สรุป OPPDAY หุ้น PORT

บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุป OPPDAY
PORT Oppday: เจาะลึกผลประกอบการปี 2567 และทิศทางธุรกิจปี 2568
สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่งาน Oppday ของ PORT นะครับ วันนี้เราจะมาให้ข้อมูลเรื่องผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา ปี 2567 ครับ วันนี้ผมอยู่กับคุณทวีชัย คุรุจิตต์นะครับ เป็น CEO แล้วก็คุณรุ่งโรจน์ครับ เป็นผู้จัดการฝ่ายบัญชีนะครับ ก็เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา ผมขออนุญาตเริ่มการนำเสนอข้อมูลเลยนะครับ
สวัสดีครับ ผมขอเริ่มด้วย Table of Content นะครับ โดยวันนี้เราจะ Cover ในส่วนหลักๆ ก็คือ Company Overview, Industry Update แล้วก็จะต่อด้วย Financial Highlight นะครับ โดยคุณรุ่งโรจน์นะครับ แล้วก็ Industry Update, Business Outlook แล้วก็ถ้ามีคำถามอะไรจากท่านนักลงทุนนะครับ
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):
Group Structure ของเราตอนนี้นะครับ ในปี 2567 เนี่ยก็มีการเปลี่ยนแปลง ก็คือ BBT เนี่ยตอนนี้เราก็ถือหุ้นอยู่ 99.99% นะครับ แล้วก็มีการปิดบริษัท BRT ไปนะครับ เนื่องจากว่ามีมุมมองต่อ Volume ที่เปลี่ยนไปนะครับ ซึ่งเราก็ปรับธุรกิจตามสถานการณ์เศรษฐกิจครับ
ในส่วนถัดมานะครับ เป็น Strategy ของบริษัทของเราเนี่ย เราก็ยังคงชูในเรื่องของการที่เราให้บริการที่ครบวงจรนะครับ ใน Location ที่สะดวกต่อลูกค้า แล้วก็การมีพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ที่จะเติบโตไปด้วยกันนะครับ
บริษัทของเราแบ่งออกเป็น 4 Core Business หลักๆ นะครับ
- Terminal ซึ่งจะประกอบไปด้วย เรือ Feeder, เรือ Barge นะครับ แล้วก็งานบรรจุ หรือ CSS แล้วก็ Depo ก็คือตู้เปล่านะครับ
- Inland Transport ก็คือรถหัวลาก
- Warehouse แล้วก็ Yard นะครับ
- อื่นๆ ซึ่งหลักๆ ก็คือเป็นเรื่องของ Freight Forward ครับ
ในไตรมาสที่ 4 ปี 2567 เนี่ยเรามีรายได้ทั้งหมด 341 ล้านบาทนะครับ ลดลงเล็กน้อยจากปี 2566 โดยที่ 68% เนี่ยมาจากส่วนงาน Terminal นะครับ แล้วก็ 13% มาจากส่วนงานหัวลาก อีก 14% เป็นของ Freight Forward แล้วก็ประมาณ 3.78% เป็นของ Warehouse แล้วก็ Yard ครับ
โดยที่ถ้าเราไปดูทั้งปีในสไลด์ถัดไปนะครับ เราจะเห็นว่า ลดลงเล็กน้อยเช่นเดียวกันนะครับ Revenue ทั้งปีอยู่ที่ 1,475 ล้านบาทนะครับ ลดลงประมาณ 60 ล้าน โดยที่ 65% เนี่ยมาจากงานของ Terminal นะครับ 14% มาจาก Inland Freight Forward ก็อีก 18% ซึ่งก็คือเป็นสัดส่วนรายได้ที่เท่าๆ กับตัว Quarter นะครับ
ในส่วนถัดมานะครับ Terminal ของเราแบ่งออกเป็นหลักๆ คือ 2 Location ก็คือ 1 คือ สหไทย Terminal นะครับ ซึ่งจะประกอบไปด้วย Feeder Terminal 1 ท่า แล้วก็ Barge Terminal 2 ท่า แล้วก็ Barge Terminal ที่ประกอบ BBT นะครับ อีก 1 ท่า โดยที่ Throughput ของเราปีที่แล้วเนี่ย ในไตรมาส 4 เองเนี่ย ลดลงเล็กน้อยนะครับที่ 8% จาก 105 เป็น 96 นะครับ แต่ว่าเมื่อมาดูที่ทั้งปีเนี่ย ก็เพิ่มสูงขึ้นประมาณเกือบ 14% นะครับ
ไปดูในส่วนงานของงานบรรจุนนะครับ เนื่องจากว่าลูกค้าหลักของเราเนี่ย เป็นลูกค้าเกษตร เช่น แป้งนะครับ ซึ่งมี ซึ่งมีการส่งออกที่ลดลงนะครับ ซึ่งงานบรรจุส่วนนี้ ก็ของราก็ลดลงไปด้วยนะครับ ซึ่งในไตรมาส 4 เนี่ย ลดลงไป 24% แล้วก็ทั้งปีลดลงไป 9.9% ในส่วนของงานตู้เปล่าก็ไปในทิศทางเดียวกันนะครับ ลดลงประมาณ 20% แล้วก็ทั้งปีลดลงไป 6% ครับ
ในส่วนของงาน Inland Transport นะครับ ก็อย่างที่เคยแจ้งไปว่ามีการปรับโหมดจากรถหัวลากเป็น Barge นะครับ ซึ่งในไตรมาสที่ 4 เนี่ย งานหัวลากลดลงไป 38% ทั้งปีลดลงไป 47% แต่เมื่อเราไปดูไส้ในในงานของ Barge เนี่ย มีการเพิ่มขึ้นในอัตราส่วนที่สูงกว่านะครับ ในส่วนของ Freight Forward เองเนี่ย เนื่องจากสถานการณ์ Red Sea แล้วก็เรื่องสงครามต่างๆ นะครับ ก็ทำให้ลดลงเล็กน้อยนะครับ ในไตรมาส 4 ลดลงไป 6% แล้วก็ในทั้งปีเนี่ย ลดลงไป 1.1% ครับ
ในส่วนของ Capacity Utilization นะครับ สหไทย Terminal ตอนนี้อยู่ที่ 66.33%, BBT 44.15% แล้วก็ Depo อยู่ที่ 62.52% ครับ ในปีที่แล้วเนี่ยเราตั้งงบลงทุนไว้ที่ 60 ล้านนะครับ ซึ่งเราใช้จริงเนี่ยอยู่ที่ 32 ล้าน ส่วนในปีนี้เองเนี่ยเราตั้งไว้ 20 ล้าน โดยจะแบ่งเป็น Capex 15 ล้าน แล้วก็งาน Project 5 ล้านนะครับ
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):
ในสไลด์ถัดไปในส่วนของ Terminal Activity หรือว่ากิจกรรมที่เกิดขึ้นในท่าเทียบเรือของเรา จะเห็นว่าการที่ลูกค้าเปลี่ยนโหมดการขนส่งจากทางบก มาเป็นการขนส่งทางเรือ Barge ทำให้รายได้ในส่วนนี้เพิ่มมากขึ้น
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):
งานบรรจุ (CFS): รายได้ส่วนนี้ลดลงไปประมาณ 11% ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากการที่สินค้าบรรจุของเราส่วนใหญ่เป็นสินค้าทางการเกษตร เนื่องจากปี 2567 ประเทศไทยประสบปัญหาเอลนีโญ ทำให้ผลผลิตลดลง แต่คาดการณ์ว่าเป็นผลกระทบระยะสั้น ตลาดส่งออกหลักคือจีน ซึ่งมีกำลังซื้อมากอยู่แล้ว คาดว่า Volume จะกลับมาเพิ่มขึ้นเมื่อสถานการณ์กลับมาปกติ
พื้นที่คลังสินค้าและฟรีโซน: ยอดรวมลดลงไปประมาณ 26% เนื่องจากลูกค้าชะลอการใช้บริการ
Freight Forwarding: รายได้ลดลง 1% จากผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งและสงครามในบางภูมิภาค
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):
ในสไลด์ถัดไป นะครับ ในส่วนของ Non-Terminal Activity หรือว่าจากกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวกับท่าเรือ จะเห็นว่า Inland Transport ลดลงเนื่องจาก ลูกค้ามีการเปลี่ยนโหมดการขนส่งนะครับ จากทางบกไปเป็นทางเรือ Barge นะครับ
ถึงแม้ธุรกิจคลังสินค้า พื้นที่คลังสินค้าและฟรีโซนจะลดลง แต่บริษัทเล็งเห็นโอกาสในการพัฒนาคลังสินค้าโดยนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาสนับสนุน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็ว
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):
Feeder Service: คาดการณ์ว่าในปี 2567 จะมีการกลับมาของ Volume ของ Feeder รวมทั้ง Barge ที่ค่อนข้างดี โดยมีเป้าหมายที่จะ Maintain และ Achieve Feeder Service ให้ได้ 4 Service ต่อสัปดาห์ Project ร่วมกับ Fraser: Bangkok Logistics Park ซึ่งเริ่มให้บริการไปในปลายปีที่แล้ว มี Occupancy อยู่ประมาณ 80% ณ สิ้นปีที่แล้ว โดยคาดว่าจะ Achieve เพิ่มเติมอีกประมาณ 10% ภายใน Second Half ของปีนี้ ทำให้ Occupancy ขึ้นไปได้ 90% ภายในปีนี้
ภาพรวมฐานะทางการเงินของบริษัท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 โครงสร้างสินทรัพย์ส่วนใหญ่ยังคงเป็น Fixed Asset (55%) และสินทรัพย์สิทธิการใช้ (30%) Equity อยู่ที่ 44% ในขณะที่หนี้สินมีสัดส่วนลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า Debt to Equity Ratio ลดลงจาก 1.56 เหลือ 1.26 เนื่องจากบริษัทมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่สม่ำเสมอ และมีการจ่ายชำระหนี้ระยะยาวและหนี้ตามสัญญาเช่าอย่างสม่ำเสมอ ทำให้หนี้สินลดลง ในขณะที่มีกำไร ทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session):
[เริ่ม Q&A นาทีที่ 34:36]
ยังไม่มีคำถามจากนักลงทุน
โดยสรุป PORT ยังคงมุ่งเน้นการเติบโตในธุรกิจหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Feeder Service และการพัฒนาคลังสินค้าให้ทันสมัย ในขณะที่ต้องเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยภายนอก เช่น สถานการณ์เศรษฐกิจโลก และภัยแล้งเอลนีโญ