PORT
บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน)

Oppday

ไตรมาสที่ 3 ปี 2568

สรุป OPPDAY

เจาะลึกผลประกอบการ PORT ไตรมาส 3/2568: วิเคราะห์ธุรกิจและแนวโน้มอนาคต

สวัสดีครับ ผมทวีชัย วันนี้จะขอมานำเสนอข้อมูลสำหรับ Oppday ไตรมาสที่ 3 ปี 2568 โดยจะครอบคลุมใน 5 ส่วนหลักๆ ได้แก่ Company Overview, Industry Update, Financial Highlight, Business Outlook และส่วนของการตอบคำถาม

Company Overview

บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจท่าเรือระหว่างประเทศและภายในประเทศ ด้วยทุนจดทะเบียนประมาณ 300 ล้านบาท โดยมีบริษัทลูก 3 บริษัท ได้แก่:

  1. Bangkok Barge Terminal (BBT): ประกอบท่าเรือในแม่น้ำในประเทศ สำหรับเรือ Barge
  2. BDS (Bangkok Container Depot Service): สำหรับ Maintain ตู้เปล่า
  3. BTS (Bangkok Trucking Service): ให้บริการในเรื่องของหัวลาก

บริษัทร่วม 2 บริษัท ได้แก่:

  1. Bangkok Barge Service (BBS): ร่วมทุนกับบริษัทในเครือ MSC
  2. Bangkok Logistics Park (BLP): ซึ่งเป็น Warehouse ร่วมทุนกับทาง Frasers

กลยุทธ์หลักๆ ของบริษัทมี 3 ส่วนคือ:

  1. ให้บริการที่ครบวงจรกับลูกค้า เพื่อความสะดวก
  2. อยู่ในทำเลที่เข้าถึงง่ายสำหรับลูกค้า ด้วยถนนหลายสายที่อยู่ใกล้ๆ บริษัท และความสะดวกในการสัญจรระหว่างแหลมฉบัง
  3. การที่มีพาร์ทเนอร์ที่พร้อมจะเติบโตไปด้วยกัน

โดยแบ่งธุรกิจเป็น 4 CBU หลักๆ คือ:

  1. ส่วนงาน Terminal: ซึ่งประกอบไปด้วยเรือ Feeder หรือเรือระหว่างประเทศ
  2. เรือ Barge และฝูงเรือ Barge
  3. CFS: หรืองานบรรจุ
  4. งานตู้เปล่า

นอกจากนี้ยังมี Inland Transport (รถหัวลาก), Warehouse and Yard และส่วนอื่นๆ ซึ่งหลักๆ ก็คือ Freight Forward

หากดูในเรื่องของ Total Revenue ในไตรมาสที่ 3, Total Revenue อยู่ที่ 353 ล้านบาท แบ่งตาม CBU ดังนี้:

  • Terminal 67%
  • Freight Forward 15.26%
  • Inland Transport 14.87%
  • Warehouse and Yard 2.74%
  • อื่นๆ 0.02%

ในส่วนของ Volume ในปี 2568 ไตรมาสที่ 3, Container Throughput ลดลง 7.58% year-on-year เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปีที่แล้ว CFS ก็ลดลงเช่นเดียวกัน 52.1% แต่ในส่วนของงานตู้เปล่าคงที่ ในส่วนของรถหัวลากเพิ่มขึ้น 3.52% และ Freight Forward ลดลง 25.3% โดยรวมจะเห็นว่าปริมาณ Volume หลักๆ มีการลดลง เนื่องมาจากสภาพเศรษฐกิจทั้งภายในประเทศและ Global Economy ทำให้เราก็มี Impact พอสมควร

ในส่วนของ Capacity ของท่าเรือตอนนี้ สหไทยเองใช้พื้นที่ท่าอยู่ประมาณ 65.54%, BBT 25.99% และ Depo อยู่ที่ 66.42% ในส่วนของ Capex ของปีนี้ก็ยังเป็นเช่นเดิม เราสำรองสำหรับ Capex ไว้ 15 ล้านบาท และ 5 ล้านบาทสำหรับงาน Project

Financial Highlights

ในไตรมาส 3 ปี 2568 บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 353 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 374 ล้านบาท โดยบริษัทมีรายได้จากธุรกิจ Terminal ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก ได้แก่ บริการท่าเทียบเรือเชิงพาณิชย์ครบวงจร จำนวน 237 ล้านบาท โดยมีรายได้ที่ใกล้เคียงกันเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันในปีก่อนหน้า โดยปรับตัวลดลงเล็กน้อยที่ 0.31% year-on-year ในขณะที่รายได้จากธุรกิจ Non-Terminal มีรายได้รวมอยู่ที่ 116 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากบริการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ทางบก 52 ล้านบาท, บริการพื้นที่จัดเก็บตู้คอนเทนเนอร์และคลังสินค้า 10 ล้านบาท และบริการเป็นตัวแทนผู้นำเข้าและส่งออก รวมถึงบริการที่เกี่ยวเนื่องอื่นๆ อีก 54 ล้านบาท ภาพรวมรายได้ธุรกิจ Non-Terminal Business ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนประมาณ 14.55% year-on-year

สำหรับภาพรวมธุรกิจ Terminal ยังมีอัตราเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในไตรมาสที่ 3 ปี 2568 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 200 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อนจะเห็นได้ว่าแม้รายได้จาก Volume Feeder มีการปรับตัวลดลง แต่บริษัทยังคงรักษาฐานรายได้ โดยมีรายได้จาก Barge เข้ามาทดแทน ทำให้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้เพิ่มขึ้นที่ 4.66% และเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ที่ผ่านมา รายได้มีการปรับลดลงเล็กน้อยในส่วนของงาน Barge ที่ 3.87% โดยรายได้จากบริการ Terminal Handling เป็นบริการหลักของกลุ่มธุรกิจ Terminal แบ่งเป็นรายได้จากการบริการ Barge Handling จำนวน 184 ล้านบาท และเป็นบริการจาก Feeder Handling อีก 16 ล้านบาท

ด้านปริมาณตู้คอนเทนเนอร์ที่ให้บริการในไตรมาสนี้อยู่ที่ 85,000 TEU ปรับลดลงจาก 95,000 TEU ในช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือลดลงประมาณ 10.18% และเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ปริมาณตู้คอนเทนเนอร์มีการปรับลดลงอยู่ที่ 6.42% งานบริการบรรจุ ขนถ่ายสินค้าออกจากตู้คอนเทนเนอร์ ในไตรมาสที่ 3 นี้ มีงานบริการบรรจุรวมทั้งสิ้น 4 ตู้ รายได้รวมอยู่ที่ 8 ล้านบาท ซึ่งลดลงจาก 16 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน หรือลดลงประมาณ 53% และเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปีนี้ อัตราลดอยู่ที่ 29.5%

ในส่วนของ Container Depot จะเป็นการบริการจัดเก็บ ตรวจสอบ และซ่อมบำรุงตู้คอนเทนเนอร์ มีรายได้รวมอยู่ที่ 30 ล้านบาท จากการให้บริการตู้คอนเทนเนอร์จำนวน 21,000 TEU เมื่อเทียบกับรายได้ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 31 ล้านบาท และมีการปริมาณตู้ที่ให้บริการจำนวน 28,000 TEU คิดเป็นอัตราการลดลงของรายได้อยู่ที่ 4.4% และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าก็ลดลงที่ 12.5%

รายได้จาก Inland Transport เป็นรายได้จากการบริการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ทางบก ในไตรมาสที่ 3 ปี 2568 มีรายได้อยู่ที่ 52 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้อยู่ที่ 49 ล้านบาท มีอัตราเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 6.47% จากจำนวนตู้สินค้าที่ให้บริการกับกลุ่มลูกค้านะคะในอุตสาหกรรมยานยนต์เพิ่มขึ้น โดยในภาพรวมจำนวนตู้ที่ให้บริการเพิ่มขึ้นประมาณ 1,000 TEU

รายได้จาก Warehouse and Yard ซึ่งเป็นรายได้จากบริการพื้นที่จัดเก็บตู้คอนเทนเนอร์และคลังสินค้า ซึ่งมีการปรับลดลงหลักๆ จากในส่วนของ Free Zone Yard ซึ่งเป็นเช่นเดียวกับไตรมาสที่ผ่านมา มีรายได้ค่าเช่าพื้นที่ลดลงและการนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์เข้ามาเก็บไว้ในเขตปลอดอากรลดลง ให้รายได้มีการปรับลดลงอยู่ที่ 32.8% แต่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาส 2 ที่ผ่านมาประมาณ 3.81%

รายได้จากธุรกิจ Freight Forward มีรายได้รวมอยู่ที่ 54 ล้านบาท ปรับตัวลดลงที่ 25.31% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากกลุ่มสินค้าเหล็กที่ส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกามีปริมาณลดลง และปรับตัวลดลงจากไตรมาส 2 เช่นเดียวกันที่ 18.08%

ภาพรวมสินทรัพย์ ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2568 บริษัทมีสินทรัพย์รวมจำนวน 3,151 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่จะเป็นสินทรัพย์ถาวร ซึ่งมีมูลค่า 1,631 ล้านบาท หรือคิดเป็น 51% ของสินทรัพย์รวม รองลงมาจะเป็นสินทรัพย์จากสัญญาเช่า มูลค่า 1,068 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 34% และถัดมาจะเป็นรายการสินทรัพย์หมุนเวียนอื่นๆ เช่น ลูกหนี้การค้า 145 ล้านบาท, เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 26.8 ล้านบาท ที่เป็นสัดส่วนรวมกันประมาณ 6% ของสินทรัพย์ทั้งหมด

ในฝั่งหนี้สิน บริษัทมีหนี้สินที่ก่อให้เกิดดอกเบี้ย (Interest-bearing debt) จำนวน 499 ล้านบาท หรือประมาณ 16% ส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 1,337.57 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 42% นอกจากนี้บริษัทยังมีหนี้สินตามสัญญาเช่า (Lease Liability) 1,012.67 ล้านบาท หรือคิดเป็น 33% รวมถึงเจ้าหนี้การค้าและหนี้สินหมุนเวียนอื่นๆ อีก 271 ล้านบาท

สินทรัพย์รวม ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 เพิ่มขึ้นที่ 108.91 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3.58 จากปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากการต่ออายุสัญญาเช่าที่ดินระยะยาว ส่งผลให้สินทรัพย์สิทธิการใช้เพิ่มขึ้น ในภาพของหนี้สินรวม เพิ่มขึ้น 111.81 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6.57 จากปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากการต่ออายุสัญญาเช่าที่ดินระยะยาว ส่งผลให้หนี้สินตามสัญญาเช่าเพิ่มขึ้น ในส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 ลดลง 2.90 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.22 จากปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากการรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วมตามวิธีส่วนได้เสีย

อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัท ณ ไตรมาส 3 ปี 2568 อยู่ที่ 1.35 เท่า ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 1.19 เท่า ณ ไตรมาส 2 ปี 2568 จากการที่บริษัทมีภาระหนี้สินตามสัญญาเช่าที่เพิ่มขึ้น โดยในภาพของ Debt to Equity Ratio ได้แสดงแยก Portion ของภาระจาก TFRS 16 เพื่อให้ทางผู้ลงทุนสามารถมองเห็นภาพฐานะการเงินได้อย่างชัดเจนและรอบด้านมากขึ้น ดังนั้นเมื่อเราไม่ได้รวมภาระจาก TFRS 16, ตัว Debt to Equity Ratio ณ ไตรมาส 3 ปี 2568 จะอยู่ที่ 0.57 เท่า ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงวินัยทางการเงิน และความสามารถในการบริหารจัดการหนี้สินของบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ระดับ EE Ratio อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ยังเปิดโอกาสให้บริษัทสามารถขยายการดำเนินงานและลงทุนเพิ่มเติมได้ โดยไม่กระทบต่อเสถียรภาพทางการเงิน

Industry Update

Volume ของแหลมฉบังในไตรมาสที่ 3 ปีนี้เพิ่มขึ้น 4.6% ในส่วนของท่าเรือคลองเตยลดลง 1.22% และท่าเรือเอกชนในแม่น้ำลดลง 14.23% เราจะเห็นว่าเทรนด์ของสายเรือคือการที่เขาพยายามที่จะ Center สินค้าเข้าไปทางแหลมฉบังเป็นหลัก โดยที่ Volume ที่เข้ามาในท่าเรือแม่น้ำลดลง แต่ยังไงก็ดีเราก็สามารถที่จะรักษาสเถียรภาพทางการเงินได้ถึงแม้ว่า Volume จะลดลง ในส่วนต่อไปคือ Outlook ของบริษัทเราเองที่เคยเรียนแจ้งว่าเราต้องการทำให้ได้ 4 Service ต่อสัปดาห์สำหรับเรือ Feeder และหาผู้เช่าให้เต็มสำหรับ BLP ซึ่งตอนนี้ทั้งสองอันก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยเรียบร้อยแล้ว ในส่วนของ BLP ก็ 95%

Q&A Session [00:30:26]

ขณะนี้ยังไม่มีคำถามใดๆ หากนักลงทุนมีคำถามเพิ่มเติม สามารถติดต่อทางบริษัทในภายหลังได้

สรุปภาพรวม

สหไทย เทอร์มินอล ยังคงมุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจ และรักษาเสถียรภาพทางการเงินอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาบริการและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจท่าเรือต่อไป