NSL
บริษัท เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน)

Oppday

ไตรมาสที่ 3 ปี 2568

สรุป OPPDAY

NSL Food เผยกลยุทธ์ปี 2568 ไตรมาส 3: เสริมแกร่งธุรกิจหลัก สู่การเติบโตยั่งยืน

NSL Food จัดงาน Opportunity Day สำหรับไตรมาสที่ 3 ปี 2568 โดยมีผู้บริหาร 3 ท่านเข้าร่วมให้ข้อมูล ได้แก่ คุณสมชาย อัศวปิยานนท์ (ประธานกรรมการบริหาร), คุณวีรชน ขาวผ่อง (ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ), และคุณจริยา มุสิกชัย (นักลงทุนสัมพันธ์และผู้จัดการอาวุโสฝ่ายบัญชีและการเงิน) โดยมีหัวข้อหลักคือ "เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลัก และต่อยอดคุณค่าเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน"

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):

บริษัทได้กำหนดแนวทางกลยุทธ์และการดำเนินงานไว้ 3 กลยุทธ์หลัก:

  1. การบูรณาการห่วงโซ่คุณค่า: ตั้งแต่การพัฒนาผลิตภัณฑ์, กระบวนการผลิต, จนถึงการกระจายสินค้าทั่วประเทศ
  2. การเป็น OEM Partner of Choice: ครอบคลุมสินค้าเบเกอรี่, อาหารพร้อมทาน, และนวัตกรรม (เช่น อาหารรองท้อง, แซนด์วิช)
  3. การวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ที่เน้นความสะดวกสบายและตอบสนองเทรนด์ของผู้บริโภค (เช่น ชิโอะปัง, โอซาก้า ครีมพัฟ)

ช่องทางการจัดจำหน่ายครอบคลุมทั้ง MT, TT, Food Service และตลาดส่งออก (ผ่านบริษัท NSL Intertrade) ในตลาดส่งออกมีการขยายช่องทางจัดจำหน่ายเพิ่มเติม ในด้าน Operation, Speed to Market เป็น Driver สำคัญ มีการ Launch Product ใหม่ๆ เฉลี่ย 5-6 SKU ต่อเดือน มีการ Level Up สินค้าเดิม, ปรับปรุงหน้าร้าน Make a Wish ให้ทันสมัยตามเทรนด์ การผลิต: ปฏิบัติตามมาตรฐานต่างๆ (ความปลอดภัยอาหาร, GMP, HACCP) รวมถึงมาตรฐาน GFSI (FSSC, BRC) และมาตรฐานด้านความยั่งยืน (การจัดการสิ่งแวดล้อม, การจัดการแรงงาน)

การดำเนินงานตามมาตรฐานสากล สร้างความมั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้า, ดูแลด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม

การจัดการโรงงานและกำลังการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ, ควบคุมต้นทุน, ใช้เครื่องมือต่างๆ (Seven Waste, QCRS) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต

การขยาย Product Portfolio: ทั้ง Miew, อาหารพร้อมทาน, เครื่องดื่ม, กะทิ (ใน Port ของ NSL Food มีทั้งเครื่องดื่ม, อาหารรองท้อง, เบเกอรี่, Snack, Miew, และอาหาร Food Service)

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):

บริษัทยังคงเดินหน้าขยายช่องทางการจัดจำหน่ายและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):

ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการจ้างงานและต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):

การเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและการจัดการต้นทุน

ความยั่งยืน (Sustainability): ดำเนินงาน 3 เรื่องสำคัญ

  • การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ: ลดก๊าซเรือนกระจก Scope 1, 2, 3 ลง 20% ภายในปี 2573 (ปีฐาน 2566), เพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน 20% ภายในปี 2573, ติดตั้ง Solar Rooftop (1,000 kWp คิดเป็น 28% ของเป้าหมาย), ลดการพึ่งพาไฟฟ้าจาก Grid (1 ล้าน kWh), ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (534 ตัน CO2 equivalent ต่อปี)
  • การจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน: ลดการใช้น้ำต่อรายได้ 15% เทียบกับปี 2566 (เป้าหมายปี 2573), ไม่มีการรั่วไหลของน้ำที่มีนัยสำคัญ, บำบัดน้ำ 80% ให้สอดคล้องกับข้อกำหนดก่อนคืนสู่ธรรมชาติ, อัตราการใช้น้ำต่อรายได้ลดลง 1.87% YoY
  • การจัดการขยะอย่างสร้างสรรค์: นำขยะไป Recycle/Reuse 30%, ลด Sanization Landfield ให้เป็นศูนย์ภายในปี 2593, นำขยะกลับมาใช้ซ้ำ/Recycle 5.64%, ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปฝังกลบ 22 ตัน CO2 equivalent, ร่วมมือกับ มูลนิธิ SOS ส่งมอบอาหารส่วนเกิน (1,159 kg) ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากอาหารส่วนเกิน (2.9 ตัน CO2 equivalent)

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):

วางแผนกลยุทธ์และ Outlook ในปีหน้า โดยมีแผนการเติบโตที่ชัดเจน

  • Total Revenue: 5,174 ล้านบาท (เติบโต 22.9% YoY), บรรลุเป้าหมาย 77%
  • รายได้ไตรมาส 3: 1,679 ล้านบาท (เติบโต 16.5% YoY), ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 (QoQ -5.7%) (จาก Seasonal ของสินค้าและการเข้าใช้บริการร้าน)
  • Net Profit: 460 ล้านบาท (เติบโต 17.6% YoY), Net Profit Margin 8.9%
  • กำไรไตรมาส 3: 125 ล้านบาท (ลดลง 5.9% YoY และ QoQ) (จากต้นทุนค่าแรง)

เปรียบเทียบ Revenue และ Net Profit 9 เดือน: มีการเติบโตต่อเนื่อง (22.9%) จากปริมาณการขายและ SKU ใหม่ๆ, Category สินค้าใหม่ๆ แม้ต้นทุนจะสูงขึ้น (กำไรเติบโต 17.6%) Gross Profit Margin และ Net Profit Margin ไตรมาส 3 ลดลง: จากต้นทุนที่สูงขึ้น (GP 17.9% ลดลงจาก Q2/2568 และ Q1/2568), สถานการณ์ชายแดน (การจ้างแรงงานกัมพูชา), Product Mix (ต้นทุนบางสินค้าสูงขึ้น)

รายได้ย้อนหลัง 3 ปี: เติบโตจาก 3,400 ล้านบาท (ปี 2566) เป็น 4,200 ล้านบาท (ปี 2567) และ 5,174 ล้านบาท (9 เดือนปี 2568) (Revenue CAGR = 22.1%)

รายได้ 9 เดือน และกำไร ยังมีการเติบโต 17.6% ในภาพรวมเมื่อเทียบกับปีที่แล้วแม้ว่าในไตรมาส 3 จะมีการปรับตัวลงเนื่องจาก seasonal

12 เดือนย้อนหลัง (ไตรมาส 4/2567 ถึง ไตรมาส 3/2568): เติบโต 23%, กำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่อง

SGA: ไตรมาส 3/2568 อยู่ที่ 8.87% (ลดลง 1% YoY จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นและการควบคุมค่าใช้จ่าย)

Cost ไตรมาส 3/2568: 82.1% (เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2), ตั้งเป้าไม่เกิน 80% (เป็นความท้าทาย), ต้นทุนเติบโตเร็วกว่ารายได้ (20.8% vs 16.9%)

กำไร (เทียบกับ 9 เดือนปี 2567): เพิ่มขึ้นจากรายได้ (965 ล้านบาท) > ต้นทุนและ SGA > กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 68.8 ล้านบาท (เติบโต 17.6%)

สัดส่วนรายได้ (9 เดือน): OEM 80.6% (เติบโตต่อเนื่องจากการออกสินค้าใหม่และเพิ่ม Efficiency), Brand และ Food Service เติบโต, Export 3.5%

OEM: เติบโตต่อเนื่องจากการออกสินค้าใหม่, Category ใหม่, และเพิ่ม Efficiency

Brand: ออกสินค้าใหม่, ขยายช่องทาง Traditional Trade

Food Service: หาพันธมิตรรายใหม่ (Chain Holica), ขยาย Product Port (มีโรงงานแปรรูปสินค้า), พยายามหารายได้เพิ่ม

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): เริ่ม นาทีที่ 27.18

  • แรงงานกัมพูชาขาดแคลนกระทบ GP margin: ค่าแรงจ่ายขั้นต่ำปกติ แต่ OT เพิ่มขึ้นจากการลาออก, ความชำนาญน้อย > ต้นทุนเพิ่มขึ้น (GP ลดลง), Product Mix มีผลต่อ GP margin (+1%)
  • รายได้ Q3 เติบโต แต่กำไรลดลง: Q1-Q2 ดีกว่าเป้า, เตรียมการ Q3 (ทรัพยากร), แรงงานกัมพูชาความชำนาญสูง > ผัดเปลี่ยน > ตั้งต้นใหม่ > ประสิทธิภาพ/OT > ค่าแรงสูงขึ้น > ต้นทุนสูงขึ้น + ยอดขายไม่เติบโตเท่าเป้า
  • MOU กับ 7-Eleven กรณีผลิตสินค้าอบร้อน: กำหนดว่า NSL ผลิตให้ 7-Eleven เท่านั้น แต่ความหลากหลายของสินค้าสูง > แป้งขนมปัง (ครัวซอง, เดนิช, เค้ก) NSL ทำได้ แต่แป้งพิซซ่า Supplier อื่นอาจทำได้
  • แนวโน้ม Q4/2568: ดีขึ้นจาก Q3, สถานการณ์เศรษฐกิจ (กำลังซื้อ) + นโยบายรัฐบาล (คนละครึ่ง) อาจมีผลกระทบเล็กน้อย, แต่ภาพรวมยังอยู่ในเป้าหมาย (ใกล้เคียงงบประมาณ)
  • ทิศทาง Brand และ Food Service: Food Service ขยาย Chain Restaurant, Brand มีแบรนด์ขนมปัง (Traditional Trade), Bake A Wish (หน้าร้าน + ลูกค้ารายหลัก), เครื่องดื่ม Just Cool Coco Cool (ส่งออก), กะทิ (Natural Boom), แต่ละแบรนด์มี Position และตลาดต่างกัน
  • Food Service/Export Margin ต่ำ: Food Service ขึ้นกับกลุ่มลูกค้า (Chain) > ต้นทุนสวิง, Export ดีขึ้นเรื่อยๆ (NSL ดูแลราคาวัตถุดิบ, จัดการโรงงาน, วางแผนหาวัตถุดิบตามฤดูกาล), วางแผนระยะยาว > ปีหน้าเห็นผลชัดเจน (วางแผนวัตถุดิบ มะพร้าว/น้ำมะพร้าว/Baby Corn/ผลไม้อื่นๆ แล้ว)
  • แผนใช้ Automation ลดผลกระทบค่าแรง: โรงงานใหม่ (กลางปีหน้า) > ผลิตขนมปังอัตโนมัติ (1.4 ล้านแผ่นต่อวัน) > ลดแรงงานคน + ควบคุมการผลิตดีขึ้น + คุณภาพดีขึ้น + ลดการสูญเสีย, ใช้ Robot ประกอบแซนด์วิชอบร้อน (บางตัว), พัฒนาต่อเนื่อง
  • ความคืบหน้าโรงงานใหม่ (ชลบุรี): โครงสร้างเร็วกว่าแผน 2%, สั่งเครื่องจักรแล้ว (ดำเนินงานตามแผน), EIA คาดว่ากลาง/ปลายธันวาคมนี้เรียบร้อย
  • Pro Natural Food (ซื้อกิจการ):
    • Supply Management: เจรจา Supplier (Packaging/วัตถุดิบหลัก มะพร้าว/น้ำมะพร้าว/Baby Corn), จัดการวงจรวัตถุดิบปีนี้ได้ระดับนึง, วางแผนปีหน้า (ขอบข้าวโพด/มะพร้าวแต่ละ Season จะมีผลผลิตมากตอนไหน), วางแผนผลิตปี 2569 (วัตถุดิบตามฤดูกาลถัดๆ ไป)
    • ประสิทธิภาพการผลิต: ขับเคลื่อน Supply Chain Management เป็น Key สำคัญของ Pro Natural Food
  • SGA จะรักษาทรงนี้ได้ตลอดไป: ถ้ารายได้เพิ่ม + SGA คุม Amount ได้ (ไม่ปรับขึ้นมากนัก) > คาดว่าจะยังคงรักษาระดับนี้ได้
  • แผนเติบโตปี 2569: Business Plan ภายในองค์กร (OEM, Brand, Food Service, Bake A Wish, NSL Intertrade), เติบโต 15% จากปี 2568, มั่นใจ (แผนการ/บทเรียนปีนี้ + แผนรองรับ + Business Unit มีแผนเติบโตชัดเจน), วางแผน Supply Chain (ส่งออก), ปีหน้าคาดว่ากำไรดีขึ้น
  • ความเสี่ยง/ข้อกังวลปีหน้า: ภาวะเศรษฐกิจ (กำลังซื้อ/ความมั่นใจผู้บริโภค), ต้องหา Product/ช่องทางรองรับ, ทำการบ้าน 2-3 เดือนแล้ว, ความกังวลเศรษฐกิจ/กำลังซื้อเป็นปัจจัยสำคัญ, การเปลี่ยนแปลงของโลกเร็วมาก > ต้องตั้งรับ + มี Action Plan รับมือวิกฤต

โดยสรุป NSL Food มุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนผ่านการเสริมสร้างธุรกิจหลัก, การขยายตลาด, การจัดการต้นทุน, และการให้ความสำคัญกับความยั่งยืน โดยมีเป้าหมายที่จะเติบโต 15% ในปี 2569 แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภค