สรุปงบล่าสุด NEP
บริษัท เอ็นอีพี อสังหาริมทรัพย์ และอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 3 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
บริษัท เอ็นอีพี อสังหาริมทรัพย์ และอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ NEP ได้ประกาศยุติการดำเนินงานในธุรกิจผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกรวมทั้งบรรจุภัณฑ์ประเภทอื่น เนื่องจากมีผลขาดทุนต่อเนื่องมานานกว่า 15 ปี และมีกระแสเงินสดติดลบ โดยบริษัทได้ทำการเลิกจ้างพนักงานในสายงานผลิตทั้งหมด สายงานการตลาดและขาย และสายงานสนับสนุนบางส่วน รวมถึงการขายสินทรัพย์เครื่องจักร อุปกรณ์ ยานพาหนะ และวัตถุดิบที่ไม่ได้ใช้งาน เพื่อลดต้นทุนคงที่และเพิ่มกระแสเงินสด บริษัทมีแผนจะเข้าซื้อธุรกิจของบริษัท วาวา แชด จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์ “บลหล 7” ซึ่งเป็นรูปแบบ Circular Upcycling เป็นการเพิ่มมูลค่าจากเศษวัสดุหมุนเวียน โดยมีมูลค่าการซื้อธุรกิจรวมจำนวน 7.72 ล้านบาท บริษัทจะเริ่มมีรายได้ครั้งแรกในวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ซึ่งถือเป็นการเริ่มธุรกิจใหม่ภายใต้แผนธุรกิจด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อต่อยอดการสร้างแบรนด์ “บลหล 7” และพัฒนาไปสู่ธุรกิจ 83606 ในด้านอื่น ๆ ต่อไป
แผนธุรกิจในอนาคตของ NEP คือการมุ่งเน้นธุรกิจด้านสิ่งแวดล้อม โดยอาศัยแนวทางของรัฐบาลที่ได้กำหนด นโยบายการขับเคลื่อน 866 (3๐-(ณโห@บไดเ๒6เลอท 6๐ทอกาท) เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจสู่ 8306 เพื่อความยังยืน และการแก้ปัญหาสภาวะโลกร้อน โดยประโยชน์จะช่วยในการส่งเสริมและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่เกษตรกร ครอบคลุมทุกภาคธุรกิจภายในประเทศ โดยปรับเปลี่ยนโมเดลรูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทยไปสู่รูปแบบใหม่ ที่เรียกว่า 066 5๕๐ก๐ก !ตือส๐| ซึงจะช่วยต่อยอดจุดแข็งของประเทศให้ มีมูลค่าเพิ่มชื้น ทั้งในด้านความหลากหลายทางชีวภาพและความหลากหลายทางวัฒนธรรม โดยอาศัยกลไกวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อผลิตสินค้าและบริการที่มีมูลค่าสูงและเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจที่ตั้งอยู่บนความไม่ประมาท ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันในตัวเอง ใช้ความรู้และคุณธรรม เพื่อให้ธุรกิจเกิดการพึ่งพาตัวเองได้และแบ่งปันไปถึงสังคม ซึงเป็นที่มาของสินค้าภายใต้แบรนด์ “บลหล 7” ที่เป็นรูปแบบ (นเล6 ปอ๕น์ทร เป็นการเพิ่มมูลค่าจากเศษวัสดุ หมุนเวียน เหลือใช้จากกระบวนการผลิต รวมถึงการใช้วัตถุดิป [4๐๕๓๕๐ มาผลิตโดยสร้างสรรค์ผลงานจากนักออกแบบในพื้นที่ ที่ออกแบบสินค้าประเภทกระเป๋ารูปทรงต่าง ๆ ที่มีลวดลายเฉพาะ ไม่ซ้ำกัน รวมถึงการสร้างสรรค์สินค้า [ก์อ5ไ/ไ๐ ประเภทอื่น ๆ บางลวดลายมีเพียงไม่กี่ชิ้น ออกมาเพื่อตอบสนอง 1.[โ๒51!อ กลุ่มลูกค้าที่ชอบความแตกต่างและมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ซึงเป็นเทรนต์ที่คนในประเทศ หรือ แม้แต่ต่างประเทศก็ให้ความสนใจในสินค้าที่ผลิตมาจากวัตถุดิบเหลือใช้ หรือ ผลิตมาจากวัตถุดิบที่ผ่านการ [%๐๐%๕๐ จากขยะอุตสาหกรรมและขยะครัวเรือน เพราะนอกจากจะใช้ได้จริงในชีวิต ก็ยัง ช่วยลดขยะได้ด้วย และที่สำคัญสายการผลิตสินค้าของบริษัทเป็นการจ้างงานกลุ่มคนในชุมชนที่มีฝีมือการตัดเย็บ ซึงบริษัท มุ่งเน้นการช่วยเหลือชุมชนให้มีงานทำโดยร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างงานสร้างอาชีพให้กับคนในชุมชนทั้งในจังหวัด และจังหวัดใกล้เคียง และสินค้ากลุ่ม (6๕นเอ6 ป๒๕๕น์ทธู หรือ อ๕1๑ ยังมีคู่แข่งไม่มาก ยังสามารถเจาะกลุ่มลูกค้าและสร้าง การรับรู้ให้กับลูกค้าได้อย่างกว้างขวางทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึงสินค้าดังกล่าวเป็นเพียงส่วนหนึ่งใน 836๐6 Economy Model ที่ทางบริษัทเริ่มต้นเป็นผลิตภัณฑ์แรกของธุรกิจด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อต่อยอดการสร้างแบรนด์ บลหล 7 และพัฒนาไปสู่ธุรกิจ 83606 ในด้านอื่น ๆ ต่อไป
ผลประกอบการของ NEP ในไตรมาส 3 ปี 2567 มีกำไรสุทธิ 1.73 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2566 ซึ่งมีผลกำไรสุทธิ 2.93 ล้านบาท ผลการดำเนินงานกำไรลดลงจำนวน 1.20 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 1 เนื่องจากสาเหตุหลักที่สำคัญคือ รายได้จากการขายและรายได้อื่นของบริษัทฯ มีรายได้จากการขายของส่วนการดำเนินงานต่อเนื่อง ในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 จำนวน 1.37 ล้านบาท ซึ่งเป็นการรับรู้รายได้ครั้งแรกในวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ภายใต้แบรนด์ งลปล 7 จากแนวโน้มของการรับคำสั่งซื้อสินค้าจากลูกค้าในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 ถือว่าเป็นไปในทิศทางที่ดี บริษัทสามารถผลิตและส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้าได้ทันตามกำหนดระยะเวลาการส่งมอบสินค้า บริษัทคาดว่าจะ สามารถพลักดันรายได้จากการขายสินค้าภายใต้แบรนด์ VAVA Z ที่เป็นรูปแบบ (ิเซนเล! ป๕น์ทธุ ให้มีมูลค่า ที่เพิ่มขึ้น ในทิศทางของธุรกิจสิ่งแวดล้อม ตามที่บริษัทได้กำหนดไว้ในแผนธุรกิจได้อย่างแน่นอน
**สรุปฐานะการเงิน**
บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 จำนวน 580.99 ล้านบาท ลดลงจากวันที่ 31 ธันวาคม 2566 จำนวน 22.30 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 3.70 ซึ่งมีรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ดังนี้
* **สินทรัพย์หมุนเวียน:** ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 มีจำนวน 18.99 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 จำนวน 8.74 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 31.52 ซึ่งมีสาระสำคัญจากลูกหนี้การค้าและสินค้าคงเหลือลดลง สืบเนื่องจากการยุติการผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์กระสอบพลาสติกและบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อน ส่งผลให้ บริษัทมีรายได้ลดลง
* **สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน:** ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 มีจำนวน 562 ล้านบาท ลดลงจำนวน 13.56 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 2.36 เกิดจากเงินฝากที่ติดภาระค้ำประกัน (โป ลดลงจำนวน 4.99 ล้านบาท สิทธิ การใช้สินทรัพย์ลดลง 1.71 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ ยกเลิกการเช่ารถยนต์เพื่อใช้ในกิจการ รายการ สาระสำคัญเพิ่มขึ้นจากส่วนแบ่งผลกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมจำนวน 11.68 ล้านบาท และในส่วน ของที่ดิน อาคาร อุปกรณ์ ลดลงจำนวน 97.94 ล้านบาท และไตรมาส 1 ปี 2567 บริษัทฯ จัดประเภท อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน 79 ล้านบาท สืบเนื่องจากแผนการปล่อยเช่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของ บริษัท และจากรายการจัดประเภทเครื่องจักร-อุปกรณ์ที่ไม่ได้ใช้งาน จากการยุติการผลิตสินค้าเป็น สินทรัพย์ที่ถือไว้เพื่อขาย 13 ล้านบาท ซึ่งได้ขายสินทรัพย์ที่ไม่ได้ใช้งานในไตรมาส 2 ปี 2567
บริษัทฯ มีหนี้สินรวม ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 จำนวน 7.68 ล้านบาท ลดลงจากวันที่ 31 ธันวาคม 2566 จำนวน 28.69 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 79.32 ซึ่งมีรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ดังนี้
* **หนี้สินหมุนเวียน:** ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 มีจำนวน 5.67 ล้านบาท ลดลงจำนวน 27.61 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 82.96 โดยมีการชำระหนี้เป็น[ปตามกำหนดชำระ และมีปริมาณการสั่งซื้อวัตถุดิบที่ใช้ใน การผลิตสินค้าที่ลดลงตามคำสั่งซื้อที่ลดลงด้วย
* **หนี้สินไม่หมุนเวียน:** ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 มีจำนวน 1.81 ล้านบาท ลดลงจำนวน 1.09 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 37.59 ซึ่งเป็นการลดลงจากหนี้สินตามสัญญาเช่าจำนวน 1.10 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทฯ ไม่ มีหนี้สินระยะยาวจากสถาบันทางการเงิน
* **ส่วนของผู้ถือหุ้น:** ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 มีจำนวน 573.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันที่ 31 ธันวาคม 2566 จำนวน 6.39 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.13 เนื่องจากบริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิ
การวิเคราะห์โอกาสการลงทุนใน NEP ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงและผลตอบแทนที่นักลงทุนต้องการ บริษัทมีราคาหุ้นเฉลี่ยย้อนหลังในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา P/BV มีค่าเฉลี่ยประมาณ 0.90 แสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่ช้า P/E มีค่าเฉลี่ยประมาณ 0 แสดงให้เห็นถึงการขาดทุนต่อเนื่อง และ YIELD มีค่าเฉลี่ยประมาณ 0 แสดงให้เห็นว่าไม่มีการจ่ายเงินปันผลในช่วงที่ผ่านมา การลงทุนใน NEP จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่ต้องการลงทุนในธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นเทรนด์โลกที่กำลังได้รับความสนใจ แต่มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากบริษัทมีประวัติการขาดทุนต่อเนื่อง ดังนั้นควรพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน
**โอกาส**
* บริษัทมีโอกาสเติบโตสูงในธุรกิจสิ่งแวดล้อม เนื่องจากเป็นเทรนด์โลกที่กำลังได้รับความสนใจ
* บริษัทมีการจ้างงานกลุ่มคนในชุมชนที่มีฝีมือการตัดเย็บ ช่วยสร้างงานสร้างอาชีพให้กับคนในชุมชน
* สินค้ากลุ่ม (6๕นเอ6 ป๒๕๕น์ทธู หรือ อ๕1๑ ยังมีคู่แข่งไม่มาก
* บริษัทสามารถสร้างแบรนด์ “บลหล 7” และพัฒนาไปสู่ธุรกิจ 83606 ในด้านอื่น ๆ ต่อไป
**ความเสี่ยง**
* บริษัทมีประวัติการขาดทุนต่อเนื่อง
* บริษัทอาจต้องใช้เวลาในการสร้างฐานลูกค้าและสร้างการรับรู้ให้กับสินค้าใหม่
* บริษัทอาจต้องเผชิญกับความท้าทายในการแข่งขันกับธุรกิจสิ่งแวดล้อมรายอื่น ๆ
* บริษัทอาจต้องเผชิญกับความเสี่ยงด้านกฎระเบียบและนโยบายของรัฐบาล
ข้อมูลการเงินเพิ่มเติมสำหรับการวิเคราะห์:
* **ลักษณะธุรกิจของบริษัท:** ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกรวมทั้งบรรจุภัณฑ์ประเภทอื่น
* **ข้อมูล D/E:** ข้อมูล D/E แสดงถึงระดับความเสี่ยงทางการเงินของบริษัท หาก D/E ต่ำกว่า 1 พื้นฐานแข็งแกร่ง หากบริษัทต้องการขยายขนาดของกิจการหรือลงทุนในโครงการต่าง ๆ โดยการกู้เงิน การที่มีภาระหนี้สินที่ต่ำ ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสที่เจ้าหนี้จะอนุมัติสินเชื่อสูงขึ้น
* **ข้อมูลเก็บหนี้เฉลี่ย วัน:** แสดงถึงเวลาเฉลี่ยที่บริษัทใช้ในการเรียกเก็บหนี้จากลูกค้า
* **ข้อมูลขายสินค้าเฉลี่ย วัน:** แสดงถึงเวลาเฉลี่ยที่บริษัทใช้ในการขายสินค้าออกไป
* **ข้อมูล วงจรเงินสด:** “ยิ่งน้อยหรือติดลบ ยิ่งดี” เพราะสะท้อนถึงการมีประสิทธิภาพในการสร้างยอดขายและสามารถเรียกเก็บเงินสดจากลูกหนี้การค้าได้ ก่อนที่จะต้องจ่ายเงินสดนั้นออกไปให้กับเจ้าหนี้การค้าหรือนำไปจ่ายหนี้ ทำให้มีเงินสดมาใช้หมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจได้อย่างเพียงพอ เช่น การลงทุน การจ่ายเงินปันผล การจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้
* **ข้อมูล เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน:** แสดงถึงกระแสเงินสดที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานของบริษัท
* **ข้อมูล เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุน:** ถ้า เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุน "ติดลบ" หมายถึงบริษัทนำเงินไปลงทุนต่อยอดธุรกิจ ถ้า เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุน "เป็นบวก" หมายถึงบริษัทได้รับเงินจากการขายสินทรัพย์มองว่าอาจไม่ใช่เรื่องที่ดีในการทำธุรกิจ
(0.00%)
(94.54%)
(0.00%)
(108.05%)
(0.00%)
(247.35%)
(0.00%)
(31.30%)
(0.00%)
(40.97%)
(80.15%)
(53.14%)