สรุปด้วย AI(O) BOT

บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567 มีผลขาดทุนสุทธิ 113.57 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 338.33 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการ 9 เดือน ขาดทุนสุทธิ 691.83 ล้านบาท ขยายตัวจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 315.72 ล้านบาท สาเหตุสำคัญมาจากรายได้จากการขายและบริการของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยลดลงอย่างมาก โดยไตรมาส 3 ปีนี้ รายได้จากธุรกิจดังกล่าวอยู่ที่ 104.52 ล้านบาท ลดลง 619.41 ล้านบาท หรือลดลง 85.56% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2566 สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากงวดปีก่อนมีการขายที่ดินที่ยังไม่มีแผนพัฒนาในระยะสั้นจำนวน 557.83 ล้านบาท ส่วน 9 เดือนแรกของปีนี้ รายได้จากธุรกิจนี้ลดลง 1,287.92 ล้านบาท หรือลดลง 77.63% เมื่อเทียบกับ 9 เดือนแรกของปี 2566 เนื่องจากงวดปีก่อนมีรายได้จากการขายที่ดินที่ยังไม่มีแผนพัฒนาในระยะสั้นจำนวน 1,095.40 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทมีรายได้จากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งไตรมาส 3 และ 9 เดือนแรกของปี 2567 โดยไตรมาส 3 รายได้อยู่ที่ 192.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.46 ล้านบาท หรือ 31.70% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และ 9 เดือนแรกของปีนี้ รายได้อยู่ที่ 522.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 89.57 ล้านบาท หรือ 20.69% เมื่อเทียบกับ 9 เดือนแรกของปีก่อน

แผนธุรกิจของ MK ในอนาคต บริษัทจะมุ่งเน้นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายและให้เช่า โดยเน้นการพัฒนาโครงการในเขตพื้นที่ที่มีศักยภาพ ทั้งนี้ บริษัทได้เลิกประกอบธุรกิจสุขภาพองค์รวมหลังจากขายหุ้นสามัญในบริษัทย่อย โดยมีเป้าหมายรายได้ในอนาคตที่ไม่ได้กำหนดไว้

จากผลประกอบการไตรมาสล่าสุด MK มีผลขาดทุนสุทธิ และอัตราส่วนทางการเงินหลายอย่างแสดงให้เห็นถึงความเสี่ยง เช่น P/E ล่าสุด อยู่ที่ -100 P/BV อยู่ที่ 0.39 YIELD อยู่ที่ 0 แสดงให้เห็นถึงความไม่น่าสนใจของการลงทุน รวมถึงราคาหุ้นเฉลี่ยในช่วง 3 ไตรมาสล่าสุด อยู่ที่ 2.94, 2.68, 1.50 บาท ราคานี้ ตกลงจากช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมา โดยเฉพาะในไตรมาส 3 ปี 2567 ราคาหุ้นปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว D/E ของ MK อยู่ที่ 2.41 แสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงจากภาระหนี้สินที่สูง นอกจากนี้ เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน อยู่ที่ 572.14 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงการสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานได้ แต่ เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุน อยู่ที่ -1,215.84 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงการนำเงินไปลงทุนต่อยอดธุรกิจ อย่างไรก็ตาม วงจรเงินสด ที่ -28.74 แสดงให้เห็นถึงการมีประสิทธิภาพในการสร้างยอดขายและสามารถเรียกเก็บเงินสดจากลูกหนี้การค้าได้ ก่อนที่จะต้องจ่ายเงินสดนั้นออกไปให้กับเจ้าหนี้การค้าหรือนำไปจ่ายหนี้

โดยสรุป ผลประกอบการของ MK ในช่วงที่ผ่านมาแสดงถึงความเสี่ยงหลายประการ ทั้งผลประกอบการที่ขาดทุน และอัตราส่วนทางการเงินที่ไม่น่าสนใจ โดยเฉพาะ P/E และ YIELD ที่อยู่ในระดับต่ำ และ D/E ที่สูง แสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงจากภาระหนี้สิน แม้ว่า MK จะสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานได้ แต่การลงทุนต่อยอดธุรกิจ ก็ยังคงมีแนวโน้มที่จะทำให้ผลประกอบการในอนาคตมีความไม่แน่นอน MK จึงอาจไม่เหมาะสำหรับนักลงทุนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะนักลงทุนที่ต้องการรับเงินปันผล หรือ นักลงทุนระยะยาว ที่มองหาการเติบโตของธุรกิจ อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนเก็งกำไรระยะสั้น อาจใช้ความเสี่ยงกับราคาหุ้น ที่อาจปรับตัวขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ ได้ แต่ต้องติดตามผลประกอบการอย่างใกล้ชิด และ ใช้ความระมัดระวังในการตัดสินใจลงทุน