MPJ
บริษัท เอ็ม พี เจ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน)

สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567

สรุป OPPDAY

MPJ Logistics: โอกาสเติบโตท่ามกลางความท้าทาย สู่เป้าหมายผู้นำโลจิสติกส์ครบวงจร

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):

ปี 2567 ที่ผ่านมา MPJ Logistics ประสบความสำเร็จในการทำรายได้รวม 1,019 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากปีก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิ 98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% ธุรกิจทั้ง 4 ประเภทเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจคลังสินค้าที่เติบโตถึง 272% และธุรกิจ Freight Forwarder เติบโต 97% แม้ว่าปีที่ผ่านมาจะมีความท้าทาย แต่ด้วยความมุ่งมั่นของทีมงานและความเชื่อมั่นจากนักลงทุน ทำให้ MPJ สามารถสร้างผลลัพธ์ที่แข็งแกร่งและต่อยอดโอกาสใหม่ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง

ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ:

  • เชิงบวก: การเติบโตของธุรกิจคลังสินค้าและ Freight Forwarder, การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAI
  • เชิงลบ: ความท้าทายจากสถานการณ์ภายนอก

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):

MPJ มองเห็นศักยภาพการเติบโตที่สำคัญจากการขยายการตลาด, การใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ, และแนวโน้มเศรษฐกิจที่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับบริษัท โดยมีกลยุทธ์และแผนการดำเนินการดังนี้:

  1. ขยายลานตู้คอนเทนเนอร์เพิ่ม 2 แห่ง (แหลมฉบังและลาดกระบัง) คาดว่าจะสร้างรายได้เพิ่ม 355 ล้านบาท
  2. ขยายการให้บริการขนส่งในประเทศ (Inland Transport) โดยเน้นตู้ Reefer และการกระจายสินค้าทั่วภูมิภาค
  3. ขยายตลาด Freight Forwarder ไปยังอเมริกาและตะวันออกกลาง คาดว่าจะสร้างรายได้เพิ่มขึ้น 100 ล้านบาท
  4. ขยายคลังสินค้า (Warehouse) ที่ระยองเฟส 2 คาดว่าจะสร้างรายได้เพิ่ม 35 ล้านบาท

บริษัทมุ่งมั่นที่จะสร้างคุณค่าให้กับนักลงทุนในระยะยาว โดยเพิ่มขีดความสามารถและสร้างผลตอบแทนที่มั่นคง

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):

MPJ ตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากสภาวะการแข่งขันในตลาด, ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน, และปัจจัยภายนอกอื่นๆ โดยมีแผนการรับมือความเสี่ยงดังนี้:

  • การบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ
  • การพัฒนาคุณภาพการให้บริการเพื่อสร้างความแตกต่าง
  • การใช้เครื่องมือทางการเงินเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):

บริษัทมีแผนการแก้ไขปัญหาและลดผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ โดยเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน, การลงทุนในเทคโนโลยี, และการพัฒนาบุคลากร

กลยุทธ์และตัวชี้วัดความสำเร็จ:

  • ใช้ระบบ TMS (Truck Management System) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการเที่ยวรถ
  • ทำ Centralization ในการ Monitoring ทุกส่วน เพื่อให้ข้อมูลแม่นยำ
  • ลงทุนในระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) เพื่อพัฒนาระบบบัญชีและ Cyber Security

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):

MPJ วางเป้าหมายที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนการใช้เงินทุน 500 ล้านบาทในการพัฒนาธุรกิจ และตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตปีละ 15-20% โดยมี Net Profit ที่เติบโตควบคู่กันไป บริษัทจะพยายามคุม DE Ratio ไม่ให้เกิน 1.3%

บริษัทมุ่งเน้นการสร้างความยั่งยืน (Sustainability) โดยการใช้รถ EV และติดตั้ง Solar Rooftop เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [เริ่ม Q&A นาทีที่ 47:16]

แผนการจ่ายเงินปันผลล่าสุด:

คำถาม: อยากให้กล่าวถึงแผนการจ่ายเงินปันผลในปีล่าสุดนี้

คำตอบ: คณะกรรมการมีมติจ่ายเงินปันผล 30 สตางค์ รวมเป็นเงินประมาณ 60 ล้านบาท คิดเป็นผลตอบแทนประมาณ 9% คณะกรรมการกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 30 เมษายน และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 20 พฤษภาคม นโยบายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 40%

โอกาสในการปันผลในอัตราสูงต่อเนื่อง:

คำถาม: โอกาสที่บริษัทจะปันผลในอัตราสูงต่อเนื่อง หากกำไรยังเติบโตดี

คำตอบ: จะพยายามทำให้เต็มที่ หากมีกำไรสูงก็จะปันให้ได้เต็มที่ โดยพิจารณาสถานการณ์และกระแสเงินสดประกอบ แต่จะพยายามไม่ให้ต่ำกว่า 40%

สถานะกระแสเงินสดปัจจุบัน:

คำถาม: ปัจจุบันกระแสเงินสดของบริษัทเป็นอย่างไร

คำตอบ: มีกำไรและเงินสดที่คงเหลือจากการดำเนินงานประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งใช้ในการจ่ายปันผล โดยพิจารณาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นหลัก

งบลงทุนรวมในปีนี้:

คำถาม: งบลงทุนรวมทั้งหมดในปีนี้เป็นเท่าไร

คำตอบ: ตั้งงบลงทุนไว้ประมาณ 500 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 4 เป็นต้นไป และรับรู้รายได้เต็มปีในปี 2569

รายละเอียดงบลงทุน 500 ล้านบาท:

คำถาม: งบลงทุน 500 ล้านบาทนี้ จะลงทุนในธุรกิจใดบ้าง

คำตอบ: หลักๆ คือ ธุรกิจ Warehouse และขยายลานตู้คอนเทนเนอร์ที่แหลมฉบัง

แผนการเปิดให้บริการส่วนขยายของลานตู้คอนเทนเนอร์:

คำถาม: คาดว่าจะเปิดให้บริการส่วนขยายของลานตู้คอนเทนเนอร์ได้เมื่อใด

คำตอบ: ที่แหลมฉบัง คาดว่าจะใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 6 เดือน เริ่มก่อสร้างประมาณไตรมาส 2 และรับรู้รายได้ประมาณไตรมาส 4 ส่วนที่กรุงเทพฯ กำลังพิจารณาแผนการลงทุน อาจลงทุนช่วงไตรมาส 3 แต่การรับรู้รายได้น่าจะเป็นช่วงไตรมาส 1 ของปีหน้า

แนวโน้มธุรกิจลานตู้คอนเทนเนอร์:

คำถาม: แนวโน้มธุรกิจลานตู้คอนเทนเนอร์เป็นอย่างไร

คำตอบ: ดีมานด์ค่อนข้างเยอะ ปริมาณตู้ที่เข้ามาใช้บริการลานค่อนข้างมาก ทำให้การเปิดลานตู้ต่อเป็นส่วนที่ตอบโจทย์ลูกค้า

ปัจจัยที่มีผลต่ออัตรากำไรของแต่ละธุรกิจ:

คำถาม: ภาวะการแข่งขันในตลาดมีผลต่ออัตรากำไรของแต่ละธุรกิจหรือไม่

คำตอบ: มีผลแน่นอน ธุรกิจโลจิสติกส์ใช้คนในการขับเคลื่อนมากกว่า 50% สิ่งที่จะทำให้ชนะคู่แข่งได้คือคุณภาพการให้บริการ บริษัทเน้นย้ำและให้ความสำคัญในการพัฒนาบุคลากร และลงทุนในเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มคุณภาพการให้บริการ

ผลกระทบจากการนำเข้kาส่งออก, ค่าระวางเรือ และอัตราแลกเปลี่ยน:

คำถาม: การนำเข้าส่งออก, ค่าระวางเรือ และอัตราแลกเปลี่ยนมีผลกระทบต่อบริษัทหรือไม่

คำตอบ: ในช่วงที่เงินบาทแข็ง สามารถทำการส่งออกได้ดี ในวันที่เงินบาทอ่อน ก็สามารถนำเข้าสินค้าได้ถูกลง ไม่ว่าค่าเงินบาทจะแข็งหรืออ่อน MPJ สามารถให้บริการได้ทั้งสองส่วน และไม่ได้มีผลกระทบกับเรื่องของรายได้โดยตรง การ shift เรื่องของตัว Business ไม่ว่าจะเป็น Export ถ้าช่วงหนึ่ง Import ไม่ดี Export ก็จะโตขึ้น และถ้าช่วงหนึ่ง Export อาจจะน้อยลงเกี่ยวกับเรื่องของค่าเงินบาท ฝั่ง Import ก็จะโตขึ้น

ความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน:

คำถาม: บริษัทมีวิธีการจัดการความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนอย่างไร

คำตอบ: บริษัทเปิดบัญชี FCD ที่ใช้ในการบริหารจัดการเงินที่เป็นสกุลต่างประเทศ กรณีที่รับเงินจากสกุลต่างประเทศก็จะนำฝากเข้าบัญชี FCD และหากต้องการใช้เงินสกุลต่างประเทศก็จะใช้เงินจากบัญชีนี้ในการจ่ายออกไป

แผนการลงทุน และงบประมาณการปรับเปลี่ยนรถ:

คำถาม: แผนการลงทุน และงบประมาณการปรับเปลี่ยนรถ

คำตอบ: เรามีเป้าหมายที่จะโตจากตลาดเอเชีย ครึ่งหนึ่ง และจะขยายไปในเลนที่ตะวันออกกลาง และตลาดอเมริกา โดนได้วางงบไว้ที่ 40 ล้านบาท

การเติบโตของ Freight Forwarder:

คำถาม: เป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน ที่ปีนี้ Freight Forwarder จะเติบโตจาก 3% เป็น 5%

คำตอบ: เรามีการจัดการ, บริหารที่ดี ทำให้ต้นทุนต่ำ, สามารถต่อรองได้ดีกว่าเดิมเพราะมียอดที่สูงขึ้น

สรุปจากผู้บริหาร:

สรุปได้ว่า MPJ Logistics มีแผนการเติบโตที่ชัดเจนและเป็นขั้นเป็นตอน โดยเน้นการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพ, การพัฒนาคุณภาพการให้บริการ, และการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านโลจิสติกส์ครบวงจรของประเทศไทย และสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับนักลงทุน