผู้ร่วมทุน

ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจลงทุนในหุ้น PRIME


รายได้รวม
361.58 ล้านบาท
78.38ล้านบาท
(27.67%)
ไตรมาสก่อนหน้า
102.78ล้านบาท
(22.13%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
กำไรขั้นต้น
79.87 ล้านบาท
16.16ล้านบาท
(16.83%)
ไตรมาสก่อนหน้า
16.06ล้านบาท
(16.74%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
อัตรากำไรขั้นต้น(%)
22.09 ล้านบาท
11.82ล้านบาท
(34.86%)
ไตรมาสก่อนหน้า
1.43ล้านบาท
(6.92%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
ค่าใช้จ่ายรวม
76.42 ล้านบาท
10.69ล้านบาท
(16.27%)
ไตรมาสก่อนหน้า
11.31ล้านบาท
(12.89%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
อัตราค่าใช้จ่าย(%)
21.14 %
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
กำไรสุทธิ
-95.27 ล้านบาท
8.63ล้านบาท
(9.96%)
ไตรมาสก่อนหน้า
879.92ล้านบาท
(90.23%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
อัตรากำไรสุทธิ(%)
-26.35 %
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
D/E
2.60 เท่า
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
กระแสเงินสด
242.14 ล้านบาท
208.18ล้านบาท
(613.02%)
ไตรมาสก่อนหน้า
275.54ล้านบาท
(824.97%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล