สรุปงบล่าสุด PLE

สรุปด้วย AI(O) BOT

**สรุปผลประกอบการของ บมจ. เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง (PLE) ไตรมาส 3/2568**

**1. สรุปรายได้รวม:**
ในไตรมาส 3/2568 บริษัทมีรายได้รวม 4.2 พันล้านบาท ลดลง 45.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (7.7 พันล้านบาท) โดยรายได้หลักมาจากสัญญาการก่อสร้าง ซึ่งอยู่ที่ 4.02 พันล้านบาท ลดลง 45.7% จาก 7.4 พันล้านบาทในปีก่อนหน้า การลดลงนี้มาจากการรับรู้รายได้ที่ลดลงจากงานก่อสร้างในมือที่มีอยู่ แต่บริษัทสามารถทำกำไรขั้นต้นได้ที่ 14.4% ในขณะที่ปีก่อนขาดทุนขั้นต้น 4.2% เนื่องจากควบคุมต้นทุนวัสดุหลักและแรงงานได้ดีขึ้น ในไตรมาส 3/2568 บริษัทมีกำไรสุทธิ 11.1 ล้านบาท หรือกำไรต่อหุ้น 0.007 บาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 707 ล้านบาท หรือขาดทุนต่อหุ้น 0.519 บาท (หน้า 1)

**2. สถานการณ์เศรษฐกิจ:**
เศรษฐกิจไทยในช่วงที่ผ่านมาขยายตัวเพียง 1.8-2.3% ซึ่งถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในกลุ่ม CLMV อุตสาหกรรมก่อสร้างมีแนวโน้มขยายตัวประมาณ 2% ต่อปี มูลค่างานรวมประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท โดยเป็นงานภาครัฐประมาณ 0.81 ล้านล้านบาท การขยายตัวดังกล่าวถือว่าค่อนข้างน้อย นอกจากนี้ ผลกระทบจากราควัสดุก่อสร้างและต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมก่อสร้าง โครงการขนาดใหญ่หลายโครงการของทั้งภาครัฐและเอกชนเลื่อนระยะเวลาการเปิดประมูลออกไป ทำให้มีโครงการใหม่เกิดขึ้นค่อนข้างน้อยในช่วงปีที่ผ่านมา ทำให้ผู้รับเหมาต้องแข่งขันกันอย่างมากเพื่อให้ได้งาน (หน้า 1)

**3. การเปลี่ยนแปลงในรายได้และกำไร:**
ต้นทุนงานก่อสร้างลดลงเมื่อเทียบกับรายได้จากงานก่อสร้าง โดยในปี 2568 มีต้นทุนงานก่อสร้าง 3.44 พันล้านบาท คิดเป็น 85.6% เมื่อเทียบกับปี 2567 ที่มีต้นทุน 7.72 พันล้านบาท คิดเป็น 104.2% ค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้นจาก 329 ล้านบาทในปี 2567 เป็น 458.7 ล้านบาทในปี 2568 (เพิ่มขึ้น 39.4%) ในขณะที่ต้นทุนทางการเงินลดลงจาก 328.5 ล้านบาท (4.3% ของรายได้) ในปี 2567 เป็น 284 ล้านบาท (6.7% ของรายได้) ในปี 2568 เนื่องจากการชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นจากสถาบันการเงิน (หน้า 1-2)

**4. สินทรัพย์และหนี้สิน:**
ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 14.01 พันล้านบาท ลดลง 6% จาก 14.85 พันล้านบาทในปีก่อนหน้า โดยเป็นการลดลงของสินทรัพย์หมุนเวียน หนี้สินรวมลดลงจาก 13.39 พันล้านบาทในปี 2567 เป็น 12.43 พันล้านบาทในปี 2568 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลดลงของเจ้าหนี้การค้าและเงินกู้ระยะสั้นจากสถาบันการเงิน อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio) อยู่ในระดับเดียวกับปี 2567 ที่ 7.85 เท่า (ปี 2568 อยู่ที่ 7.87 เท่า) (หน้า 2)

**ประเด็นสำคัญเพิ่มเติม:**

* **การเพิ่มทุนและลดทุน:** บริษัทได้เพิ่มทุนจดทะเบียนในเดือนมิถุนายน 2568 และลดทุนจดทะเบียนชำระแล้วในเดือนตุลาคม 2568 เพื่อชดเชยผลขาดทุนสะสม (หน้า 1)
* **งานในมือ:** ณ สิ้นเดือนกันยายน 2568 บริษัทมีงานในมือรวม 10.6 พันล้านบาทที่จะรับรู้รายได้ในปี 2568 และปีต่อ ๆ ไป (หน้า 1)
* **การเติบโตอย่างยั่งยืน:** บริษัทมุ่งดำเนินธุรกิจแบบเติบโตอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงการสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจ ยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคม และลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (หน้า 3)
* **โครงการเพื่อความยั่งยืน:** บริษัทได้จัดทำโครงการ "ช่วยกันคนละไม้คนมือตามแนวคิด 3R" เพื่อลดปริมาณขยะและส่งเสริมการรีไซเคิล (หน้า 3-4)
* **การรับรองมาตรฐาน:** บริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินการปรับปรุงกระบวนการทำงานด้านต่างๆ เพื่อให้ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 14001:2015 และ ISO 45001:2018 (หน้า 4)