NEO
บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน)

สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567

สรุป OPPDAY

สรุป Oppday: NEO Corporate ไตรมาส 4 ปี 2567 - ยอดขายทะลุหมื่นล้าน, โฟกัส Silver Age, มุ่งสู่การเติบโต 2 หลัก

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):

บริษัท NEO Corporate จํากัด (มหาชน) สรุปผลการดำเนินงานในไตรมาส 4 และปี 2567 โดยมีผลกระทบเชิงบวกจากการที่ยอดขายรวมของบริษัททะลุ 10,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการดำเนินงานที่มุ่งเน้นการเติบโตในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่ม Personal Care ที่มีการเติบโตสูงสุดเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า นอกจากนี้ บริษัทยังมีกำไรสุทธิมากกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น Net Profit Margin ที่ 10% ซึ่งเป็นครั้งแรกที่บริษัทสามารถทำได้ในอัตราสองหลัก

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):

บริษัทมองเห็นโอกาสในการเติบโตในตลาดใหม่ๆ โดยเฉพาะตลาด Silver Age ที่บริษัทได้เริ่มดำเนินการแล้ว และตลาด Premium Mass ที่บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนเป็น 5% ของยอดขายทั้งหมด นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะพัฒนาสินค้าและนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและขยายฐานลูกค้า

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):

บริษัทเผชิญกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับต้นทุนวัตถุดิบที่อาจปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น และสภาพเศรษฐกิจที่อาจส่งผลกระทบต่อการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค นอกจากนี้ บริษัทยังต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงในตลาด FMCG

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):

บริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการจัดหาวัตถุดิบจากหลายแหล่งและการทำสัญญาล่วงหน้า เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของราคา นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพของต้นทุนบรรจุภัณฑ์ และลดการใช้ Virgin Plastic เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):

บริษัทมีวิสัยทัศน์ที่จะเติบโตอย่างมั่นคงในตลาดที่บริษัทได้สร้างไว้ และมีแผนที่จะนำเสนอสินค้าและ SKU ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทยังตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนการขายในตลาด Premium Mass เป็น 7-8% ในปี 2568 และ 10% ในปี 2571 โดยมีกลยุทธ์ Dual Track ในการเติบโตทั้งในประเทศและต่างประเทศ

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [เริ่ม Q&A นาทีที่ 44:25]

คำถามและคำตอบในช่วงถาม-ตอบถูกจัดกลุ่มภายใต้หัวข้อที่เกี่ยวข้องดังนี้:

  1. ยอดขายและการเติบโต:
    1. ยอดขายรวมของบริษัทในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาสอดคล้องกับเป้าหมายการเติบโต 10% หรือไม่?

      คำตอบ: ในปีที่แล้ว ไตรมาส 2 ยังไม่เป็นไปตามเป้าเนื่องจากสถานการณ์ Export ที่หนักหนา แต่ Domestic เติบโต 2 หลักตามเป้า ในปีนี้ (2567) เห็นการฟื้นตัวของ Export ชัดเจน โดยมีเป้าเติบโต Export กว่า 20% แต่ 2 เดือนแรกโตแล้ว 30% (เวียดนามโตเกือบ 40%) ทำให้มั่นใจว่าจะทำ CAGR ใน 5 ปี (2566-2571) เติบโตได้ 2 หลัก

  2. แผนการใช้ Free Cash Flow:
    1. บริษัทมีแผนซื้อหุ้นคืนหรือไม่ หากมี Free Cash Flow เหลือ?

      คำตอบ: ตอนนี้ยังไม่มีแผนซื้อหุ้นคืน แต่หากมี Free Cash Flow ใน 2-3 ปีข้างหน้า จะพิจารณาใช้เพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัทและผู้ถือหุ้น

  3. นโยบาย Easy E-Receipt และ Category ที่โฟกัส:
    1. บริษัทได้รับประโยชน์จากนโยบาย Easy E-Receipt หรือไม่?

      คำตอบ: ร้านค้าได้รับประโยชน์ทางอ้อม

    2. Category ไหนที่บริษัทโฟกัสเป็นพิเศษในปี 2568 (ปี 2025)?

      คำตอบ: การดูแลเสื้อผ้า และ Liquid Soap (สบู่เหลว/ครีมอาบน้ำ) เพราะมี Market Share เป็นอันดับ 2 แต่ Gap กับอันดับ 1 ไม่ถึง 2% คาดหวังว่าจะมีบางเดือน/ไตรมาสที่ขึ้นเป็นอันดับ 1

  4. เป้าหมายทางการเงิน:
    1. บริษัทตั้งเป้า Gross Profit Margin และ SG&A ในปี 2568 (ปี 2025) ที่ระดับเท่าไหร่ของยอดขาย?

      คำตอบ: Gross Profit Margin ตั้งเป้าไว้ที่ 41-43% เพราะต้นทุนวัตถุดิบอาจสูงขึ้นและมีโรงงานใหม่ สภาพเศรษฐกิจและการแข่งขันก็มีผลต่อการตั้งเป้าที่ conservative นี้, SG&A น่าจะใกล้เคียงปี 2567 (ปี 2024) คือ 30 ต้นๆ

    2. SG&A จะมีการปรับหรือไม่ หากต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้น? จะพยายามรักษากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ที่ระดับเท่าไหร่?

      คำตอบ: จะบริหาร SG&A เพื่อให้ Net Profit Margin อยู่ที่ประมาณ 8-10%

  5. แผนการลงทุน (CAPEX) และ กำลังการผลิต:
    1. CAPEX ในปี 2568 (ปี 2025) ตั้งไว้ที่เท่าไหร่?

      คำตอบ: CAPEX มี 2 ส่วน คือ Normal CAPEX (250-300 ล้านบาทต่อปี) และ Master Plan CAPEX (2,300 ล้านบาท) ประกอบด้วยโครงการขยายกำลังการผลิต Personal Care, Household และคลังจัดเก็บวัตถุดิบ

    2. หลังโรงงานเปิดใช้ในปี 2568 (ปี 2025) ดอกเบี้ยต่อปีจะคิดเป็นเท่าไหร่?

      คำตอบ: 40-50 ล้านบาท

    3. พอจบปี 2568 (ปี 2025) Capacity จะเพิ่มขึ้นเท่าไหร่จากปี 2567 (ปี 2024)?

      คำตอบ: เพิ่มขึ้นประมาณ 10-15%

  6. D-nee Deluxe และ กลยุทธ์สำหรับผลิตภัณฑ์เด็ก:
    1. ยอดขาย D-nee Deluxe เป็นอย่างไรบ้าง?

      คำตอบ: ประสบความสำเร็จมาก ยอดขายสูงกว่าเป้าหมาย 107% โดยเฉพาะตัวอาบน้ำสูงกว่าเป้า 180% คิดเป็น 11% ของ Port Premiumization

    2. ในระยะยาว D-nee จะยืนได้หรือไม่ ท่ามกลางจำนวนเด็กที่น้อยลง?

      คำตอบ: บริษัทเห็นอัตราการเกิดที่ถดถอยมาเป็น 10 ปี และติดตามตัวเลขใกล้ชิด D-nee ไม่ได้มีแค่สินค้าสำหรับเด็ก แต่ยังมีสินค้าสำหรับวัยอื่นด้วย และ Silver Age ก็เป็น Channel ใหญ่ ซึ่ง Branding จะถูกเก็บเข้ามาใน D-nee ทั้งหมด นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ D-nee ยังมีการเติบโตต่อเนื่อง

  7. การตลาดและการแข่งขัน:
    1. ผลิตภัณฑ์ซักผ้า D-nee กับ Fine Line มีโอกาสที่ User จะเป็นกลุ่มเดียวกันหรือไม่?

      คำตอบ: ใน 1 บ้านมักจะมี 2 Brand อยู่แล้ว บางช่วงอาจมีเหลื่อมกันบ้าง ถ้าช่วงไหนที่เขารู้สึกว่าสมาชิกในบ้านก็ยังไม่มีเวลาออกไปซื้ออีกยี่ห้อนึง บางทีก็ใช้ยี่ห้อที่มีอยู่แล้วกับทุกๆ ท่านในบ้านก็ก็จะเกิดขึ้นได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเนี่ย มันก็ที่ เราเติบโตขึ้นได้เยอะเนี่ยก็เป็นเพราะว่าเรามีจุดขายมีคุณภาพสินค้าที่โดนใจผู้บริโภคทำให้จริงๆ แล้วก็ เอ่อในตลาดน้ํายาซักผ้าต้องเรียนตามตรงว่ามันจะเป็นการ convert จากผงซักฟอกมาที่ตลาดซักผ้าชนิดน้ําซึ่งตรงนี้จะมีอัตราต่อเนื่องนะคะทุกปีนะคะในขณะเดียวกันเองเราก็มีการ เอ่อสามารถ switch เอ่อผู้ใช้จากแบรนด์อื่นมาใช้แบรนด์ของเรานะคะจากการที่เราสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ค่ะ

    2. การที่ผู้บริหารซื้อหุ้นจาก Finansa เป็นเพราะอะไร? เป็นข้อตกลงที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่ตอนที่ Finansa เข้าลงทุนหรือไม่?

      คำตอบ: ไม่ใช่ข้อตกลง, เค้าเสนอมาเราก็ซื้อครับ (คำตอบจากผู้บริหาร) ไม่ได้มีข้อตกลงตรงนั้นค่ะ แต่ว่าพอเค้าสนใจจะขายเราก็เค้าก็เสนอเรามาค่ะ พูดมันประมาณนั้นมากกว่าว่าให้เราเป็น priority ถ้าเผื่อจะขายเอ่อ lot ใหญ่ค่ะ (คำตอบจากผู้บริหาร) ใช่ประมาณนั้นครับ (คำตอบจากผู้บริหาร)

    3. รบกวนขอให้บริษัทโปรโมทผลิตภัณฑ์ซักผ้าเกี่ยวกับ PM 2.5 มากกว่านี้ได้หรือไม่ เพราะ Search หาข้อมูลสินค้าออนไลน์เจอน้อยมาก?

      คำตอบ: สินค้าเพิ่งวางเมื่อปลายปี เดี๋ยวจะเร่งทำให้ ต้องขอบคุณที่ให้คำแนะนำ

    4. ในอนาคต NEO มีแผนขยายสินค้ามาฝั่งผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าเพิ่มหรือไม่?

      คำตอบ: เราเป็นบริษัทที่เปิดกว้าง มองทุกโอกาสในตลาดอยู่แล้ว พัฒนาสูตรรองรับอยู่แล้ว ดูความพร้อมของตลาดและความพร้อมของเราเป็นเกณฑ์

โดยรวมแล้ว NEO Corporate มีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและมีแผนการเติบโตที่ชัดเจน โดยมุ่งเน้นการขยายตลาด การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น