NKT
บริษัท โรงพยาบาลนครธน จำกัด (มหาชน)

Oppday

ไตรมาสที่ 3 ปี 2568

สรุป OPPDAY

OK ครับ นี่คือสรุปผลการประชุม Oppday โรงพยาบาลนครธน (NKT) ไตรมาส 3 ปี 2568 ที่คุณขอมาครับ

NKT Oppday: เจาะลึกผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568, ขยายธุรกิจสู่ Next Level

สรุปผลการดำเนินงานและทิศทางของโรงพยาบาลนครธน (NKT) ประจำไตรมาส 3 ปี 2568 ครอบคลุมทั้งผลกระทบต่อธุรกิจ, โอกาส, ความเสี่ยง, แนวทางการแก้ไขปัญหา, และแนวโน้มในอนาคต

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)

รายได้รวม 518 ล้านบาท ลดลง 4% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาส 2 ของปีเดียวกัน เนื่องจากเป็นช่วง High Season ที่มีโรคระบาดตามฤดูกาล

รายได้ 9 เดือนอยู่ที่ 1,493 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 0.2% จากปี 67 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจ

  • ผู้ป่วยนอก (OPD) เติบโต 3%
  • ผู้ป่วยใน (IPD) ลดลง 5% เพราะผู้ป่วยระมัดระวังค่าใช้จ่ายและใช้สิทธิตามโรงพยาบาลมากขึ้น

สัดส่วนรายได้: ผู้ป่วยนอก 64%, ผู้ป่วยใน 36% (ผู้ป่วยนอกเพิ่มขึ้นจาก 62% ในปีที่แล้ว)

จำนวนผู้ป่วยนอก 344,650 Visit ลดลง 2%

ค่าใช้จ่ายต่อ Billing เพิ่มขึ้น 5% เป็น 3,119 บาท

จำนวนวันนอน 11,177 วัน ลดลง 10% แต่ค่าใช้จ่ายต่อวันนอนเพิ่มขึ้น 13% เป็น 19,976 บาท (มีการผ่าตัดมากขึ้น)

ต้นทุนประกอบการ 360 ล้านบาท สูงกว่าปีที่แล้ว 1% และไตรมาส 2 4% (ค่าธรรมเนียมแพทย์สูงขึ้น)

ค่าใช้จ่ายบริหาร 82 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากปีที่แล้ว (เตรียมเปิดโรงพยาบาลนครธน 2)

EBIT ไตรมาส 3 อยู่ที่ 83 ล้านบาท (16% ของรายได้) ลดลง 26% จากปีที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้น 41% จากไตรมาส 2

กำไรสุทธิไตรมาส 3 อยู่ที่ 62 ล้านบาท ลดลง 29% จากปีที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้น 48% จากไตรมาส 2

สินทรัพย์รวมลดลง 1% ส่วนใหญ่จากเงินสดที่นำไปลงทุน

หนี้สินลดลง 14% เนื่องจากชำระเงินกู้สถาบันการเงิน 150 ล้านบาท

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)

ขยายโรงพยาบาลนครธน 2 (ลงทุน 900 ล้านบาท) คาดว่าจะเปิดในไตรมาส 4 ปีนี้ โปรเจคเสร็จไป 98% แล้ว

โครงการนครธน Long Life Center (ลงทุน 557 ล้านบาท) ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและพักฟื้น

ขยายจำนวนเตียงและปรับปรุงห้องพักในโรงพยาบาลนครธน (เพิ่มเป็น 481 เตียงภายในปี 2027)

เน้นการให้บริการประกันสังคมในโรงพยาบาลนครธน 2 (คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2027)

เพิ่มกุมารแพทย์เฉพาะทาง (จาก 10 เป็น 14 อนุสาขา)

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)

ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้ผู้ป่วยระมัดระวังค่าใช้จ่าย

การแข่งขันสูงในพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก

การควบคุมราคาขายยาของภาครัฐ

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)

พัฒนาคุณภาพการบริการอย่างต่อเนื่อง

ขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มประกันสังคม

เน้นการรักษาโรคยากซับซ้อนที่มีค่าใช้จ่ายต่อหัวสูง

ควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)

มุ่งสู่ความเป็นเลิศด้านการแพทย์เฉพาะทาง

ขยายฐานลูกค้าและบริการเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ

นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการพัฒนาการบริการ

สร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [เริ่ม Q&A นาทีที่ 53:02]

  1. ความเป็นไปได้ในการทำแบรนด์แฟรนไชส์ศูนย์นครธน Long Life Center (เช่น Vitalife)

    ตอบ: มีความเป็นไปได้หากมีข้อดีมากกว่าข้อเสีย แต่ปัจจุบันนครธนมีความแข็งแกร่งในแบรนด์ของตัวเองในย่านพระราม 2 และต้องการใช้แบรนด์ของตัวเองส่งเสริมซึ่งกันและกัน

  2. ผลกระทบจากค่าเสื่อมราคาของโรงพยาบาลนครธน 2 ต่อ EPS เมื่อเปิดในไตรมาส 4

    ตอบ: ค่าเสื่อมราคาประมาณ 32 ล้านบาทต่อปี หรือ 0.4 บาทต่อ EPS แต่ EPS ไม่ได้ขึ้นอยู่กับค่าเสื่อมราคาเพียงอย่างเดียว ต้องหารายได้มาชดเชย และคาดว่าการเปิดโรงพยาบาลนครธน 2 จะเพิ่มรายได้และ EPS ให้กับกลุ่ม

  3. ระยะเวลาคืนทุนของโรงพยาบาลนครธน 2

    ตอบ: คาดว่าจะมีกำไรในปีที่ 5 และคืนทุนในปีที่ 8

  4. โครงการขยายการลงทุนหลัก 3 โครงการ จะเริ่มรับรู้รายได้และสร้างกำไรเมื่อไหร่, ROI ที่คาดหวัง

    ตอบ: นครธน 2 เปิดธันวาคมปีนี้, Long Life Center ไตรมาส 2 ปีหน้า, ขยายเตียงจะทยอยทำ (เฟสแรกมกราคม 69, เฟส 2 กุมภาพันธ์ 20 เตียง) คาดว่าจะสร้างกำไรสุทธิให้กลุ่มมากขึ้น

  5. จำนวนบุคลากรทางการแพทย์ (พยาบาล, หมอ) ที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดโรงพยาบาลนครธน 2

    ตอบ: เน้นการแชร์ Resource, พยาบาลระดับบริหารจะแชร์เรื่องระบบควบคุม, แต่งตั้งผู้จัดการตามแผนกที่จำเป็น (ฉุกเฉิน, ผู้ป่วยนอก, ผู้ป่วยใน), อัตราหมอเพิ่มขึ้น (อายุรกรรม, ศัลยแพทย์ประจำ, แผนกฉุกเฉิน) ที่เหลือใช้การสลับเวร

  6. ผลกระทบต่อค่าใช้จ่าย 9 เดือนที่ผ่านมา หากไม่รวมค่าใช้จ่าย Pre-opening ของโรงพยาบาลนครธน 2

    ตอบ: ต้นทุนเพิ่มในส่วนของค่าแพทย์ (รับแพทย์เฉพาะทางเพิ่ม), ค่าใช้จ่ายบริหารเพิ่มในส่วนของค่าเสื่อมราคา (เครื่องมือแพทย์ใหม่), ค่า Maintenance ระบบคอมพิวเตอร์ (8 ล้านบาทต่อปี)

  7. ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางที่นครธนมั่นใจว่าจะสร้างความได้เปรียบที่ยั่งยืนในพื้นที่ที่มีการแข่งขันสูง (ศูนย์สมอง, ศูนย์หัวใจ, ศูนย์มะเร็ง)

    ตอบ: ศูนย์สมองและหัวใจได้รับการรับรองด้วยรางวัลจาก 2 เวที (กระทรวงสาธารณสุข, World Stroke Organization), ศูนย์หัวใจมีการ Partner กับ Cardio 270 Associate (มีแพทย์ Cardiologist ฝีมือดี), ลงทุนเครื่องมือสวนหัวใจ (Biplane DSA) ทำให้รักษาในระดับที่ลากลิ่มเลือดออกจากสมองได้

  8. แผนการบริหารจัดการอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (DE Ratio) เพื่อรองรับภาระการลงทุนในอนาคต โดยไม่กระทบต่อศักยภาพในการจ่ายเงินปันผล

    ตอบ: ใช้เงินทุนจากการขายหุ้น IPO ในนครธน 2 และ Long Life Center (ลดภาระดอกเบี้ย), อาจมี Red Fund จากสถาบันการเงินบ้าง แต่คาดว่าจะลดเงินกู้ได้เร็ว, ใช้ Cash Flow จาก Operation ในการ Renovate นครธน 1 และทยอยทำใน 3 ปี คาดว่าจะไม่กระทบต่อการจ่ายเงินปันผล

  9. ความเสี่ยงที่สำคัญที่สุดในปัจจุบันของ NKT และมาตรการลดความเสี่ยง

    ตอบ: ความเสี่ยงคือโครงการดีเลย์ มีมาตรการกำกับดูแล, คุยกับ Supplier, ติดต่อราชการ, ขอใบอนุญาตต่างๆ ให้เป็นไปตามระบบ

  10. ผลกระทบต่อ EPS จากการควบคุมราคายาของรัฐบาล

    ตอบ: ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการใส่ MOU, แสดงราคายา, อัปเดตต้นทุนยา, ส่งมอบเอกสารให้กระทรวงพาณิชย์เป็นประจำ, มีเป้าหมายลด Medical Inflation, คาดว่าจะไม่กระทบต่อคนไข้ที่จะเลือกใช้บริการ

โดยสรุป, โรงพยาบาลนครธน (NKT) ยังคงมุ่งมั่นที่จะขยายธุรกิจและพัฒนาคุณภาพการบริการอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจและการแข่งขันที่สูงขึ้น แต่ด้วยกลยุทธ์ที่ชัดเจนและการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ, NKT ยังคงมีศักยภาพในการเติบโตและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว